เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 186
บทที่ 186
แสงของธาตุทั้งห้าฟ้าดินกระจัดกระจายไปทั่วยอดเขา ขนาดจ้าวซวี่ที่แขนบาดเจ็บ ยังลุกขึ้นมาช่วยปล่อยพลังของตัวเอง
นี่เป็นการต่อสู้ที่เผาผลาญ ใครปล่อยมือก่อน คนนั้นแพ้
ตอนนี้บนท้องฟ้า อาจารย์เซินถูของคณะกำแหงมาถึงแล้ว
มองผ่านชั้นเมฆลงมา อาจารย์เซินถูขมวดคิ้ว มองพวกจ้าวซวี่ที่กำลังขะมักเขม้น แล้วพึมพำว่า “คนพวกนี้กำลังทำอะไร”
เฒ่าประหลาดที่กำลังใจจดใจจ่อ ไม่เห็นว่าเซินถูมาถึงแล้ว แต่ขณะนั้น เสียงของเซินถูดังขึ้นข้างหูเฒ่าประหลาด
“เฒ่าประหลาด นายกำลังทำอะไร”
เฒ่าประหลาดสะดุ้งโหยง พลังชี่บนมือสั่น ทำให้เกิดแผลขึ้นบนรูปปั้นหุ่นหิน
เฒ่าประหลาดกัดฟันพูดว่า “กำลังปราบหม้อใบหนึ่งมาเป็นของตัวเอง เซินถู ใช่นายไหม ช่วยฉันหน่อยได้ไหม”
เซินถูพูดออกมาว่า “สายฟ้ายาสามสีเมื่อกี้ เป็นฝีมือนายเหรอ ถ้านายเอายาทิพย์ให้ฉัน ฉันช่วยนายได้นะ”
เฒ่าประหลาดกัดฟันพูดว่า “ไม่มียาทิพย์ แต่นายเลือกยาเม็ดระดับเก้าได้ตามสบาย”
เซินถูส่ายหัวอยู่กลางท้องฟ้าอย่างสิ้นหวัง จากนั้นหันหลังเหาะออกไป เขาไม่สนใจอะไรแบบนั้นของผู้ฝึกชี่ ในเมื่อไม่มียาทิพย์ที่เขาต้องการ สู้ให้เขากลับไปฝึกต่อดีกว่า
แสงในมือเฒ่าประหลาดกะพริบ ในฐานะที่เป็นผู้ฝึกชี่ พูดว่าไม่มียาทิพย์เป็นเรื่องโกหก ในมือเขามียาทิพย์สองสามเม็ด แต่ใช้ประโยชน์ได้มาก ไม่มีทางเอาให้เซินถูหรอก
เงยหน้ามองเซินถูออกไป เฒ่าประหลาดยิ้มออกมาบางๆ
ไปก็ไปสิ เพราะเขาไม่หวังให้นักบู๊ของสถาบันสอนวิชาบู๊ มาช่วยอยู่แล้ว
ทำไมเขาถึงกล้าพาลูกศิษย์ตัวเองมาแย่งสมบัติ หลักๆ คือในสถาบันสอนวิชาบู๊ มีแค่เขากับศิษย์พวกนี้ที่เป็นผู้ฝึกชี่ คนอื่นล้วนเป็นนักบู๊ ถึงเห็นหม้อสือฟางอันนี้ ก็ไม่มีความสนใจ ไม่งั้นหม้อสือฟางอันนี้คงไม่อยู่ที่นี่มาหลายร้อยปี โดยไม่มีใครเอาไปสักคน
ไม่มีคนแย่งชิง ก็ไม่ต้องกังวลว่าสมบัติจะมีเจ้าของ เป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว
ถ้าเปลี่ยนเป็นสถานที่ ที่มีผู้ฝึกชี่เป็นจำนวนมาก เขาคงไม่มีทางเอาหม้อสือฟางมาได้
เฒ่าประหลาดมีรอยยิ้มมุมปาก รวบรวมสมาธิ เพิ่มพลังชี่ออกไป ทันใดนั้น หุ่นหินดึงหม้อสือฟางออกมาเร็วขึ้นอีก
……
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง ตรงตีนเขา ลู่ฝานและคนอื่นต่างมาถึงที่นี่
นี่อาศัยการนำทางของลู่ฝาน พวกเขาจึงไม่ออกนอกทิศทาง ระหว่างทาง หานเฟิงยังบอกว่าลู่ฝานจมูกสุนัข พวกเขาไม่ได้กลิ่นยา แต่ลู่ฝานกลับนำทางพวกเขาอย่างมั่นใจ ไม่ออกนอกทิศทางเลยสักนิด
ความเร็วของพวกเขาไม่ช้าเลย ผลการฝึกตนของทั้งสี่คนไม่แย่เลย ใช้วิชากายออกมาทั้งหมด เรียกได้ว่า รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ เห็นว่าใกล้ถึงแล้ว แต่พวกเขายังต้องเดินอีกไกล
ตรงตีนเขา หานเฟิงเงยหน้ามองขึ้นไป
“ข้างบนเกิดอะไรขึ้น ยังกลั่นยาอยู่เหรอ แสงห้าสีรุนแรงมาก ได้ยินว่าผู้ฝึกชี่ล้วนมีสมบัติในตัว ยาเม็ดในมือมีเป็นกอง ศิษย์น้องลู่ฝาน นายว่าเราจะซื้อยาเม็ดจากเขาก่อนสักหน่อย แล้วค่อยจ่ายเงิน ทางที่ดีคือยาทิพย์ รอผ่านไปสักไม่กี่ปีหรือสักสิบกว่าปี เมื่อเราเจริญรุ่งเรืองแล้ว ค่อยคืนให้เขาเป็นหลายสิบเท่า”
หานเฟิงถูมือไปมา สีหน้ามุ่งหวัง
ฉู่สิงตัดความเพ้อฝันของเขา อย่างไม่เกรงใจ “ติดหนี้ยาเม็ดงั้นเหรอ ตั้งแต่โบราณจนถึงตอนนี้ ยังไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้ นายคิดว่าผู้ฝึกชี่เป็นคนพูดง่ายเหรอ ตอนฉันอยู่ในตระกูล รู้จักผู้ฝึกชี่คนหนึ่ง เรียกได้ว่านิสัยประหลาดมาก”
เหมือนคิดถึงเรื่องไม่ดีในอดีตขึ้นมาได้ สีหน้าของฉู่สิงกับฉู่เทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย
หานเฟิงถอนหายใจออกมา “เฮ้อ ถ้าผู้ฝึกชี่พวกนั้นพูดง่ายเหมือนศิษย์น้องลู่ฝานก็ดีสิ โยนยาเม็ดสองสามขวดมาให้ฉันอย่างง่ายดาย”
ลู่ฝานหัวเราะ แต่ไม่ได้พูดอะไร
เมื่อฉู่สิงกับฉู่เทียนได้ยินว่าลู่ฝานโยนยาสองสามขวดให้หานเฟิง พวกเขามีสีหน้าประหลาดทันที
ฉู่สิงพูดเบาๆ ว่า “ศิษย์น้องลู่ฝาน นายมาจากตระกูลร่ำรวยหรือเปล่า ขาดลูกน้องหรือเปล่า รอให้ศิษย์พี่เรียนจบก่อน จะติดตามนายไปด้วย”
ลู่ฝานพูดอย่างกระอักกระอ่วน “ศิษย์พี่ทุกคน เราคุยนอกเรื่องกันแล้วหรือเปล่า ขึ้นไปดูบนเขาก่อนเถอะ”
ฉู่เทียนพยักหน้าพูดว่า “ใช่ ได้ยินว่ายาเม็ดถึงระดับเหมาะสม ถึงจะได้กลิ่นห่างขนาดนี้ ก็มีประโยชน์ต่อคนเป็นอย่างมาก ดูว่าครั้งนี้เราจะโชคดีหรือเปล่า”
ทั้งสี่คนรีบไปบนยอดเขา ยิ่งใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เห็นพลังฟ้าดินเคลื่อนไหวบนยอดเขา ชัดเจนยิ่งขึ้น
ลู่ฝานรู้สึกไม่เข้าใจเล็กน้อย โดยทั่วไปแล้ว เมื่อกลั่นยาเม็ดสำเร็จ ควรจะเก็บของพักผ่อนแล้ว
แต่พลังฟ้าดินบนยอดเขาดูไม่เหมือนกำลังกลั่นยา แต่เหมือนกำลังต่อสู้กัน
นี่มันเกิดอะไรขึ้น เพิ่งกลั่นยาสำเร็จ ก็สู้กันแล้วเหรอ
ลู่ฝานและคนอื่น วิ่งไปบนยอดเขาด้วยความสงสัยมากมาย
ลู่ฝานมองจากไกลๆ เห็นพวกเฒ่าประหลาดกำลังต่อสู้กับหม้อสือฟางอย่างสุดกำลัง
ขณะนั้น หุ่นหินแผดเสียงโมโหออกมา ดึงหม้อสือฟางขึ้นมาจากใต้พื้นดิน
พลังอันน่ากลัว พุ่งออกมาจากใต้หม้อสือฟาง ลู่ฝานเห็นเพียงความมืด พุ่งปะทะเข้ามา
หานเฟิงตะโกนว่า “ให้……”
วินาทีต่อมา คนบนยอดเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย
บทที่ 185