เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1812 ลุย
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1812 ลุย!
ลู่ฝานจ้องหลวี่เหวยเขม็ง กำกระบี่หนักไร้คมในมือแน่น
“เหรอ มันเปิดเองงั้นเหรอ”
ใบหน้าราบเรียบ นัยน์ตามีความอาฆาต แม้ลู่ฝานไม่เห็นว่าหลวี่เหวยทำอะไร แต่เขามั่นใจว่าหลวี่เหวยต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับแสงนี้แน่ๆ
หลวี่เหวยร้องอย่างตกใจแล้วรีบถอย สายตาที่เขามองลู่ฝานยิ่งหวาดระแวงขึ้นอีก
เหตุการณ์แบบนี้ เพียงครู่เดียวลู่ฝานก็สงสัยมาถึงตัวเขาแล้ว
ตอนนี้หลวี่เหวยเพิ่งรู้ว่าในการทดสอบครั้งนี้ มีเพียงคนที่ชื่อว่าเงามืดที่เป็นคู่ต่อสู้ที่แท้จริงของเขา
ครืนนนน!
พื้นดินใต้เท้าเริ่มสั่น ลู่ฝานและคนอื่นเหาะขึ้นสูง ทอดสายตามองไปรอบๆ
ครั้งนี้พวกเขารู้แล้วว่าสัตว์อสูรพวกนี้มาจากไหน
น่าจะโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน เหมือนพวกมันซ่อนตัวอยู่ใต้หน้าผาตรงสุดสายตา
เมื่อเห็นแสงสว่างจ้าจึงตื่นขึ้นมา ส่งเสียงคำรามแล้วปีนออกมา
ครั้งนี้เป็นแรดสองขา เขาเหล็ก ขาทั้งสองข้างของพวกมันมีเปลวไฟปีศาจ
ผิวหนังทนทาน เหมือนเอาแผ่นเหล็กมาต่อกันอย่างไรอย่างนั้น
ตัวไม่สูง ส่วนสูงแค่ครึ่งเดียวของแมงมุมกลืนวิญญาณเท่านั้น
แต่พลังบนตัวพวกมันแข็งแกร่งกว่า ขณะกำลังวิ่ง มิตินับไม่ถ้วนถึงกับพังทลาย
ทุกที่ที่ผ่าน อากาศเวิ้งว้างเกิดรอยร้าว!
“แรดเพลิงปีศาจทลายฟ้า!”
อูเจิ้นดูออกเป็นคนแรก เขาตะโกนชื่อสัตว์อสูรออกมาเสียงดัง
จากนั้นเจียวเม่ยเนียงพูดว่า “ให้ตายเถอะ พวกมันพุ่งเข้ามาอย่างไม่คิดชีวิต สัตว์อสูรแบบนี้กัดฟันต้านทานไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด!”
พูดพลาง เจียวเม่ยเนียงคีบกรรไกรสีทองในมือข้างหน้า ประตูอากาศเวิ้งว้างปรากฏออกมา
เหมือนฟ้าดินคือกระดาษในมือเธอ แค่คีบกรรไกรก็สามารถทำให้รูปร่างที่ต้องการได้
ไม่มีเวลาอธิบายให้พวกลู่ฝานฟังแล้ว เจียวเม่ยเนียงพุ่งเข้าไปในประตูอากาศเวิ้งว้าง
ประตูอากาศเวิ้งว้างหายไปทันที ตัวของเจียวเม่ยเนียงก็หายไปด้วย
ลู่ฝานยังไม่เคยเห็นวิชาซ่อนตัวแบบนี้มาก่อน
เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบสุดๆ!
ที่แท้เจียวเม่ยเนียงคนนี้เชี่ยวชาญด้านมิติขนาดนี้เลย ความตกตะลึงปรากฏขึ้นบนใบหน้าลู่ฝาน
ลู่ฝานปล่อยปราณชี่ของตัวเองออกมา
เตรียมดันพลังฟ้าดินรอบๆ ออกไปและซ่อนตัว
กระบวนท่านี้ช่วยชีวิตเขาหลายครั้งแล้ว ลู่ฝานหวังว่าครั้งนี้จะช่วยเขาได้อีกครั้ง
หลวี่เหวยที่อยู่ข้างๆ เห็นว่าสัตว์อสูรที่พุ่งออกมาคือแรดเพลิงปีศาจทลายฟ้า ใบหน้าเขาเหยเกทันที
หลวี่เหวยแอบพูดว่า “เวรแล้ว เวรจริงๆ ทำไมถึงเป็นสัตว์อสูรแบบนี้!”
เห็นแรดเพลิงปีศาจทลายฟ้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หลวี่เหวยกัดฟันเอาอาวุธตัวเองออกมา
เป็นกระบี่เล่มเล็กมาก ขนาดประมาณครึ่งฝ่ามือเท่านั้น
กระบี่มีลำแสงเคลื่อนไหวอยู่ในมือหลวี่เหวย
“ฟ้าดินกลายเป็นกระบี่ เปลี่ยนแปลงในฝ่ามือ”
หลวี่เหวยพูดออกมาเบาๆ เมื่อพูดจบ กระบี่ในมือเขากลายเป็นลำแสงกระจายไปรอบๆ ปักลงบนพื้นอย่างแรง
แสงดึงตัวหลวี่เหวยขึ้นมา จากนั้นเงาของหลวี่เหวยก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามแสง
เพียงพริบตาเดียว ร่างแยกออกมามากมาย ไม่มีคำว่าแยกร่างหรือร่างจริง เหมือนเขาแยกทุกสิ่งทุกอย่างของตัวเองออกมาทั้งหมด
อูเจิ้นซัดหมัดลงบนค้อนยักษ์ของตัวเอง แสงเคลื่อนไหวบนตัวค้อน จากนั้นกลายเป็นโล่ขนาดใหญ่ บดบังลำตัวขนาดใหญ่ของอูเจิ้นไว้
ตอนนี้แรดเพลิงปีศาจทลายฟ้าพุ่งมาถึงด้านหน้าแล้ว
ตูม!
แรดเพลิงปีศาจทลายฟ้าพุ่งใส่โล่ของอูเจิ้นเป็นอันดับแรก
เพียงไม่นาน พลังน่ากลัวทำให้ทุกอย่างรอบตัวทุกคนแตกกระจาย อูเจิ้นเหาะขึ้นสูง
ตัวลู่ฝานหายไปจากที่เดิม ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ปราณชี่ปกคลุมทั้งตัว ตอนนี้เกราะเกล็ดมังกรยังปกคลุมอยู่บนตัวเขาด้วย
เป็นเพราะใช้เกราะปีศาจไม่ได้ ไม่งั้นเขาคงใส่อีกชั้น
แรดเพลิงปีศาจทลายฟ้าโฉบผ่านข้างตัวลู่ฝาน
วินาทีนั้นลู่ฝานสัมผัสถึงพลังทำลายชัดเจนพุ่งเข้ามาในตัวเขา
นี่ไม่ใช่เต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งฟ้าดิน และไม่ใช่พลังฟ้าดิน มันเป็นเศษพลังที่หลงเหลือจากการวิ่งด้วยความเร็วและพลังของแรดเพลิงปีศาจทลายฟ้า
ลู่ฝานกัดฟันต้านทาน รู้สึกว่าปราณชี่ของตัวเองเริ่มสั่นสะเทือนอย่างแรง
นี่เป็นแค่เศษพลังที่หลงเหลือเท่านั้น จินตนาการไม่ออกเลยว่าถ้าแรดเพลิงปีศาจทลายฟ้าพุ่งชนเขาจะเกิดอะไรขึ้น
สิ่งเดียวที่ลู่ฝานแน่ใจคือเกราะเกล็ดมังกรของตัวเองไม่มีทางต้านทานได้แน่ๆ
ไม่ไกล ร่างแยกของหลวี่เหวยหายไปเรื่อยๆ
ทุกที่ที่แรดเพลิงปีศาจทลายฟ้าผ่านไป เงาลวงตาก็หายไปเหมือนกับการตัดหญ้า
แต่เมื่อเงาลวงตาของหลวี่เหวยแตกกระจาย จะทิ้งแสงไว้บนพื้นเล็กน้อย
เมื่อแรดเพลิงปีศาจทลายฟ้าชนเงาลวงตาจนหายไปหมด เกิดแสงหิ่งห้อยด้านนอกตำหนัก
แรดเพลิงปีศาจทลายฟ้าเป็นร้อยตัวผ่านข้างตัวพวกลู่ฝาน
นอกจากอูเจิ้นที่โดนชนจนกระเด็น เหมือนคนอื่นยังไม่เป็นอะไร การพุ่งโจมตีครั้งแรก ไม่ได้ทำให้พวกเขาบาดเจ็บ
อูเจิ้นลุกขึ้นจากพื้นอย่างทุลักทุเล สายตาที่มองแรดเพลิงปีศาจทลายฟ้ามีความหวาดกลัว
อาศัยร่างเหาะเหินของเขา คิดไม่ถึงว่าการโจมตีของแรดเพลิงปีศาจทลายฟ้าจะทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดมาก
นั่นหมายความว่าพลังของแรดเพลิงปีศาจทลายฟ้า เหนือกว่ามาตรฐานของพลังฟ้าดินทั่วไปแล้ว
แรดเพลิงปีศาจทลายฟ้าหันกลับมาและชะงักฝีเท้าอยู่ไกลๆ มันหันมาจ้องอูเจิ้นเขม็ง
อูเจิ้นเห็นภาพนี้แล้วก่นด่าว่า “ไอ้สัตว์เวร ฉันแค่ตัวใหญ่นิดหน่อยก็จะพุ่งมาฆ่าฉันหรือไง เข้ามาสิ ฉันไม่กลัวพวกแกหรอก!”
ไม่รู้แรดเพลิงปีศาจทลายฟ้าฟังคำพูดของอูเจิ้นเข้าใจหรือเปล่า แต่ครั้งนี้พวกมันยืนเป็นหน้ากระดานแล้วพุ่งเข้ามาอีกครั้ง
ตอนนี้เพลิงปีศาจบนตัวเปลี่ยนจากสีดำขลับเป็นสีแดง-ดำ
ระหว่างที่แสงซ้อนทับกัน ดวงตาทั้งสองข้างของแรดเพลิงปีศาจทลายฟ้ากลายเป็นสีแดงโลหิตอย่างรวดเร็ว
ลำตัวปะทะสายลมและขยายใหญ่ขึ้น!
300 เมตร 600 เมตร 900 เมตร!
แรดเพลิงปีศาจทลายฟ้าแต่ละตัวเหมือนภูเขา พุ่งเข้ามาอย่างดุดันน่ากลัวมาก!
“ให้ตายเถอะ!”
ลู่ฝานก่นด่าออกมา สถานการณ์แบบนี้ เขาซ่อนตัวไปก็ไร้ประโยชน์
กำกระบี่หนักไร้คมไว้ในมือ ตัวของลู่ฝานเริ่มขยายใหญ่ขึ้น!
แสงที่อยู่ข้างๆ รวมตัวเป็นหลวี่เหวยอีกครั้ง
หน้าซีดเล็กน้อย หลวี่เหวยกัดฟันกดมือข้างหนึ่งลงบนพื้น ค่ายกลปรากฏขึ้นเป็นแถบ
โฮก!
เสียงคำรามดังสนั่น เงาของแรดเพลิงปีศาจทลายฟ้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ภายในห้องอีกด้านหนึ่ง ผู้อาวุโสทั้งสิบคนกับคุณชายเฟิงเทียนถึงกับกลั้นหายใจดูม่านแสง
“พวกนายว่าครั้งนี้จะตายกี่คน”
คุณชายเฟิงเทียนแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากแล้วเอ่ยขึ้น
ผู้อาวุโสซู่มั่นที่อยู่ด้านหลังตอบว่า “น่าจะไม่ใช่แค่คนเดียว!”
เมื่อสิ้นเสียง แรดเพลิงปีศาจทลายฟ้าชนกับพวกลู่ฝาน
ตูม!