เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1830 เปิด
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1830 เปิด
บำเพ็ญฌานไม่รู้วันเวลา พริบตาเดียวก็ผ่านไปหนึ่งปี
ระลอกคลื่นยังคง เงียบสงบอยู่ในสระปีศาจ
ลู่ฝานนั่งอยู่กลางสระปีศาจ บำเพ็ญไปแล้วถึงหนึ่งปีเต็ม
ไม่ว่าจะเป็นนักฝึกบู๊ก็ดี ผู้ฝึกชี่ก็ช่าง เวลาหนึ่งปี นับเป็นเรื่องปกติ ไม่คุ้มค่าให้เอ่ยถึง
บำเพ็ญเต๋าเดิมก็คือสิ่งที่ไม่แน่นอน บางคนเข้าใจได้ในชั่วข้ามคืน เหนือกว่าคนในโลกมนุษย์นับไม่ถ้วน
แต่ก็มีบางคนบำเพ็ญอย่างลำบากกว่าร้อยปี ท้ายที่สุดบรรลุพลังฟ้าดิน ต่อมาเข้าใจทุกสรรพสิ่ง
อย่าว่าแต่ เวลาหนึ่งปีเท่านั้นเลย ต่อให้เป็นสิบปี ยี่สิบปีล้วนไม่นับว่ามาก
ลำแสงโคจรรอบร่าง พลังในร่างลู่ฝานคล้ายรวมเข้ากับสระปีศาจ ไม่แยกจากกระแสน้ำ
เทียบกับหนึ่งปีก่อน ลู่ฝานดูเหมือนไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ
มีเพียงสิ่งเดียว ก็คือรอบกายของลู่ฝานยังมีกระแสน้ำมืดมนบางส่วน เหมือนดังไท่จี๋โคจรพันรอบลู่ฝาน
จากนั้นรวมกันเข้าเป็นเส้นสาย ไม่ได้ไหลเข้าสู่ร่างของลู่ฝาน
ดูเหมือนพลังในน้ำ ทั้งหมดนั้นถูกลู่ฝานดูดซับ
สายลมแจ่มใสพัดผ่านซอกเขา เงาร่างผู้หนึ่งเคลื่อนผ่านตามมา ค่อย ๆ หยุดลงตรงหน้าลู่ฝาน
แสงอาทิตย์กระทบใบหน้า ส่องสะท้อนรูปโฉมของเธอออกมา ก็คือผู้อาวุโสซู่มั่น
มองลู่ฝานที่อยู่ตรงหน้า ผู้อาวุโสซู่มั่นยกสองมือขึ้น พูดเบา ๆ : “ยังไม่ตื่นอีก นายช่างสามารถดูดซับได้เก่งจริง ๆ น้ำในสระปีศาจหินยานถูกนายเพียงผู้เดียวดูดซับจนเกลี้ยงแล้ว บางครั้ง ฉันก็เกิดความสงสัย นายใช่หรือไม่ว่าเป็นสัตว์อสูรในร่างจำแลงมนุษย์ คนทั่วไปล้วนไม่อาจดูดกลืนพลังได้อย่างนาย”
พูดจบ ผู้อาวุโสซู่มั่นก็ยื่นมือขึ้นหนีบเบา ๆ กลางอากาศ หยดน้ำสีน้ำแข็งหยดหนึ่งถูกเธอกำเอาไว้ในมือ
สะบัดมือ ผู้อาวุโสซู่มั่นขว้างหยดน้ำนั้นลงกลางน้ำ
ปึง!
หยดน้ำไม่ได้จมลงผืนน้ำ ทั้งยังไม่ได้ถูกผืนน้ำหลวมรวม แต่กลับกลิ้งตัวไปตามผืนน้ำลอยเข้าหาลู่ฝาน
ลู่ฝานเงียบสนิท ผู้อาวุโสซู่มั่นมองประเมินผืนน้ำรอบด้าน ยิ้มน้อย ๆ
ในขณะนั้น ข้างหลังพลันมีเสียงพายุ
ครั้งนี้ กลับเป็นธิดาเทพแห่งความมืดลอยออกมา
“พี่ซู่มั่น เธอมาดูเขาอีกแล้ว”
ธิดาเทพแห่งความมืดเปล่งเสียง
ผู้อาวุโสซู่มั่นหันไปมองธิดาเทพแห่งความมืดพร้อมพูดว่า: “ เธอมาทำอะไร? หรือมาดูว่าเจ้าหมอนี่ทะลุระดับหรือยัง?”
ธิดาเทพแห่งความมืดกวาดสายตามองสระปีศาจใต้ฝ่าเท้า: “สระปีศาจที่ดีมากเช่นนี้ ช่างน่าเสียดายเหลือเกิน พี่ซู่มั่น ฉันมาหาเธอ เขตแดนเขาสี่โลกกำลังจะเปิดแล้ว ผู้อาวุโสหลายท่านต่างรอเธอไปสนับสนุนพร้อมกัน”
“เข้าใจแล้ว”
ผู้อาวุโสซู่มั่นพยักหน้าน้อย ๆ ตอบรับเบา ๆ
ธิดาเทพแห่งความมืดมองลู่ฝานแวบหนึ่ง พูดว่า: “พี่ซู่มั่น เธอว่าเขาจะสามารถทะลุระดับเข้าสู่แดนเซียนได้ไหม?”
ผู้อาวุโสซู่มั่นหัวเราะเบา ๆ : “หากไม่เกิดเหตุสุดวิสัย น่าจะไม่มีปัญหาละมั้ง ดูดกลืนพลังจากสระปีศาจทั้งผืน หากยังไม่อาจเข้าสู่แดนเซียนก็ได้แต่พูดว่าคนผู้นี้โง่เขลาเบาปัญญาในเส้นทางของเต๋าอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจแบกรับภารกิจสำคัญ”
ธิดาเทพแห่งความมืดพยักหน้าพลางยิ้ม: “ฉันคิดว่าก็คงใช่แหล่ะ ไปกันเถอะ พี่ซู่มั่น ฉันคาดว่าเขายังคงต้องใช้เวลาอีกสักปีหรือสองปี ถึงจะสามารถทะลุระดับได้อย่างสิ้นเชิง แดนเซียน ไม่ได้เข้าไปง่ายดายปานนั้น”
พูดจบ ธิดาเทพแห่งความมืดก็หมุนตัวจากไป
มุมปากของผู้อาวุโสซู่มั่นเผยรอยยิ้ม พร้อมถ่ายทอดเสียงไปสู่ลู่ฝาน
ขณะนั้น ริมหูลู่ฝาน เสียงของผู้อาวุโสซู่มั่นดังขึ้นอย่างแจ่มชัด
“ฉันรู้ว่านายจะต้องได้ยินแน่ เงามืด ฉันขอเตือนนาย ไม่ว่านายจะได้รับประโยชน์จากสระปีศาจมากน้อยแค่ไหน อย่าได้ใช้พลังจากสระปีศาจทะลุระดับเข้าสู่แดนเซียนเป็นอันขาด อย่าเป็นอันขาด!”
บางทีอาจเพราะสำคัญมาก ดังนั้นผู้อาวุโสซู่มั่นถึงได้ย้ำคำว่าอย่าถึงสองครั้ง
แต่ลู่ฝานยังคงเฉย ๆ กระทั่งลมปราณล้วนไม่กระเพื่อมแม้แต่น้อย
ผู้อาวุโซซู่มั่นไม่นานก็หมุนตัวลอยจากไปเช่นกัน เรือนร่างลับหายไปจากขอบฟ้า
ผืนน้ำยังคงมีการหมุนวนของระลอกคลื่น ก้นบึ้งธารน้ำ หยดน้ำสีน้ำแข็งหยดนั้น มาถึงข้างกายลู่ฝานแล้ว หยดน้ำสีน้ำแข็งพลันเปลี่ยนเป็นพลังสีครามพรั่งพรูเข้าสู่ร่างลู่ฝาน
ทันใดนั้น นิ้วมือของลู่ฝานกระดิกเบา ๆ
ลำดับต่อมา ปึง!
ผืนน้ำแตกกระจาย กระแสน้ำไหลหลากพุ่งขึ้นสู่ขอบฟ้า
หนังตากระตุกเบา ๆ เสียงระเบิดกึกก้องดังมาจากหุบเขารอบด้าน
สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เขาสูงพังทลายแตกเป็นเสี่ยง ๆ เนินผาลาดเอียง หินแตกกระจุย
กลิ่นอายรุนแรงขุมหนึ่งพุ่งออกจากร่างของลู่ฝาน
ชั่วพริบตานั้นลำแสงหนึ่งสว่างจ้าบดบังแสงอาทิตย์ แสงสว่างทิ่มแทงสายตานั้นเสมือนลมพายุโหมกระหน่ำ รอบด้านอลหม่านวุ่นวาย!
…
ในพระราชวัง ตำหนักใหญ่ของประเทศฉิงเทียน
ด้านนี้ เดิมเพื่อการหารือราชกิจของประเทศฉิงเทียน บรรดาอ๋องและขุนนาง รวมถึงผู้นำประเทศ ล้วนอยู่ที่นี่เพื่อจัดการราชกิจของบ้านเมือง
แต่ตอนนี้ ในตำหนักใหญ่ กลับเป็นสถานที่ของเหล่าปีศาจเริงระบำ
บางคนยืน บางคนนั่ง ผู้ฝึกชั่วร้ายซึ่งโกลาหลวุ่นวายกลุ่มหนึ่งคุยเล่นพิงเสาอยู่ในตำหนักใหญ่
ยังมีบางส่วนที่สงบเสงี่ยมนั่งดั่งสุราอยู่ข้างกำแพง คำพูดสกปรกโสมมดังเข้าหูไม่ขาดสาย
ยืนอยู่หน้าสุด ก็คือบรรดาผู้อาวุโสทุกท่าน
พวกเขาดูเหมือนสภาพดีกว่าเล็กน้อย ทว่ารอยยิ้มบนใบหน้า และหัวข้อสนทนา กลับไม่ได้ดีไปกว่าผู้ฝึกชั่วร้ายคนอื่นสักเท่าไหร่
“ฆ่าคน จะต้องค่อย ๆ ฆ่า ฆ่าคนเป็นการเสพสุขประเภทหนึ่ง วิธีฆ่าตายในดาบเดียว หรือกลืนลงไปในคำเดียว ล้วนเป็นวิธีการของคนโง่ ต้องทำให้อีกฝ่ายหวาดกลัว ตัวสั่นเทาอยู่ตรงหน้านาย ทั้งโวยวายและอ้อนวอน จากนั้นค่อย ๆ ฆ่าให้ตาย ทำอย่างนี้ถึงจะสนุก วิญญาณถึงจะซื่อตรงสักหน่อย คุณภาพก็จะดีขึ้นไม่น้อย”
“ไม่ถูก ไม่ถูก วิธีฆ่าของนายสามารถใช้ได้แค่กับคนทั่วไป หาเผชิญหน้ากับผู้ที่มีศักยภาพใกล้เคียงกับนาย หรือว่าแข็งแกร่งกว่านาย วิธีฆ่าอย่างนี้ มีแต่จะหาเรื่องยากให้ตัวเองเท่านั้น แน่นอนว่าวิธีที่เหมาะสมในการฆ่าคนก็คือ กำจัดจุดตันเถียนของอีกฝ่ายก่อน กลืนกินร่างกายและเลือดเนื้อของเขา จากนั้นกลั่นวิญญาณของเขาออกมา ใช้ไฟมืดเคี่ยวให้ละเอียด เสียงร้องอันน่าเวทนานั้น ถึงได้ชื่อว่าสะท้านขื่อคานสามวัน วิญญาณหลอมรวมไม่สำเร็จไม่ใช่ปัญหา ร่างกายสูญสลายไม่นับว่าเป็นอะไร ทรมานวิญญาณต่างหากที่เป็นแผนการที่ดี”
“มีเหตุผล มีเหตุผล!”
“รับมือกับคนที่แตกต่าง ย่อมต้องใช้วิธีการที่แตกต่าง”
ผู้อาวุโสหลายท่านพูดคุยกันอย่างสบายใจ ขณะนั้นเอง ที่ประตูใหญ่พลันมีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา
ศีรษะสวมมงกุฎม่านมุกของฮ่องเต้ มือถือลัญจกร
ท่วงท่าสง่าผ่าเผย ผู้ชายที่อยู่หน้าสุดเดินเข้าสู่ตำหนักใหญ่ นั่งลงบนเก้าอี้มังกรท่ามกลางสายตาจับจ้องของผู้ฝึกชั่วร้ายทั้งหมด
คลับคล้ายคลับคลาลำแสงลอดผ่าน เรือนร่างสูงสง่า เต็มไปด้วยพลัง ท่วงท่าน่าเกรงขามเช่นนี้เหมือนดังผู้นำของประเทศฉิงเทียนก็ไม่ปาน
ท่ามกลางฝูงชน หนานกงสิงที่ยืนเงียบอยู่มุมหนึ่งมาโดยตลอดจ้องเขม็งไปยังผู้นั้น
สมควรตาย นี่คือผู้ฝึกชั่วร้ายคนหนึ่งปลอมตัวเป็นพ่อของเขา
ชูลัญจกรในมือขึ้นสูง ผู้ชายพูดเสียงดัง: “ทุกท่าน เป็นยังไงบ้าง ฉันเหมือนผู้นำประเทศฉิงเทียนไหม?”
ผู้ฝึกชั่วร้ายกลุ่มหนึ่งหัวเราะเสียงดังขึ้นมา ผู้อาวุโสหลายคนก็ต่างหัวเราะเบา ๆ ท่ามกลางในนั้นผู้อาวุโสที่มีเคราพูดว่า: “ราชาปีศาจฝันร้าย ได้นายปลอมตัวเป็นผู้นำประเทศฉิงเทียนนับว่าไม่มีใครเหมาะสมไปกว่านี้อีกแล้ว”
ไม่ผิด ผู้ที่ปลอมเป็นผู้นำประเทศฉิงเทียน ก็คือราชาปีศาจฝันร้าย
หัวเราะเสียงดัง ราชาปีศาจฝันร้ายพูดเสียงกระหึ่ม: “วิชาปีศาจเปลี่ยนร่างที่ฝึกมาหลายสิบปี ย่อมไม่ใช่สูญเปล่า”
เพิ่งพูดจบ ข้างนอกก็มีเงาร่างสองร่างเดินเข้ามา
ฉับพลันนั้นคือผู้อาวุโสซู่มั่นและธิดาเทพแห่งความมืดที่รีบเร่งเดินทางมา
เพียงผู้อาวุโสซู่มั่นมาถึง เสียงหัวเราะจากผู้ฝึกชั่วร้ายรอบด้านพลันเบาลงไม่น้อย
อย่างชัดเจน ผู้อาวุโสซู่มั่นพูดว่า: “มากันหมดแล้ว? พวกคุณเตรียมการต้อนรับผู้แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้ากันอย่างนี้เหรอ? ทุกคน นับจากบัดนี้ไป ทำตัวให้ดีล่ะ หากใครกล้าทำลายแผนการล่ะก็ ฉันจะเป็นคนแรกที่ฆ่ามันผู้นั้นทิ้ง!”
เพิ่งพูดจบ ผู้ฝึกชั่วร้ายที่อยู่รอบด้านต่างรีบจัดแจงเสื้อผ้า ท่วงท่าเปลี่ยนไปอย่างมหัศจรรย์
ไม่ถึงครู่ใหญ่ ขุนนางบุ๋นบู๊ องค์ชายองค์หญิงต่างเข้าแถวเรียงตามลำดับ กระทั่งราชาปีศาจฝันร้ายยังสงบเสงี่ยม
มองไกลออกไป เวลานี้ต่างหากที่เหมือนการหารือราชกิจของประเทศฉิงเทียนอย่างที่ควรเป็น
ผู้อาวุโสซู่มั่นเดินไปข้างผู้อาวุโสคนอื่น ถามว่า: “ทุกอย่างเตรียมการพร้อมแล้ว?”
ผู้อาวุโสหลายคนพูดพร้อมกันด้วยน้ำเสียงแปลกแปร่ง: “ทั้งหมดเตรียมการเสร็จสิ้น เอ่อ…อื้ม คุณชายเฟิงพูดว่า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ผู้ฝึกชั่วร้ายในประเทศฉิงเทียน ทั้งหมดต้องฟังคำสั่งจากเธอ”
ผู้อาวุโสซู่มั่นยิ้มบาง ๆ : “ดี ถ้าอย่างงั้น เขตแดนเขาสี่โลก เปิดออกเถอะ!”
ราชาปีศาจฝันร้ายหัวเราะเบา ๆ พลันขว้างลัญจกรในมือออกไป
“เปิด!”
ทันใดนั้น ทั่วทั้งประเทศฉิงเทียนพลันสั่นสะเทือน
ท่ามกลางความว่างเปล่า ลำแสงที่พุ่งขึ้นฟ้าแตกกระจายเป็นแสงสว่างละลานตา เสมือนลูกธนูอันรวดเร็ว ยิงออกไปไกล
ฉับพลัน ทั้งใต้หล้า ท่ามกลางความว่างเปล่าไร้ขีดจำกัด เริ่มปรากฏระลอกคลื่นออกมา
ในประเทศฉิงเทียน เทือกเขาเชื่อมฟ้าที่อยู่นอกเมืองฉิงเทียนหมื่นลี้ ประตูหุบเขาอันใหญ่โตทั้งสี่ เต็มไปด้วยเสียงสะเทือนเลือนลั่น ค่อย ๆ เปิดออก