เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1825 ซูตง
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1825 ซูตง
หลังผ่านไปสามวัน ที่จวนองค์ชายใหญ่
ลู่ฝานกับหนานกงสิงนั่งอยู่ในห้องหนังสือ มองผู้ฝึกชั่วร้ายสิบคนที่ยืนอยู่ด้านหน้า พวกเขาคือเทวทูตสายตรงของสำนักย่อยที่ 15
ลู่ฝานบีบมุกในมือ มันหมุนเบาๆ อยู่ที่ปลายเล็บ
ในมุกคือแผนที่ชัดเจน บันทึกตำแหน่งกับสภาพทั่วไปทั้งหมดของสำนักย่อยที่ 15
ในมุกมีตัวอักษรกับแสงกะพริบอยู่ตลอดเวลา ด้านในยังบันทึกจำนวนประชากรทั้งหมดของสำนักย่อยที่ 15 เอาไว้ด้วย ในนั้นยังบอกด้วยว่ามีเทวทูตกี่คน มีผู้ดูแลกี่คน มีประชาชนทั่วไปกี่คน รวมถึงจำนวนของคนใช้และสัตว์อสูรด้วย ไม่ขาดตกบกพร่องเลยสักอย่าง
ลู่ฝานวางมุกลงบนโต๊ะ หันมาพูดกับหนานกงสิงว่า “สหายหนานกงมาพูดสิ”
หนานกงสิงพยักหน้า พูดด้วยเสียงดังว่า “สำนักย่อยที่ 15 ของเรารับปากว่าจะมอบคนให้สำนักใหญ่อีกหมื่นคน พวกนายต้องทำให้ดีที่สุด ในหมื่นคนนี้ พยายามยึดคุณภาพเป็นหลัก ห้ามเอาคนไม่ได้มาตรฐานมาหลอกผู้อาวุโส พวกนายรู้ถึงผลที่ตามมาดีอยู่แล้ว เรื่องต่อมา ตั้งแต่วันนี้ไปการจัดการทรัพยากรทั้งหมดของสำนักย่อยที่ 15 ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพร หินแร่ พวกของมีค่าเหล่านี้ ให้ย้ายไปที่จวนองค์ชายใหญ่ ส่วนคนก็ให้หมื่นคนที่ส่งมาช่วยขน ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว”
เทวทูตด้านล่างเงยหน้าพูดว่า “หัวหน้าสำนักจะย้ายสำนักย่อยไปที่จวนองค์ชายใหญ่เหรอ”
ลู่ฝานมองเขาอย่างเฉยเมยแล้วพูดว่า “โจวเข่อ ครั้งหน้าถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน แล้วถามโดยพลการแบบนี้อีก ฉันจะทำให้นายเป็นเหมือนฟางหยู่”
โจวเข่อรีบหดคอ ไม่กล้าพูดอะไรมากอีก
หนานกงสิงหัวเราะเบาๆ “การตัดสินใจของหัวหน้าสำนัก พวกนายมีสิทธิ์คาดเดากันเองเหรอ ต่อไประวังคำพูดและการกระทำด้วย สิ่งที่ไม่ควรถามก็ห้ามถาม”
ผู้ฝึกชั่วร้ายคำนับและขานรับ
ลู่ฝานพยักหน้าพูดว่า “ดีมาก ไปจัดการเถอะ อ้อ ฉันขอเตือนพวกนายไว้ ถ้าฉันพบว่าคนสำนักย่อยที่ 15 ของเราสร้างเรื่องเดือดร้อนในประเทศฉิงเทียน ฉันจะเปลี่ยนพวกนาย เชื่อฉันสิ คนจำนวนมากนึกถึงตัวตนของพวกนายนะ”
สีหน้าพวกผู้ฝึกชั่วร้ายเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก คำพูดของลู่ฝานกำลังประกาศว่าช่วงเวลาที่พวกเขาเหิมเกริมอวดดีในประเทศฉิงเทียนได้สิ้นสุดลงแล้ว
ลู่ฝานลุกขึ้นแล้วพูดทิ้งท้ายว่า “ไปเถอะ ต่อไปไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ให้พวกนายสอบถามรองหัวหน้าสำนักอย่างเตี้ยนเซี่ยหนานกงสิง คำพูดของเขาเหมือนคำพูดของฉัน ใครไม่เชื่อฟัง ฉันจะทำให้เขาตกอยู่ในชะตากรรมที่ยากลำบาก”
พวกผู้ฝึกชั่วร้ายคำนับแล้วเดินออกจากห้องหนังสือ จากนั้นก็ปิดประตูลงเบาๆ
ลู่ฝานสัมผัสผ่านวิญญาณของตัวเองว่าพวกเขาเดินไปไกลแล้ว จู่ๆ เขาหัวเราะออกมา “ฉันเป็นหัวหน้าสำนักของพวกผู้ฝึกชั่วร้ายได้ดีใช่ไหม!”
หนานกงสิงพยักหน้า “ดี ดีมากเลย ประโยคเมื่อกี้ที่นายพูดว่าทำให้ตกอยู่ในชะตากรรมที่ยากลำบาก เหมือนหัวหน้าผู้ฝึกชั่วร้ายสุดๆ”
ลู่ฝานยักไหล่ “นายกำลังชมหรือแซะฉันกันแน่ เอาล่ะ เรื่องที่เหลือก็ฝากนายจัดการด้วยนะสหายหนานกง สองสามวันนี้ฉันอาจต้องออกไปอีก สิ่งที่นายต้องทำตอนนี้คือควบคุมสำนักย่อยที่ 15 ให้ได้”
หนานกงสิงพูดว่า “ฉันเข้าใจ อีกทั้งของดีในสำนักย่อยที่ 15 ต้องเข้ากระเป๋าเราก่อน มีของพวกนี้อยู่เราจะได้มีความมั่นใจขึ้นหน่อย”
ลู่ฝานพูดว่า “อืม เรื่องพวกนี้นายทำได้ดีกว่าฉัน จัดการได้เลย ยังไงฉันก็ได้ตำแหน่งหัวหน้าสำนักมาฟรีๆ ทำตามใจชอบเลย ถึงนายทำให้สำนักย่อยที่ 15 เละเทะ ก็ไม่มีใครว่านาย”
หนานกงสิงหัวเราะ “วางใจได้เลย ฉันทำเละแน่ ไม่ใช่แค่นั้น ฉันอยากทำให้สำนักย่อยอื่นเละด้วย อีกสองวันฉันจะไปจวนองค์ชายสี่สักหน่อย ถ้าฉันไปตอนนี้ น้องสี่ตัวปลอมคงไม่กล้าชักสีหน้าใส่ฉันอีก”
จู่ๆ ลู่ฝานนึกถึงสีหน้าขององค์ชายสี่หนานกงฉวน ตอนเดินออกไปเมื่อไม่กี่วันก่อน
เหมือนโดนม้าหลายหมื่นตัวเหยียบหน้า ขมวดคิ้วจนหน้ามุ่ยไปหมด
เป็นไปตามคาดจริงๆ ในบรรดาผู้ฝึกชั่วร้าย ไม่มีอะไรได้ผลไปกว่าการระเบิดพลานุภาพออกมา
ลู่ฝานแสดงความแข็งแกร่งของตัวเองออกมา ฆ่าเจ้าอ้วนจู้อย่างไม่ลังเล หนานกงฉวนคงตกใจจนอกสั่นขวัญแขวน
ตอนนี้เขาคงไม่กล้ามองลู่ฝานเลย สำหรับผู้ฝึกชั่วร้าย ฆ่าคนตายเพราะคำพูดไม่กี่คำ เป็นเรื่องที่ปกติมาก
เขากลัวว่าวันหนึ่งลู่ฝานจะมาซัดหมัดใส่เขาจริงๆ
หนานกงสิงเดาใจของหนานกงฉวนได้อย่างแม่นยำ ดังนั้นเขาจึงมั่นใจมากว่าถ้าเขาไปหาหนานกงฉวน ต้องโกยอะไรดีๆ มาได้แน่นอน
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกัน มีเสียงเคาะประตูดังจากข้างนอก
เสียงรีบร้อนเหมือนหงุดหงิดมาก
ตอนนี้ในจวนองค์ชายใหญ่ ไม่น่าจะมีใครกล้าทำแบบนี้
ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “ดูเหมือนมาเรียกฉัน”
เมื่อสะบัดมือ กระแสลมทำให้ประตูขนาดใหญ่เปิดออก สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าลู่ฝานคือผู้หญิงที่แสนคุ้นเคย
คนที่พาลู่ฝานไปเข้าร่วมการทดสอบชิงกระบี่ครั้งที่แล้ว ก็คือผู้หญิงชุดขาวสีหน้าไม่สบอารมณ์คนนี้
“ไปกันเถอะหัวหน้าสำนักเงามืด”
เสียงของผู้หญิงยังคงเย็นชา ราวกับว่าไม่ได้มองลู่ฝานสูงส่งขึ้นเพราะตำแหน่งหัวหน้าสำนัก
ลู่ฝานตบไหล่หนานกงสิงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเดินออกไป ทุกอย่างชัดเจนโดยไม่ต้องพูดออกมา
“ผู้อาวุโสซู่มั่นให้เธอมานำทางฉันอีกแล้วเหรอ เธอเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสซู่มั่นเหรอ เธอชื่ออะไร”
ลู่ฝานอารมณ์ดี เดินข้างผู้หญิงชุดขาวแล้วถามขึ้นเบาๆ
ผู้หญิงพูดอย่างเฉยเมยว่า “ซูตง นายเดาถูกแล้ว ฉันเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสซู่มั่น อีกทั้งยังเป็นศิษย์คนสุดท้ายด้วย”
ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “งั้นวิทยายุทธของเธอต้องสูงแน่เลย เป็นผู้โดดเด่นในบรรดาผู้หญิง”
ซูตงยิ้มเย็นชาแล้วพูดว่า “วิทยายุทธสูงมีประโยชน์อะไร สุดท้ายก็โดนเด็กที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนแย่งโควตารายชื่อไปตอนการทดสอบสำคัญ อีกทั้งยังแย่งตำแหน่งหัวหน้าสำนักไปด้วย!”
ลู่ฝานพอเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของผู้หญิง “งั้นเหรอ ดูเหมือนเด็กคนนี้ทำได้ไม่เลวนะ เชื่อฉันเถอะ สถานการณ์ไม่ได้สวยหรูอย่างที่เธอคิด มีคนตายตอนทดสอบตั้งเยอะ”
ซูตงชะงักฝีเท้าลง จ้องตาลู่ฝานเขม็งแล้วพูดว่า “นายเห็นฉันเป็นคนกลัวตายเหรอ”
ลู่ฝานเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ “ไม่เกี่ยวกับกลัวหรือไม่กลัวตาย ความจริงคือการทดสอบยากมาก บางทีเรื่องที่พลาดไป อาจเป็นโชคดีอย่างหนึ่งก็ได้!”
ซูตงแสยะยิ้มเย็นชา เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้ฟังเลย
จู่ๆ ซูตงพูดว่า “หัวหน้าสำนัก ผู้แข็งแกร่งคนไหนไม่ได้เหยียบย่ำศพขึ้นมาบ้างล่ะ ถ้านายคิดว่าจะพูดโน้มน้าวฉันได้ นายคิดผิดมหันต์แล้วล่ะ”
ลู่ฝานมองด้านหลังอันเย่อหยิ่งของเธอ ลองสัมผัสวิทยายุทธเธอครู่หนึ่ง จากนั้นถอนหายใจออกมาเบาๆ
เหมือนซูตงโมโหท่าทีของลู่ฝาน จู่ๆ เข็มเงินพุ่งออกมาจากฝ่ามือเธอ เข็มเงินมีแรงทะลุทะลวงน่ากลัว เหมือนสามารถทะลุทุกอย่างบนโลกนี้ได้
ลู่ฝานขยับฝ่ามือโดยไม่มองสักนิด เข็มเงินโดนเขาดูดเข้ามาในมือ
ลู่ฝานเอาเข็มเงินวางลงในมือซูตงแล้วพูดว่า “ถ้าเธอมีพละกำลังแค่นี้ เชื่อฉันเถอะว่าเธอไม่เข้าร่วมน่ะถูกต้องแล้ว”
ลู่ฝานหัวเราะเบาๆ แล้วเดินต่อไป
ซูตงมองเข็มในมือ จู่ๆ พลังบนเข็มพุ่งเข้าไปในตัวเธอ ทันใดนั้นซูตงตัวสั่นอย่างแรง ใบหน้ามีความตกตะลึง
พลังนี้แข็งแกร่งมาก!