เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1817 สามอริยบุคคล
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1817 สามอริยบุคคล
พวกผู้อาวุโสพยักหน้าเบาๆ จากนั้นแต่ละคนกลายเป็นลำแสงแล้วออกไป
ไม่นานทั้งตำหนักเหลือแค่ผู้อาวุโสซู่มั่นกับลู่ฝานแค่สองคน
ลู่ฝานมองผู้อาวุโสซู่มั่นด้วยรอยยิ้ม “ฉันคิดว่าผู้อาวุโสจะทำร้ายฉันจริงๆ เสียอีก”
ผู้อาวุโสซู่มั่นพูดอย่างเฉยเมยว่า “เหมือนนายมีคำถามเยอะเลยนะ”
ลู่ฝานพูดว่า “ใช่ ผู้อาวุโสซู่มั่นตอบฉันได้ไหม”
ผู้อาวุโสซู่มั่นพยักหน้าพูดว่า “ได้สิ แต่คุยกันที่นี่ไม่ได้!”
พูดจบ ผู้อาวุโสซู่มั่นสะบัดมือ ทั้งสองคนหายไปจากที่เดิม
เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง ลู่ฝานพบว่าตัวเองกลับมาในวังแล้ว
เมื่อองครักษ์รอบๆ เห็นทั้งสองคน ก็ทำเหมือนมองไม่เห็นทั้งสองคนเหมือนคนตาบอดอย่างไรอย่างนั้น
ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือพวกเขาไม่กล้ามองนาน เหงื่อแตกเต็มหน้า ไม่กล้าหันมามอง
ผู้อาวุโสซู่มั่นเดินไปด้านหน้า ลู่ฝานรีบเดินตาม
“ตอนนี้ถามมาได้แล้ว”
ผู้อาวุโสซู่มั่นเอ่ยขึ้น
ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “คำถามแรก ทำไมต้องช่วยฉัน อย่าบอกนะว่าผู้อาวุโสไม่ต้องการให้ฉันเป็นผู้ฝึกชั่วร้าย”
ผู้อาวุโสซู่มั่นหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “นายหมายถึงการเซ่นสังเวยเลือดเมื่อกี้น่ะเหรอ พอเถอะ แค่วิธีควบคุมลูกน้องของฉันเท่านั้น นั่นคือค่ายกลคำสาปขนาดใหญ่ ถ้าเลือดนายหยดเข้าไปข้างใน ค่ายกลคำสาปสามารถทำให้ตัวนายกลายเป็นผุยผง ทำลายวิญญาณของนายได้ทุกเมื่อ นายไม่มีทางเข้าใจวิชาคำสาปที่อยู่ข้างใน ส่วนคำสาบาน เป็นแค่การสาบานต่อวิถีแห่งฟ้าดินเท่านั้น อย่างมากถ้านายทำภารกิจไม่สำเร็จ ก็แค่โดนเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งฟ้าดินโจมตี ไม่ตายหรอก แต่อาจมีโอกาสพิการ ดังนั้นไม่ต้องสนใจอะไรมากหรอก!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ผู้อาวุโสซู่มั่นหยุดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ฉันช่วยนายเพราะไม่อยากเห็นนายตายแบบไม่รู้อีโหน่อีเหน่ในเงื้อมมือผู้ฝึกชั่วร้ายคนอื่นเท่านั้นเอง”
ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “แต่ผู้อาวุโสก็ยังช่วยฉัน เพราะเห็นแก่อาจารย์ฉันใช่ไหม”
ผู้อาวุโสซู่มั่นพูดว่า “คิดแบบนั้นก็ได้ นายยังมีคำถามอะไรอีกไหม”
ลู่ฝานพูดว่า “ทำไมต้องให้ฉันเข้าร่วมการทดสอบด้วย ผู้อาวุโสไม่อยากให้ภารกิจนี้สำเร็จใช่ไหม ยังไงฉันก็ไม่คิดมากกับภารกิจนี้อยู่แล้ว”
ผู้อาวุโสซู่มั่นพูดด้วยรอยยิ้ม “นายไม่ต้องการผลประโยชน์แล้วเหรอ”
ลู่ฝานส่ายหน้าพูดว่า “เปล่าๆ ฉันต้องการผลประโยชน์ ในโลกนี้ไม่มีอะไรดีกว่าการได้ผลประโยชน์มาฟรีๆ อีกแล้ว”
ผู้อาวุโสซู่มั่นพูดว่า “ฉันไม่มีความคิดที่ไม่อยากให้ภารกิจสำเร็จ ตรงกันข้าม ฉันอยากให้นายเป็นศิษย์ของสามอริยบุคคลมาก เป็นศิษย์คนสุดท้าย จากนั้นเอาสิ่งที่จิตใจเต๋าสำนักมารให้นายฆ่าพวกเขาทิ้งซะ”
ลู่ฝานพูดว่า “งั้นก็ไม่ควรมอบภารกิจนี้ให้ฉัน ฉันไม่มีทางทำแบบนี้”
จู่ๆ ผู้อาวุโสซู่มั่นหัวเราะออกมา “ไม่ นายทำแน่ๆ อีกทั้งนายยังยินดีทำด้วย”
ลู่ฝานรู้สึกผิดปกติ เขาขมวดคิ้วถามว่า “ทำไมล่ะ”
ผู้อาวุโสซู่มั่นพูดว่า “ถ้าฉันบอกนายว่าสามคนนี้ต่ำตมยิ่งกว่าผู้ฝึกชั่วร้าย เป็นคนเลวที่โหดร้ายกว่าผู้ฝึกชั่วร้าย เป็นสุภาพบุรุษจอมปลอมที่ไร้ยางอายกว่าผู้ฝึกชั่วร้ายล่ะ”
ลู่ฝานส่ายหน้าพูดว่า “นี่เกลี้ยกล่อมฉันไม่ได้หรอก นี่มันไม่ใช่แม้กระทั่งเหตุผลเลย”
นัยน์ตาผู้อาวุโสซู่มั่นฉายประกายประหลาด “นายอยากฟังเหตุผลเหรอ”
ลู่ฝานพูดว่า “อยากสิ”
จู่ๆ ผู้อาวุโสซู่มั่นชะงักฝีเท้าแล้วพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ได้ ฉันจะให้เหตุผลนาย เพราะนายคือหัวหน้าสำนักจิ่วเซียว เพราะนายคือสายเลือดจิ่วเซียวของฉัน ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของนาย ดังนั้นนายจำเป็นต้องฆ่าพวกเขา!”
ลู่ฝานพอเดาอะไรได้แล้ว เขาชะงักฝีเท้าลงแล้วพูดว่า “อย่าบอกนะว่าสามคนนี้คือตัวการทำให้สำนักจิ่วเซียวแตก”
ผู้อาวุโสซู่มั่นพูดว่า “เหมือนนายพอรู้อะไรมาบ้าง อาจารย์นายบอกเหรอ นี่เหมือนไม่ใช่สไตล์เขานะ ภาระหนักขนาดนี้ เขาไม่มีทางมอบให้คนอื่นหรอก”
สายตาลู่ฝานดุดันเล็กน้อย “ผู้อาวุโสซู่มั่นแน่ใจเหรอว่าคือเรื่องจริง”
ผู้อาวุโสซู่มั่นหัวเราะเสียงดัง “คนที่เคยประสบมาด้วยตัวเอง ฉันแน่ใจมาก ฉันจะบอกเรื่องจริงให้นายอีกเรื่อง ผู้สูงส่งอย่างอาจารย์นาย ทำไมถึงตกอยู่ในสภาพใกล้ตายแบบนี้ แม้เป็นขุนพลังสุดเหนือฟ้า ถึงโดนฟ้าดินควบคุม เขาก็น่าจะแข็งแกร่งกว่าอริยปราชญ์สิ แต่ดูอาจารย์นายสิ เขายังเหลือพลังอีกเท่าไร เขาจะทำอะไรได้”
ลู่ฝานค่อยๆ พูดว่า “อาจารย์ศึกษาวิชาพิเศษอะไรบางอย่างไม่ใช่เหรอ ถึงทำให้เขากลายเป็นแบบนี้”
ผู้อาวุโสซู่มั่นพูดว่า “นี่แค่เหตุผลส่วนหนึ่ง ฉันจะบอกเหตุผลอีกส่วนให้นายฟัง เป็นเพราะไอ้เลวสามคนนี้ส่งยอดฝีมือมา 50 คนไปฆ่าอาจารย์นาย ในช่วงวิกฤติพวกเขาโจมตีอาจารย์นายจนร่วงลงจากแท่นบูชา ดังนั้นเขาจึงกลายเป็นชายชราขายเหล้าอยู่ในซอยของประเทศเล็กๆ คนเป็นศิษย์อย่างนายจะไม่แก้แค้นให้อาจารย์เหรอ”
ลู่ฝานเงียบไม่พูดอะไรสักคำ เดินตรงไปข้างหน้าทันที
เขาไม่รู้ว่าผู้อาวุโสซู่มั่นพูดจริงหรือเปล่า
ถ้าเป็นความจริง เขาต้องเรียกร้องความยุติธรรมให้อาจารย์
ถึงเป็นอริยบุคคลสามคน ยังไงเขาก็ต้องสั่งสอนอีกฝ่ายสักหน่อย
เห็นประกายนัยน์ตาลู่ฝานเปลี่ยนไป ผู้อาวุโสซู่มั่นรู้ว่าคำพูดตัวเองได้ผลแล้ว
เธอไม่ได้โกหก นี่คือความจริง
และเป็นเรื่องในตอนนั้น ดังนั้นเธอจึง……
ความคิดลอยไปไกล ผู้อาวุโสซู่มั่นรีบสะบัดหัวดึงสติกลับมา
ทั้งสองคนเดินไปคุยไป หลังผ่านไปไม่นาน ก็มาถึงหน้าจวนองค์ชายใหญ่
ผู้อาวุโสซู่มั่นชะงักฝีเท้าลงแล้วพูดว่า “พูดแค่นี้แล้วกัน ถ้านายไม่เชื่อก็ไปสืบเอง ตอนนี้นายเป็นหัวหน้าสำนักหนึ่งของผู้ฝึกชั่วร้าย แม้ไม่มีเขตควบคุมกับกำลังคน แต่เมื่อมีฐานะแล้วไปสืบเรื่องต่างๆ คงไม่ใช่เรื่องยาก”
ลู่ฝานพูดว่า “นี่คือเหตุผลที่ผู้อาวุโสบอกว่าฉันต้องลงมือเหรอ”
ผู้อาวุโสซู่มั่นพูดว่า “ใช่ นี่คือเหตุผล นายมีเวลาสามวัน พักผ่อนให้เต็มที่ รักษาอาการบาดเจ็บซะ อีกสามวันฉันจะส่งคนมารับนาย นายต้องเข้ารับการเปลี่ยนแปลง พูดตามตรงว่าตอนนี้วิทยายุทธของนายอ่อนแอ จะเป็นสิบอันดับแรกของการแข่งนานาประเทศ อย่างน้อยต้องมีวิทยายุทธระดับปราณฟ้าชั้นสุดยอด”
ลู่ฝานพูดว่า “ฉันขอคิดดูให้ดีก่อน”
ผู้อาวุโสซู่มั่นยิ้มแล้วพูดว่า “คู่ต่อสู้แข็งแกร่งเกินไปจนนายกลัวใช่ไหม”
ลู่ฝานตอบว่า “เปล่า ฉันกำลังคิดว่าถ้าผู้อาวุโสพูดจริง ฉันควรทำยังไง”
ผู้อาวุโสซู่มั่นพูดว่า “ทำในสิ่งที่นายควรทำ แค่นี้ก็พอแล้ว มีความสุขกับเวลาพักผ่อนสามวันของนายให้เต็มที่ อีกสามวันความเจ็บปวดจะโจมตีทั้งตัวนาย”
พูดจบ ผู้อาวุโสซู่มั่นหันหลังเดินออกไป กะพริบตาเพียงไม่กี่ครั้งก็มองไม่เห็นเงาแล้ว
ลู่ฝานเดินเข้ามาในจวนองค์ชายใหญ่ แวบเดียวเขาก็เห็นหนานกงสิงที่กำลังเดินออกมาข้างนอก
“ฮ่าๆ สหายลู่ฝาน ช่วงนี้นายหายไปไหนมา เพิ่งกลับมาตอนนี้ ช่วงนี้ฉันโดนคนรังแกจนเละเลย!”
ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “ใครรังแกนาย บอกฉันมาสิ สองสามวันนี้ฉันว่างพอดีเลย”