เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1813 เปลวไฟโลหิต
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1813 เปลวไฟโลหิต
เสียงระเบิดดังสนั่น ท้องฟ้ากับพื้นดินมีแรงหมุนวนขนาดใหญ่เกิดขึ้นพร้อมกัน
พลังแผ่กระจาย เศษหินกลายเป็นผุยผง ทุกอย่างที่โดนพลังนี้จะกลายเป็นผุยผงทันที
ไม่นาน พื้นดินถูกกวาดจนหายไปหลายเมตร
แรดเพลิงปีศาจทลายฟ้าล้มลงพื้นเป็นฝูง พร้อมกับเสียงร้องโหยหวน เกราะเหล็กบนตัวพวกมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
เหมือนมันพังทลายมาจากภายใน จากนั้นกลายเป็นฝนโลหิตนับไม่ถ้วน
ในพลังหมุนวนมีเงาคนสองคนยืนตระหง่านอยู่
คนแรกคืออูเจิ้น ตอนนี้เหมือนแสงจันทร์สาดส่องลงมาบนตัวเขา ค้อนยักษ์ในมือหักเป็นสองท่อน
ส่วนอีกคนคือลู่ฝาน กลายร่างฟ้าดิน สูง 300 เมตร กระบี่ยักษ์เปลวเพลิง เหลือบมองผืนฟ้าอันกว้างใหญ่
มีเลือดตรงมุมปากลู่ฝาน เกราะเกล็ดมังกรบนตัวแตกสลายจนมองไม่เห็นแล้ว
ทั้งสองคนยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนเทพสงคราม แรดเพลิงปีศาจทลายฟ้าที่ยังไม่ล้มลงพื้นคำรามใส่ทั้งสองคนอย่างโมโห
ลู่ฝานไม่เกรงกลัว จะสู้ก็สู้สิ แค่สัตว์อสูรกระจอกๆ จะทำอะไรเขาได้
ความห้าวหาญเต็มเปี่ยม ลู่ฝานทุ่มสุดตัวเหมือนกัน
แรดเพลิงปีศาจทลายฟ้ายังไม่ทันพุ่งเข้ามาหาเขา ลู่ฝานกลับพุ่งเข้าไปพร้อมกระบี่ยักษ์!
เรียกว่าตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ไม่ควรทำอะไรผิดพลาดซ้ำๆ เกินสามครั้ง เรื่องไม่ดีมักจะไม่เกิดเกินสามครั้ง
หลังจากแรดเพลิงปีศาจทลายฟ้าปะทะอย่างดุดันไปแล้ว 2 ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นอานุภาพหรือพลัง เทียบกับเมื่อกี้ไม่ได้แล้ว
ลู่ฝานใช้พลังความเป็นความตายวนเวียน กระบี่หนักไร้คมมีความยืดหยุ่น
ทุกที่ที่ผ่านไป แรดเพลิงปีศาจทลายฟ้าไม่สามารถหยุดยั้งเขาได้
เห็นลู่ฝานกล้าหาญขนาดนี้ อูเจิ้นก็ฮึดสู้พุ่งออกไป
ไม่มีอาวุธ แค่รวมพลังเป็นอาวุธเท่านั้น ทั้งสองคนฟาดฟันจนแรดเพลิงปีศาจทลายฟ้าไม่สามารถตอบโต้ได้
พลังหมุนวนหายไปอย่างรวดเร็ว ส่วนในพลังหมุนวน
หลวี่เหวยยังนอนคว่ำอยู่บนพื้น
เลือดทะลักออกจากปาก เขาไม่ได้มีร่างกายแข็งแกร่งเหมือนลู่ฝานหรืออูเจิ้น
การโจมตีเมื่อครู่ แม้เขาใช้วิชากายวิญญาณทองของตัวเอง แต่ก็โดนพลังที่ระเบิดออกมาโจมตีจนได้รับบาดเจ็บ
หลวี่เหวยเงยหน้ามองอูเจิ้นกับลู่ฝานที่ยังสู้อยู่แล้วฉีกยิ้ม
“สองคนนี้แข็งแกร่งมาก แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาโง่ไปหน่อย อีกไม่นานพวกเขาจะเดือดร้อนแล้ว”
หลวี่เหวยเอาแมงป่องที่พกติดตัวออกมา จากนั้นกลืนเข้าไปทันที
คนอื่นเข้าใจว่าแมงป่องตัวนี้คืออสูรวิเศษของเขา
แต่อันที่จริงแมงป่องตัวนี้เป็นแค่ยาของเขา
ถ้าคนอื่นกินจะเป็นยาพิษ แต่ถ้าตัวเองกินจะเป็นยาชั้นดีในการรักษาอาการบาดเจ็บ
พิษเข้าสู่ร่างกาย ตัวของหลวี่เหวยสั่นเล็กน้อย
ถือว่าเขาฉวยโอกาส พวกผู้อาวุโสซู่มั่นบอกว่าห้ามใช้ยาหรือเครื่องรางใดๆ แต่ไม่เคยบอกว่าห้ามกินสัตว์เลี้ยงของตัวเอง!
นอกจากตัวเขาที่รู้ คนอื่นจะพูดได้ยังไงว่าแมงป่องของเขาคือยา
ใบหน้ามีรอยยิ้ม หลวี่เหวยสัมผัสถึงร่างกายตัวเองที่กำลังฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว จากนั้นรีบเก็บพลังตัวเองอย่างรวดเร็ว
ใช่แล้ว ตอนนี้เขาคิดว่าจะแกล้งตายสักพัก
ในเมื่อไอ้สองคนข้างหน้าแข็งแกร่งขนาดนี้ งั้นเขาขอไม่ร่วมวงละกัน อีกทั้งในความคิดเขา อีกเดี๋ยวปัญหาใหญ่ก็มาแล้ว!
ลู่ฝานพลิกมือใช้กระบี่แทงทะลุแรดเพลิงปีศาจทลายฟ้า ปราณฟ้าแข็งแกร่งพุ่งเข้าไปในตัวมัน ระเบิดจนแรดเพลิงปีศาจทลายฟ้าพรุนไปทั้งตัว
แต่เมื่อฆ่าไปเรื่อยๆ ลู่ฝานรู้สึกว่ายิ่งผิดปกติ
แรดเพลิงปีศาจทลายฟ้าคงไม่ได้ทำเป็นแค่พุ่งเข้าใส่เพียงอย่างเดียวหรอกมั้ง
เมื่อพวกมันหยุดลง ดูอ่อนแอจนน่าสงสารมาก
ความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดของพวกมันดูโง่จนผิดปกติ
แม้เกราะเหล็กบนตัวกับกล้ามเนื้อแข็งแกร่งมาก แต่เมื่อเทียบกับแมงมุมกลืนวิญญาณเมื่อครู่ แรดเพลิงปีศาจทลายฟ้าพวกนี้ดูอ่อนแอมาก
เมื่อคิดได้เช่นนี้ การฆ่าของลู่ฝานเริ่มช้าลง
ส่วนอูเจิ้นที่อยู่ไม่ไกล ยิ่งสู้ยิ่งฮึกเหิม
“ตายซะ ไอ้สัตว์เวร ตายซะให้หมด!”
ฝ่ามืออูเจิ้นใช้พลังปราณของตัวเองรวมตัวเป็นค้อนยักษ์หลายอัน ร่วงลงมาอย่างต่อเนื่อง
ทุกครั้งที่โจมตีมีพลานุภาพรุนแรงมาก แรดเพลิงปีศาจทลายฟ้าตายคามือเขาเยอะขึ้นเรื่อยๆ
ศพที่อยู่ใต้เท้าจะเต็มหลุมที่เกิดจากระเบิดแล้ว
แต่ขณะนั้นสิ่งที่อูเจิ้นไม่ทันสังเกตก็คือเลือดของแรดเพลิงปีศาจทลายฟ้า เริ่มไหลไปบนพื้นอีกทั้งยังมีแสงเพลิงเล็กน้อยด้วย
จู่ๆ ลู่ฝานรู้สึกว่าใต้เท้าค่อยๆ ร้อนขึ้น เขาก้มลงมองทันที
สิ่งที่ปรากฏในสายตาคือเลือดที่ลุกโชนขึ้นมา
เปลวเพลิงน่ากลัวมาพร้อมกับพลานุภาพแผดเผาทุกสิ่ง เพียงพริบตาเดียวมันแผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว
อูเจิ้นก็รู้สึกผิดปกติ แต่คิดหนีตอนนี้ก็สายไปแล้ว
เปลวเพลิงเข้ามาใกล้ตัวเขา แผดเผาอย่างบ้าคลั่งขึ้นมาทันที
เปลวเพลิงสีแดงประหลาดเหมือนสีแดงของเลือด
ลู่ฝานโดนเปลวเพลิงปกคลุมเหมือนกัน เปลวเพลิงน่ากลัวสะกดอาทิตย์ลุกโชนบนตัวเขาไว้ อีกทั้งยังแผดเผาจากภายนอกเข้าไปสู่ภายใน
“เปลวไฟโลหิต! นี่คงเป็นเปลวไฟโลหิตในตำนานสินะ!”
ลู่ฝานหนังตากระตุก เขาเหาะขึ้นเพื่อจะหนี
แต่ขณะนั้นเขาพบว่าเท้าตัวเองโดนเลือดด้านล่างมัดเอาไว้แล้ว
ที่แท้ส่งแรดเพลิงปีศาจทลายฟ้าพวกนี้มาตาย
หลังจากพวกมันตายกลับมีประโยชน์มากกว่าตอนมีชีวิตอยู่!
เปลวไฟโลหิตแผ่ซ่านไปอย่างรวดเร็ว จู่ๆ มีเสียงดังขึ้นในอากาศเวิ้งว้าง
ทันใดนั้นประตูอากาศธาตุของเจียวเม่ยเนียงโดนเผาจนปรากฏออกมา
เจียวเม่ยเนียงกระเด็นออกมาจากประตูอากาศธาตุพร้อมเสียงร้องโหยหวน บนตัวเธอมีเปลวไฟโลหิตรุนแรงมาก
แรดเพลิงปีศาจทลายฟ้าที่อยู่รอบๆ พากันถอยหลังแล้ววิ่งหนีไป
เมื่อไม่มีการควบคุมของผู้ฝึกชั่วร้าย การกระทำของพวกมันมีแนวโน้มที่จะเป็นเหมือนสัญชาตญาณของสัตว์ป่า
เปลวไฟโลหิตพุ่งขึ้นสูง ค่ายกลที่อยู่ไม่ไกลเริ่มหดตัวภายใต้เปลวไฟโลหิต
การระเบิดรุนแรงเมื่อครู่ ค่ายกลนี้ไม่พังทลาย แต่ตอนนี้เปลวไฟโลหิตแผดเผาจนมันใกล้ต้านทานไม่ไหวแล้ว
เสียงแตกหักดังขึ้น ค่ายกลพังลงแล้ว หลังจากนั้นเปลวไฟโลหิตรวมตัวเป็นประตูขนาดใหญ่
ด้านในมีแสงสีดำเคลื่อนไหวอยู่รางๆ!
ที่แท้นี่คือประตูทางออก
ที่แท้นี่คือเส้นชัยของการทดสอบ
เปลวไฟโลหิตแผดเผาทุกสิ่ง บดบังสายตาของทุกคน
ภายในห้อง คุณชายเฟิงเทียนปรบมือเบาๆ แล้วพูดว่า “ไม่เลวๆ พวกนายเตรียมการทดสอบครั้งนี้ได้ยอดเยี่ยมมาก น่าสนใจมาก”
เมื่อได้รับคำชมจากคุณชายเฟิงเทียน พวกผู้อาวุโสยิ้มออกมาทันที
คุณชายเฟิงเทียนชี้เปลวไฟโลหิตในม่านแสงแล้วพูดว่า “ตอนนี้ก็ดูว่าใครจะเดินออกจากเปลวไฟโลหิตได้ใช่ไหม อืม เปลวไฟโลหิตหลอมร่าง ผู้แข็งแกร่งจะแข็งแกร่งขึ้นอีก ส่วนคนอ่อนแอก็ตาย ช่างตรงกับสไตล์ของผู้ฝึกชั่วร้ายอย่างเราจริงๆ ดูเหมือนครั้งนี้หลวี่เหวยคงได้ที่หนึ่ง หลังจากพวกนายมอบหน้าที่ให้เขาแล้ว ให้เขามาหาฉันหน่อย ฉันจะชี้แนะไอ้เด็กไม่เลวคนนี้สักหน่อย!”
พูดจบ คุณชายเฟิงเทียนจัดแจงเสื้อผ้าเตรียมลุกขึ้นออกไป
และตอนที่เขาพูดออกมา หลวี่เหวยกระโดดออกมาจากเปลวไฟโลหิต
บนตัวมีกลิ่นยารุนแรง หลวี่เหวยยืนอยู่หน้าประตูเปลวไฟโลหิตแล้วหัวเราะร่า
“พวกโง่ ไม่รู้จักใช้สมองแล้วจะถึงเส้นชัยได้ยังไง!”
คุณชายเฟิงเทียนมองม่านแสงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
แต่ขณะนั้นในม่านแสงมีเงาคนปรากฏขึ้น คุณชายเฟิงเทียนชะงักฝีเท้าลงทันที จากนั้นพูดออกมาอย่างตกใจว่า
“นั่นคืออะไร”