เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 181
บทที่ 181
พวกลู่ฝานแบ่งของเสร็จอย่างรวดเร็ว ได้รับอย่างมากมาย รอยยิ้มเต็มใบหน้า
ส่วนเยียนหรานกับหยู่ซิน สีหน้าซีดเผือด มีแต่ความว่างเปล่า
ฮ่วนเย่ว์ใจดี ปล่อยพวกหยู่ซินไป ไม่ง่ายเลยกว่าหยู่ซินจะยืนขึ้นมาได้ เขาลุกขึ้นยืน เอามือกุมเป้า แล้วเดินออกไป ไม่เหลียวแลเหลิ่งหานที่นอนสลบอยู่
แต่เยียนหรานเป็นคนวิ่งไปประคองเหลิ่งหานออกไป ระหว่างทาง เยียนหรานไม่กล้ามองหลิงเหยาสักนิด เธอพอเดาได้แล้วว่า หลิงเหยาจะจัดการเธออย่างไรหลังกลับไปคณะสงบใจ
ศิษย์น้องที่มีพละกำลัง ความสามารถเหนือกว่าเธอ อีกทั้งยังมีอาจารย์คอยปกป้อง ถ้าต้องการจัดการเธอจริงๆ ต้องจัดการเธอให้เละคณะได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะหลิงเหยายังรู้จักไอ้พวกเลวที่มีพละกำลังแข็งแกร่ง ลงมืออย่างโหดเหี้ยม เยียนหรานรู้สึกว่าต่อไป เธอคงใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เยียนหรานรู้สึกเสียใจที่จัดการหลิงเหยา
ลู่ฝานเอากระบี่หยกคืนให้ศิษย์พี่หานเฟิง
ศิษย์พี่หานเฟิงรับกระบี่มา จากนั้นถ่มน้ำลายลงไปเช็ด เช็ดพลางพูดว่า “ใครจะเอากระบี่ฉันไปไม่ได้ ทั้งคณะหนึ่งเดียว มีกระบี่ที่แฝงจิตวิถีบู๊แค่เล่มเดียว ถ้าฉันทำหายไป อาจารย์อี้ชิงต้องถลกหนังฉันแน่”
ฮ่วนเย่ว์เห็นการกระทำของหานเฟิง แล้วรู้สึกอยากอ้วก หลิงเหยาถอยห่างจากหานเฟิงโดยอัตโนมัติ
แต่ลู่ฝานเริ่มชินกับสไตล์ของศิษย์พี่หานเฟิงแล้ว คิดถึงสไตล์ของคณะหนึ่งเดียวอยู่ในใจ หน้าไม่ด้าน ผลการฝึกตนจะไม่เพียงพอ
“ลู่ฝาน ฉันจะไปซื้อของสักหน่อย ไม่ไปกับพวกนายแล้ว ต่อไปใครรังแกนาย ไปหาฉันที่คณะหยินหยาง ฉันรับรองว่าจะเตะกล่องดวงใจของมันออกมาเลย”
ฮ่วนเย่ว์สะบัดหมัดของตัวเอง เผยให้เห็นลุคหญิงแกร่งของเธอ
ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “คณะหยินหยางเหรอ ฉันไปแน่นอน”
ฮ่วนเย่ว์ฟังความหมายจากน้ำเสียงของลู่ฝานออก เธอยิ้มแล้วพูดว่า “ได้ยินมาว่าหลายปีนี้ คณะหนึ่งเดียวของพวกนายอยู่อันดับท้ายของเก้าคณะ ลู่ฝานนายจะล้างประวัติให้ไหมล่ะ”
ลู่ฝานอมยิ้ม ไม่พูดอะไร แต่ความมั่นใจในแววตา เป็นคำตอบให้ฮ่วนเย่ว์แล้ว
ฮ่วนเย่ว์พยักหน้าพูดว่า “งั้นฉันจะรอนายที่คณะหยินหยาง ไม่แน่เมื่อถึงตอนนั้น เราอาจต้องต่อกรกันก็ได้ ฮ่าๆ”
ฮ่วนเย่ว์เดินเข้ามา เธอขยับปาก เสียงของฮ่วนเย่ว์ ดังขึ้นข้างหูลู่ฝาน
“ระวังเอี๋ยนชิงของคณะหยินหยางด้วย”
ลู่ฝานมองฮ่วนเย่ว์อย่างไม่เข้าใจ แต่ฮ่วนเย่ว์ไม่ได้พูดอะไรอีก ยิ้มบางๆ แล้วหันหลังเดินไป สะบัดผมหางม้า จากนั้นเดินออกไป
หานเฟิงมองแผ่นหลังฮ่วนเย่ว์ ส่ายหน้าถอนหายใจ “คนงามที่ดีขนาดนี้ แต่นิสัยแย่เกินไป ลงมือโหดเหี้ยม ไม่งั้นคงอยู่ในสายตาคนอย่างหานเฟิง”
หลิงเหยาอดมองหานเฟิงอย่างดูหมิ่นไม่ได้ “หลักๆ เลยคือนายสู้เธอไม่ได้สินะ”
หานเฟิงหัวเราะแหะๆ แล้วพูดว่า “เรื่องนี้ไม่ต้องพูดละเอียดหรอก คนสวยขนาดนี้ ให้ศิษย์น้องลู่ฝานได้เพลิดเพลินเถอะ ใช่ไหม ศิษย์น้องลู่ฝาน”
ลู่ฝานพูดอย่างกระอักกระอ่วน “ผมกับเธอเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น”
แววตาหลิงเหยาเปลี่ยนไปเล็กน้อย “พวกนายรู้จักกันนานแล้วเหรอ”
ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “เข้าใจผิดกันนิดหน่อย ตอนนั้นเธอเกือบฟันผมตาย”
หานเฟิงอ้าปากอย่างตกใจ “มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ ศิษย์น้องลู่ฝาน งั้นนายต้องคุยกับฉันแล้วล่ะ นายทำเรื่องละเอียดอ่อนอะไรกับเธอหรือเปล่า”
ลู่ฝานพูดช้าๆ ว่า “ศิษย์พี่หานเฟิง พี่คิดว่าผมเป็นพี่เหรอ”
หลิงเหยาชะโงกเข้ามาแล้วพูดว่า “ฉันก็อยากฟังเหมือนกัน”
ลู่ฝานชะงักไป ทำได้เพียงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในป่าให้หานเฟิงกับหลิงเหยาฟังอย่างรวบรัด
ส่วนเรื่องของอาจารย์เขา และเรื่องของอาจารย์ฮ่วนเย่ว์ ลู่ฝานไม่ได้พูดออกมา ภายใต้การบรรยายของลู่ฝาน เรื่องของเขากับฮ่วนเย่ว์กลายเป็นการต่อสู้แย่งชิงสมบัติสัตว์อสูร หานเฟิงกับหลิงเหยาฟังอย่างออกรส
พูดพลาง ทั้งสามคนเดินอ้อมมายังประตูหน้าของหอคอยฝึกฝน
ตอนนี้ประตูหน้าดูคึกคักเป็นอย่างมาก นักเรียนกลุ่มหนึ่งส่งเสียงตะโกน มีนักเรียนนอนอยู่บนพื้นด้วยท่าทางโอเวอร์อยู่เป็นระยะ
“โอ๊ย ฉันแพ้แล้ว ศิษย์น้องห้า นายเก่งมาก”
“ฮ่าๆ ศิษย์พี่หยู อย่าว่าศิษย์น้องลงมือรุนแรง องครักษ์ทั้งสอง ฉันเข้าไปได้แล้วใช่ไหม ดูสิ ฉันเอาชนะศิษย์พี่หยูได้แล้ว”
เมื่อนักเรียนที่ชื่อศิษย์พี่หยูได้ยิน รีบกระตุ้นพลังปราณ บังคับให้กระอักเลือดออกมา
เลือดสดทะลักออกมามากมาย กระอักเลือดพลาง กลอกตาขาว ทักษะการแสดงยอดเยี่ยม คงเหนือกว่าผลการฝึกพลังปราณของเขาด้วยซ้ำ
หุ่นทองสำริดสองตัว ยังไม่พูดอะไร อีกด้านมีคนล้มลงอีกเป็นแถบ
“ฉันก็เอาชนะศิษย์พี่หลิงได้แล้ว ศิษย์พี่หลิงเพิ่งเอาชนะศิษย์พี่ฉวู่ซ่านได้เมื่อกี้ ส่วนศิษย์พี่ฉวู่ซ่านเพิ่งเอาชนะศิษย์พี่สุ่ยเซียนที่ 45 ในอันดับบู๊ได้เมื่อกี้ ฉันเข้าไปได้แล้วใช่ไหม พูดออกมาสิ”
“ฉันก็เอาชนะศิษย์พี่เจียงได้เหมือนกัน ให้ฉันเข้าไปหอคอยฝึกฝนสิ”
“ฉันก็ด้วย”
……
คนกลุ่มหนึ่งตะโกนอย่างสุดชีวิต ทำให้หุ่นทองสำริดทั้งสองคน ไม่รู้จะทำอย่างไร
การที่เป็นหุ่นทองสำริด ที่ระดับค่อนข้างต่ำ ไอคิวของพวกมันแย่อยู่แล้ว เห็นสถานการณ์แบบนี้ จึงไม่รู้ว่าควรจะจัดการอย่างไร