เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1747
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1747
โครงกระดูกสั่นไปทั้งตัว จากนั้นฉีกยิ้มกว้างให้ลู่ฝาน
ธิดาเทพแห่งไฟยิ้มแล้วพูดกับลู่ฝาน “อนุมัติ รับคำสั่งเทวทูตไป!”
ผู้ชายหน้ากากเงินที่อยู่ข้างๆ เดินขึ้นมา โยนหินศักดิ์สิทธิ์ออกมาก้อนหนึ่ง
หินศักดิ์สิทธิ์เป็นรูปมีดสั้น คือของที่ลู่ฝานต้องการ!
ความยินดีปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า ลู่ฝานถอยไปด้านข้าง โครงกระดูกวิ่งส่ายตูดดุ๊กดิ๊กมาข้างลู่ฝาน ส่งกระแสจิตอย่างตื่นเต้นว่า “สหายลู่ฝาน ขอบใจมากจริงๆ ฮ่าๆ เรากลับประเทศฉิงเทียนได้แล้ว”
ลู่ฝานยิ้มแต่ไม่พูดอะไร หินศักดิ์สิทธิ์ก้อนนี้อยู่ในมือ เขารู้สึกโล่งใจไม่น้อย
แค่ออกจากเขตปีศาจได้ เขาก็จะมีโอกาสกลับประเทศอู่อาน แม้เส้นทางอาจยาวไกลสักหน่อย แต่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา
ผู้ฝึกชั่วร้ายคนอื่นเห็นลู่ฝานได้รางวัลเป็นหินศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งยังดูไม่เป็นอะไรเลย จู่ๆ เริ่มมีความกล้าขึ้นมาในใจ
พากันเข้าไปทีละคน ไม่ต้องให้ธิดาเทพแห่งไฟตะโกนเรียก พวกเขาเข้าไปรับการทดสอบจากกระจกกำจัดมารทรงพลังด้วยตัวเอง
แต่ผู้ฝึกชั่วร้ายพวกนี้ยังฉลาดมาก พวกเขาไม่เอาชีวิตตัวเองมาเป็นของเล่น
ตอนเข้าไปทุกคนกินยาปีศาจ อีกทั้งยังถืออาวุธชั่วร้ายไว้ในมือด้วย ถ้าเกิดอะไรผิดปกติก็ถอยกลับมาทันที
เมื่อเป็นเช่นนี้ มีคนอดทนได้ถึงสิบลมหายใจจริงๆ
แต่อดทนเป็นเวลาหนึ่งก้านธูปมันยากมากจริงๆ
ธิดาเทพแห่งไฟขี้เกียจดูต่อ ให้องครักษ์ปีศาจข้างๆ บันทึกภาพไว้ ตัวเองกลับมาที่เรือนหินดำ
ลู่ฝานดูเงียบๆ อยู่ด้านข้าง มีโอกาสเป็นไปได้สูงว่าผู้ฝึกชั่วร้ายพวกนี้จะเป็นศัตรูเขาในอนาคต เขาคิดว่าตัวเองต้องดูอย่างละเอียด
เป็นไปตามคาด ดูอยู่ครู่หนึ่ง ลู่ฝานได้อะไรมาบ้างแล้ว
เดิมทีลู่ฝานเข้าใจว่าผู้ฝึกชั่วร้ายเข้าสู่วิถียังไง
ว่ากันตามเหตุผล ผู้ฝึกชั่วร้ายไม่ได้ฝึกห้าธาตุ จะเข้าสู่วิถียังไง
แต่มาเห็นวันนี้ ลู่ฝานเพิ่งรู้ว่าผู้ฝึกชั่วร้ายไม่จำเป็นต้องใช้ห้าธาตุเข้าสู่วิถี พวกเขามีวิธีการเข้าสู่วิถีของตัวเอง
อย่างเช่นผู้ฝึกชั่วร้ายที่อยู่ข้างหน้า ส่วนใหญ่จะเข้าสู่วิถีเลือด ศพและพิษ
ออร่าปีศาจที่ว่า ก็คือการผสมผสานพลังสามอย่างนี้ เหมือนวิถีสามอย่างนี้ไม่ต่างจากวิถีห้าธาตุมากเท่าไร เป็นวิถีเล็กๆ เหมือนกัน แต่ดูแปลกกว่าวิถีห้าธาตุบริสุทธิ์นิดหน่อย ลู่ฝานไม่ค่อยเข้าใจพวกทักษะวิชา
แน่นอนว่าลู่ฝานไม่ได้หวังว่าจะเข้าใจวิชาส่วนใหญ่ของผู้ฝึกชั่วร้ายได้ภายในวันเดียว
ขณะกำลังดูอย่างเพลิดเพลิน องครักษ์ปีศาจคนหนึ่งเดินมาข้างลู่ฝาน “ท่านธิดาเทพแห่งไฟเรียก ตามฉันมา!”
ไม่มีโอกาสให้ต่อรอง องครักษ์ปีศาจพูดจบก็หันหลังเดินไป
ลู่ฝานขมวดคิ้วเบาๆ แต่ก็เดินตามไป โครงกระดูกจะตามไปด้วย แต่พอเดินมาถึงประตูก็โดนขวางไว้ข้างนอก
เขาก็ไม่กล้าพูดมั่วซั่ว ทำได้แค่ยืนอึ้งอยู่ที่เดิม
องครักษ์ปีศาจสองคนที่อยู่หน้าประตู มองโครงกระดูกแล้วพูดว่า “หุ่นเชิดโครงกระดูกน่าเกลียดขนาดนี้ ไม่ดุดันเลยสักนิด”
“ถ้าเป็นฉันคงหักกระดูกไอ้นี่แล้วเปลี่ยนทิ้งไปนานแล้ว จะขาวขนาดนี้ให้ใครดู เอาออร่าปีศาจสาดใส่สักหน่อยคงดี!”
เมื่อโครงกระดูกได้ยินก็รีบถอยไปหลบตรงมุมทันที องครักษ์ปีศาจสองคนนั้นหัวเราะร่า
โครงกระดูกกัดฟันพูดว่า “รอก่อนเหอะ ไอ้ปัญญาอ่อน รอฉันกลับไปฟื้นฟูพลังที่ประเทศฉิงเทียน ต้องกวาดล้างที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลองแน่นอน หึ เหลือแค่หมู่บ้านปีศาจสาวไว้ก็พอ”
ในเรือน ลู่ฝานเดินขึ้นไปเรื่อยๆ รอบๆ เต็มไปด้วยหุ่นเชิดหินดำเย็นยะเยือก
หุ่นเชิดสูงใหญ่ ยืนอยู่สองข้าง เหลือแค่ขั้นบันไดเดินขึ้นไปข้างบน แววตาสีน้ำเงินเข้มเหมือนลูกไฟปีศาจสว่างเป็นจุดๆ จ้องลู่ฝานอยู่