เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1824 หอฝึกสัตว์
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1824 หอฝึกสัตว์
คำพูดแค่คำสองคำ สำนักย่อยที่ 15 ได้เปลี่ยนหัวหน้าสำนักแล้ว
ในจวนองค์ชายใหญ่ ผู้ฝึกชั่วร้ายโดยส่วนใหญ่มาจากสำนักย่อยที่ 15 อย่างเช่นฟางหยู่ที่ตายไปแล้ว
สายตาของแต่ละคนแปลกประหลาด แต่กลับไม่กล้าพูดอะไร
เขาเป็นหัวหน้าสำนัก คนที่ผู้อาวุโสกำลังคุยด้วย พวกเขามีสิทธิ์พูดที่ไหนกันล่ะ
หัวหน้าสำนักลี่กับหัวหน้าสำนักขุยพูดอะไรไม่ได้ การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งหัวหน้าสำนัก ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้อาวุโส
โดยเฉพาะเรื่องที่หัวหน้าสำนักคนเก่าตาย แล้วมีหัวหน้าสำนักคนอื่นมาดูแลแทน เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องง่ายสำหรับผู้อาวุโสมาก
ผู้อาวุโสซู่มั่นวางไหเหล้าลง “พวกนายดื่มกันต่อเถอะ เงามืด จำไว้ว่าฉันต้องการเห็นคนหมื่นคนภายในสามเดือน”
ลู่ฝานหันไปตะโกนพูดกับผู้ชายข้างๆ “เอ่อ นายชื่ออะไรนะ รีบกลับไปที่สำนักย่อยที่ 15 คัดเลือกคนที่พลังแข็งแกร่ง วิทยายุทธสูงส่งมาที่นี่หมื่นคน! ถ้าเลือกคนอ่อนแอมา ฉันจะยัดนายลงไปในกลุ่มด้วย!”
ผู้ชายสั่นไปทั้งตัว เขาคำนับแล้วขานรับ จากนั้นรีบเดินออกไปทันที
ผู้อาวุโสซู่มั่นพยักหน้า ลอยตามลมออกไปราวกับหมอกควัน หายไปอย่างรวดเร็ว
ลู่ฝานเอาไหเหล้าวางด้านข้าง มองหัวหน้าสำนักลี่กับหัวหน้าสำนักขุยด้วยรอยยิ้ม “หัวหน้าสำนักทั้งสอง เราดื่มต่อไหม”
หัวหน้าสำนักลี่สีหน้าอึมครึม เขาตอบว่า “หัวหน้าสำนักเงามืดดื่มต่อไปเถอะ”
พูดจบ หัวหน้าสำนักลี่หันหลังเดินออกไป
หัวหน้าสำนักขุยส่งเสียงหึแล้วเดินตามออกไป
ลู่ฝานหัวเราะแล้วมองพวกเขา ไม่ได้พูดอะไรออกมา ขี้เกียจรั้งด้วย
หัวหน้าสำนักทั้งสองคนหายไปจากสายตาทุกคนอย่างรวดเร็ว
คนจำนวนไม่น้อยที่มาร่วมงานเลี้ยง เตรียมลุกขึ้นออกไปเหมือนกัน
แต่ขณะนั้นลู่ฝานพูดเสียงดังว่า “พวกนายก็จะไปเหมือนกันเหรอ ไม่ไว้หน้าฉันขนาดนี้เลยเหรอ”
เมื่อพูดออกมา คนที่กำลังจะลุกขึ้นยืนถึงกับชะงักไป
ลู่ฝานยิ้มยียวนมองพวกเขาแล้วพูดว่า “เมื่อกี้หัวหน้าสำนักทั้งสองคนไม่ไว้หน้าฉัน ฉันยอมแล้ว พวกนายกล้าไม่ไว้หน้าฉันเหมือนกันเหรอ นั่งลงให้หมด ดื่มเหล้ากันต่อ ไปเอาเลือดหมูมาให้ฉัน เอาไปคนละไห ดื่มไม่หมดไม่ต้องกลับ”
ลู่ฝานสะบัดมือใส่คนใช้ที่อยู่ข้างๆ คนใช้รอบๆ รีบเสิร์ฟเลือดหมูให้ตามลำดับ
ตอนแรกทุกคนเข้าใจว่าที่เจ้าอ้วนจู้บอกว่าเลือดสัตว์ คือเลือดกวางหรือเลือดเสือ
เมื่อได้ยินว่าเลือดหมู สีหน้าผู้ฝึกชั่วร้ายจำนวนไม่น้อยเหมือนอยากอ้วก
ลู่ฝานต้องการทำให้พวกเขาอยากอ้วก เขายกไหเหล้าขึ้นแล้วพูดว่า “เชิญ!”
ผู้ฝึกชั่วร้ายทุกคนมองหน้ากันไปมา ดื่มรวดเดียวจนหมดด้วยความจำใจ
ลู่ฝานหันมามองหนานกงสิงแล้วพูดว่า “สหายหนานกง สนใจมาเป็นรองหัวหน้าสำนักไหม”
หนานกงสิงฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “สหายลู่ฝาน ได้เป็นรองหัวหน้าสำนักให้นาย ถือเป็นเกียรติของฉัน”
ลู่ฝานกับหนานกงสิงลุกขึ้นเดินไปยังตำแหน่งที่นั่งของหัวหน้า
ผู้ฝึกชั่วร้ายรอบๆ เห็นการกระทำของลู่ฝาน ไม่มีเหตุผลอะไรที่พวกเขาจะไม่เข้าใจ
ผู้ฝึกชั่วร้ายทั้งหมดลุกขึ้นยืน จากนั้นหมอบกราบลงบนพื้น พูดอย่างพร้อมเพรียงว่า “ยินดีกับท่านเงามืดที่ได้เป็นหัวหน้าสำนัก ขอให้มีความสุขและอายุยืนยาว!”
ลู่ฝานฉีกยิ้ม มองพวกผู้ฝึกชั่วร้ายที่หมอบกราบอยู่ข้างหน้า จากนั้นพูดเสียงดังว่า “ดีมาก ดีจริงๆ!”
……
ในเวลาเดียวกัน ในเมืองฉิงเทียน
บนถนนที่เต็มไปด้วยความคึกคักที่ภาคใต้ของเมือง บ้านโบราณหลังหนึ่งดูแตกต่างไปเล็กน้อย ดูไม่เข้ากับทุกอย่างด้านนอกเลย
บ้านหลังนี้เล็กมาก ประตูไม่สูงเท่าไรนัก
ป้ายบนประตู มีเพียงตัวอักษรสีดำ-ทองสามตัว
“หอฝึกสัตว์!”
รูปแบบตัวอักษรไม่ได้ทรงพลัง มันดูเป็นตัวอักษรเพ้อฝันล่องลอย เหมือนเป็นฝีมือของผู้ฝึกชี่สไตล์เซียน
บ้านแบบนี้ดูไม่เหมือนรูปแบบสิ่งก่อสร้างของประเทศฉิงเทียนเลย ดูเหมือนสิ่งก่อสร้างของประเทศตันเซิ่งมากกว่า
แต่คนประเทศฉิงเทียนที่เดินผ่านไปผ่านมา ต่างคำนับทำความเคารพเมื่อเดินผ่านหน้าประตูนี้
เพราะที่นี่คือสำนักของหอฝึกสัตว์ หรือเรียกว่าประตูหลักก็ได้
ว่ากันว่าสรรพสัตว์ออกจากประตูนี้ อานุภาพปกคลุมทั้งใต้หล้า
หนึ่งในสามอำนาจใหญ่ของใต้หล้า ต้นกำเนิดของหอฝึกสัตว์คือที่นี่
ปกติประตูนี้ไม่ได้เปิดมานานแล้ว คนเก่าแก่ที่อาศัยอยู่ในประเทศฉิงเทียน เห็นศิษย์ของหอฝึกสัตว์แค่ไม่กี่ครั้ง
ทว่าวันนี้ประตูบานนี้กลับเปิดกว้าง
คนประเทศฉิงเทียนทั้งสองข้างถนน เว้นที่ตรงกลางไว้อย่างรู้งาน เพราะสถานการณ์แบบนี้บ่งบอกเรื่องราวเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
นั่นคือวันนี้จะมีศิษย์ของหอฝึกสัตว์กลับมา มีโอกาสเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นศิษย์คนสำคัญ
ประชาชนประเทศฉิงเทียนจำนวนมากทอดมองไปด้านหน้า อยากรู้ว่าใครคือคนที่กลับมา
แต่รออยู่นานก็ไม่เห็นใครมาสักคน
รู้สึกเพียงลมเย็นพัดผ่านมา จากนั้นประตูหอฝึกสัตว์ปิดลงช้าๆ
ในประตู รถม้ารูปหงส์คันหนึ่งโผล่มากลางอากาศ
ตัวโปร่งแสงกลายเป็นตัวรถ ปีกเหมือนคริสตัลค่อยๆ กางออก หงส์วิเศษหมอบลงบนพื้น จากนั้นผู้หญิงคนหนึ่งค่อยๆ เดินลงมาจากตัวหงส์
ผู้หญิงเงยหน้ามองทุกอย่างด้านหน้า ในใจรู้สึกไม่คุ้นชิน
ออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก กลับมาตอนโต เธอรู้สึกไม่ค่อยรู้จักที่นี่แล้ว
มองสิ่งก่อสร้างที่ทำจากไม้สไตล์โบราณตรงหน้า บ้านรูปโดมกับฟาร์มอสูรวิเศษอันกว้างใหญ่ ผู้หญิงพึมพำออกมาว่า “นี่คือบ้านฉันเหรอ ไม่เหมือนในความทรงจำเลย”
ขณะกำลังพูด มีลมแรงพัดมาจากฟาร์มอสูรวิเศษตรงสุดสายตา
ผู้อาวุโสคนหนึ่งลอยมาตามลม บนไหล่เขามีลูกไก่ขนาดประมาณฝ่ามือ ค่อยๆ หุบปีกลง ลมแรงเมื่อครู่มาจากมันสินะ
เมื่อเห็นผู้อาวุโส ผู้หญิงยิ้มกว้างแล้วตบไหล่ผู้อาวุโส “อาจารย์ทึ่มเป็นคนดีจริงๆ อาจารย์มารับฉันด้วย!”
ผู้อาวุโสหัวเราะ มองผู้หญิงแล้วพูดว่า “เหนื่อยมาตลอดทางสินะ กลับมาจากที่ไกลๆ อย่างเขตตะวันออก ระหว่างทางเจอคนหรือเรื่องที่น่าสนใจไหม”
ผู้หญิงเอียงหัวไปมาแล้วพูดว่า “ไม่บอกหรอก กลับมาก็จะหลอกให้ฉันพูดแล้ว ไม่มีทาง ฉันไม่บอกหรอกว่าช่วงนี้ฉันผ่านมันมายังไง”
ผู้อาวุโสพูดว่า “ได้ๆๆ ศิษย์สุดที่รักของฉัน กลับมาก็ดีแล้ว อืม เธอกลับมาทันเวลาพอดี แบบนี้เธอก็ได้ร่วมพิธีปลุกวิญญาณของตระกูลสิ ไปกันเถอะ เดี๋ยวหาที่พักให้เธอก่อน เธอชอบอยู่กับมังกรไหม หรือชอบอยู่กับหงส์”
ผู้หญิงดึงแขนผู้อาวุโสแล้วพูดว่า “ก็ต้องเป็นหงส์สิ ผู้อาวุโสที่น่ายกย่องของตระกูลอย่างอาจารย์ เอาโควตารายชื่ออสูรวิเศษมาให้ฉันอีกสักตัวได้ไหม ฉันอยากได้หงส์เก้าสีอีกตัว”
ผู้อาวุโสพูดด้วยใบหน้าเศร้า “ฉันไม่ใช่ผู้อาวุโสอย่างเป็นทางการของตระกูลพวกเธอ เธอมาบอกฉันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเธอ ถ้าเธอโชว์ผลงานได้ดีในพิธีปลุกวิญญาณ เธอขออะไรจากตระกูลก็ได้ทั้งนั้น แต่ถ้าโชว์ผลงานได้ไม่ดี เธออาจไม่ได้อยู่ในสำนักต่อก็ได้”
ผู้หญิงกำหมัดพูดว่า “หึ ก็แค่พิธีปลุกวิญญาณ ใครกล้าขวางฉัน ฉันจะต่อยมัน ซัดจนพวกเขากลัวแล้วเอาอสูรวิเศษมาให้ฉันเอง”
ผู้อาวุโสไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ศิษย์สุดที่รักของฉัน เธอใจเย็นหน่อยไม่ได้หรือไง เธอทำตัวแบบนี้ไปเรื่อยๆ ใครจะกล้าแต่งงานกับเธอ อ้อ เหมือนตระกูลจะจัดการเรื่องแต่งงานให้พวกหญิงสาวในตระกูลนะ อีกไม่กี่วันเจ้าบ้านจะคุยเรื่องนี้ เธอต้องเตรียมใจไว้ด้วยนะ”
ผู้หญิงสีหน้าอึมครึมทันที “ล้อเล่นหรือเปล่าเนี่ย ตั้งใจให้ฉันกลับมาเพราะเรื่องนี้เหรอ ไม่เอาๆ ไม่อยากไป”
ผู้อาวุโสยิ้มแล้วพูดว่า “อีกฝ่ายอาจเป็นองค์ชายประเทศฉิงเทียนหรือองค์ชายประเทศอื่น เธอไม่ลองคิดดูหน่อยเหรอ”
ผู้หญิงส่ายหน้าพูดว่า “ไม่คิดหรอก ไม่ได้สนใจ”
ผู้อาวุโสพูดอย่างประหลาดใจ “เธอคงไม่ได้มีคนที่ชอบอยู่แล้วใช่ไหม ไหนบอกอาจารย์มาสิ เธอชอบใคร เจอที่ไหน”
ผู้หญิงแก้มแดงระเรื่อ เธอพูดเสียงดังว่า “มาถามอะไรกันเล่า ไม่บอกหรอก”
ผู้อาวุโสหัวเราะร่า “เป็นแบบนี้จริงด้วย ไอ้หนุ่มตระกูลไหนช่างมี…..วาสนาขนาดนี้! รู้จักกันที่ไหน ประเทศอู่อานหรือที่อื่น ชื่ออะไร”
ผู้หญิงพูดเสียงดังว่า “อาจารย์น่ารำคาญจริงๆ!”
ผู้อาวุโสพูดว่า “ประเทศอู่อานสินะ ฮ่วนเย่ว์ ถ้าชอบก็ไปตามหา ความสุขอยู่ในมือเธอเอง!”
เงาคนสะพายกระบี่หนักผุดขึ้นในหัวฮ่วนเย่ว์ เธอสะบัดหัว มองบนแล้วพูดว่า “อาจารย์ไม่ต้องยุ่ง หึ ไม่แน่ชาตินี้อาจไม่ได้เจอเขาแล้วก็ได้ แค่นักบู๊ประเทศเล็กๆ คิดว่าฉันหายากเหรอ”
พูดจบ ฮ่วนเย่ว์เดินไปข้างหน้า
ผู้อาวุโสเอาสองมือไพล่หลัง มองด้านหลังฮ่วนเย่ว์แล้วหัวเราะไม่หยุด
อสูรวิเศษในฟาร์มบินขึ้นไปบนท้องฟ้า