เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1770
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1770
ลู่ฝานจงใจพูดลากเสียง ดูเหมือนล้ำลึกยากจะคาดเดา
หนานกงฉวนพูดด้วยตาเป็นประกายว่า “จะว่าแบบนั้นก็ได้ แต่ทางที่ดีนายอย่าทำตัวเป็นจุดสนใจ เรื่องประเทศฉิงเทียนสำคัญมาก ถ้านายทำพลาดจนทำให้แผนการใหญ่เกิดข้อผิดพลาด หัวหน้าสำนักของพวกนายคงหนีความผิดไม่พ้น”
ประโยคเดียวทำให้ลู่ฝานจิตใจวูบไหว
เมืองฉิงเทียนโดนผู้ฝึกชั่วร้ายควบคุมไว้แล้วจริงด้วย!
พวกผู้ฝึกชั่วร้ายคิดจะทำอะไร พวกเขาจะสร้างประเทศของตัวเองเหรอ
อย่าบอกนะว่าเขตปีศาจเยอะขนาดนั้น พวกเขายังไม่พอใจอีกเหรอ
หนานกงฉวนเห็นลู่ฝานไม่พูดอะไร เข้าใจว่าลู่ฝานตกใจกับคำพูดของเขา
หนานกงฉวนหัวเราะเบาๆ ความระแวงในแววตาที่มองลู่ฝานลดน้อยลง ตอนนี้ในสายตาเขา ลู่ฝานคือเทวทูตธรรมดาที่มาทำงานที่ประเทศฉิงเทียน พวกเขาไม่ยุ่งหรือขัดขวางกันอยู่แล้ว ใครกล้าทำให้เรื่องใหญ่ของสำนักล่าช้าล่ะ คิดว่าเด็กคนนี้คงรู้ว่าควรทำยังไง
จู่ๆ ลู่ฝานพูดว่า “เอาล่ะ ภารกิจของฉันค่อนข้างยุ่งยาก ให้ฉันอยู่ในวังก่อนได้ไหม มีบางเรื่องอาจต้องรบกวนเตี้ยนเซี่ยสี่”
หนานกงฉวนครุ่นคิดแล้วพยักหน้าพูดว่า “ได้ นายพักที่จวนฉันก่อน ส่วนมีเรื่องอะไรพูดกับพ่อบ้านฉันได้ ถ้าเขาช่วยไม่ได้ค่อยมาหาฉัน”
พูดจบ หนานกงฉวนลุกขึ้นเตรียมจะออกไป สะบัดมือใส่พวกผู้ฝึกชั่วร้ายที่อยู่รอบๆ เหมือนจะพาโครงกระดูกไปด้วย
ลู่ฝานเห็นภาพนี้ เขาพูดอย่างราบเรียบว่า “นี่คือรางวัลจากสงครามของฉัน ปล่อยเขาเถอะ ฉันจะควบคุมเขาเอง”
หนานกงฉวนชะงักฝีเท้าลงแล้วพูดเสียงดังว่า “ฐานะของคนคนนี้คือหนานกงสิง องค์ชายใหญ่ประเทศฉิงเทียน ถ้าเขาเดินไปเดินมาข้างนอก จะสร้างปัญหาใหญ่ให้ฉัน ขอโทษด้วย ฉันต้องกำจัดเขา!”
โครงกระดูกโมโหจนตัวสั่น ขยับปากพูดไม่หยุด แต่กลับไม่มีเสียงออกมา
เสียงของลู่ฝานยังราบเรียบเหมือนเดิม “ฉันรู้ฐานะของเขา ไม่งั้นฉันคงไม่เอาโครงกระดูกธรรมดาๆ แบบนี้หรอก ฉันบอกแล้วว่าจะควบคุมเขาเอง ไม่ว่าก่อนหน้านี้เขาเป็นอะไร เมื่ออยู่ในมือฉันก็คือรางวัลจากสงครามของฉัน”
เมื่อพูดเช่นนี้ สายตาลู่ฝานแปรเปลี่ยนเป็นดุดัน พลังวิญญาณแฝงอยู่นัยน์ตา
เกราะของผู้ฝึกชั่วร้ายค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนตัว
หนานกงฉวนสัมผัสถึงพลานุภาพของลู่ฝาน สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขามองโครงกระดูกแล้วเอาขวดหยกออกมา “นี่คือน้ำมนต์โยโดะ มีประสิทธิภาพทำให้จิตญาณมั่นคง หล่อร่างกายขึ้นมา ฉันจะให้เขากินยานี้แล้วปล่อยเขาไป”
ลู่ฝานมองขวดในมือหนานกงฉวนแล้วพูดว่า “ตามสบาย ถ้านายไม่กลัวเปลือง ป้อนให้เขากินได้เลย”
หนานกงฉวนเปิดขวด จับโครงกระดูกแล้วกรอกใส่ปากเขา
ของเหลวสีน้ำตาลแดงเข้าไปในปากโครงกระดูก
วินาทีต่อมา ลู่ฝานเห็นกระดูกบนตัวโครงกระดูกเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำอย่างรวดเร็ว
หนานกงฉวนเทจนหยดสุดท้าย จากนั้นยิ้มแล้วพูดว่า “พี่ใหญ่สุดที่รักของฉัน ตั้งแต่นี้ไปพี่เป็นได้แค่โครงกระดูก ไม่ว่าสมุนไพรอะไรก็ไม่สามารถทำให้พี่สร้างร่างกายขึ้นมาได้อีก”
ลู่ฝานดูอยู่ข้างๆ โดยไม่พูดอะไร
ตาทั้งสองข้างของโครงกระดูกจะพ่นไฟออกมาแล้ว!
เมื่อทำเสร็จเรียบร้อย หนานกงฉวนสะบัดมือบอกให้ผู้ฝึกชั่วร้ายรอบๆ แยกย้าย
โครงกระดูกที่เพิ่งหลุดออกจากพันธนาการ ยื่นมือไปคว้าตัวหนานกงฉวน แต่เขาเพิ่งขยับ กระดูกกลับร่วงลงพื้นอย่างไม่สามารถควบคุมได้
หนานกงฉวนพูดกับลู่ฝานว่า “ตอนนี้เขาเป็นของนายแล้ว จำไว้ว่าอย่าปล่อยให้เขาพูดไร้สาระก็พอ”
ลู่ฝานพยักหน้าเข้าใจ เดินเข้ามาสะบัดมือเก็บกระดูกมากมายบนพื้น จากนั้นเดินออกไป
ผู้อาวุโสคนหนึ่งรออยู่ข้างนอกนานแล้ว
เมื่อเห็นลู่ฝานเดินหิ้วกระดูกออกมา เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “เชิญทางนี้ท่านเทวทูต”
ลู่ฝานหิ้วโครงกระดูกแล้วพยักหน้า จากนั้นเดินตามออกไป
ในโถงใหญ่ เสียงหัวเราะของหนานกงฉวนดังไม่หยุด จากนั้นมีคนสองคนเดินออกมาจากด้านหลังโถงใหญ่
ถ้าโครงกระดูกยังอยู่ที่นี่ ต้องจำได้แน่นอนว่าสองคนนี้คือน้องชายเขา
เตี้ยนเซี่ยสาม หนานกงชาง
เตี้ยนเซี่ยห้า หนานกงอี๋ว์
“จบแล้วเหรอ หนานกงสิงจะไม่มาหาเรื่องอีกใช่ไหม”
หนานกงชางสะบัดพัดพับขนาดใหญ่แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
หนานกงฉวนยกขวดเปล่าในมือแล้วพูดว่า “ถึงเขาจะมาหาเรื่องก็ทำอะไรไม่ได้”
ด้านนอก โครงกระดูกในมือลู่ฝานส่งกระแสจิตพูดด้วยเสียงเศร้าสลด “สหายลู่ฝาน ตอนนี้ฉันเกลียดที่ตัวเองเกิดในตระกูลจักรพรรดิ ไม่มีความรู้สึก ไม่มีคำว่าครอบครัว ไม่มีอะไรสักอย่าง น้องสี่ที่ฉันเชื่อใจที่สุดกลับทรยศฉัน เขายังให้ฉันดื่มน้ำมนต์โยโดะ ดูเหมือนชีวิตนี้ฉันคงเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว”
โครงกระดูกใกล้ เสียสติแล้ว
การทรยศของคนในครอบครัว ความหวังที่พังทลาย ความจริงที่โหดร้าย ทำให้เขาร่วงลงไปอยู่ในจุดต่ำสุด
ลู่ฝานขยับปากเบาๆ ส่งกระแสจิตพูดว่า “ขอโทษด้วย สหายหนานกง เกรงว่าเรื่องจะไม่มีเหมือนที่นายคิด องค์ชายสี่น่าจะโกหก ต้องมีแผนร้ายซ่อนอยู่แน่นอน”
โครงกระดูกตกตะลึงทันที!