เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 188
ฉู่สิงหัวเราะอยู่ข้างๆ “จะพูดแบบนั้นก็ไม่ได้ ของที่เซียนบำเพ็ญชี่หลงเหลือไว้ ฉันคิดว่าผู้ฝึกชี่จำนวนมาก ยอมเอาเม็ดยามาแลก แค่ได้ของล้ำค่ามา ไม่ต้องกังวลว่าจะขายไม่ออก ไม่แน่ ที่นี่อาจมียาทิพย์ ยาเซียน รอให้เราไปเอาก็ได้ ศิษย์น้องหานเฟิง ถ้านายไม่ต้องการ สู้ให้ฉันดีกว่า”
หานเฟิงอึ้งไป จากนั้นหัวเราะออกมา
“ฟังดูไม่เลวนะ ยาเม็ดเหรอ เป็นของดี งั้นเราจะรออะไรล่ะ เดินไปข้างในต่อสิ”
หานเฟิงเดินนำไปข้างหน้า ฉู่สิงกับฉู่เทียนเดินตามหลัง
ลู่ฝานมองทุกสิ่งที่แปลกประหลาดในบริเวณรอบๆ แล้วขมวดคิ้วขึ้นมา
ระหว่างทางเดินไปข้างหน้า ทุกครั้งที่เหยียบม่านแสงใต้เท้า มันจะส่องแสงกะพริบ
ด้านหน้าเป็นประตูบานใหญ่ สูงเป็นอย่างมาก เงยหน้าขึ้นมองอย่างยากลำบาก
ประตูบานใหญ่ มีแสงสีฟ้าอ่อนสว่างขึ้น ลวดลายเสือและมังกรต่อสู้กันที่แกะสลักอยู่ทั้งสองด้าน เสือสีขาวกับมังกรตัวใหญ่สีทองเงยหน้าคำราม เมื่อมองดูดีๆ รู้สึกสะเทือนขวัญ เหมือนมีเสียงของมังกรกับเสือ ดังอยู่ข้างหู
มังกรในเมฆ เสือจากสายลม ส่วนอื่นบนประตูแกะสลักลวดลายของเมฆและสายลมที่ดูแปลก
ลู่ฝานสังเกตลวดลายพวกนี้เป็นอันดับแรก เมื่อมองอย่างละเอียด เหมือนลวดลายทั้งหมดรวมตัวกัน กลายเป็นแถบ
เพิ่งเดินมาด้านล่างประตู ทันใดนั้น เงาคนลงมาจากกลางอากาศ เมื่อพวกเขาลงมา ยังมีเศษหินด้วย เกือบกระแทกโดนหัวพวกลู่ฝานด้วย
พวกลู่ฝานทั้งสี่คน รีบถอยหลัง และดึงอาวุธออกมาทันที
“หยุด!”
เมื่อแผดเสียงออกมาเบาๆ เงาคนที่ร่วงลงมา หยุดลงกลางอากาศ
พลังของห้าธาตุเคลื่อนไหว กลายเป็นค่ายกลห้าธาตุโปร่งแสง รับร่างคนพวกนี้เอาไว้
แค่ฝีมือนี้ ก็แน่ใจแล้วว่าคนที่มาคือผู้ฝึกชี่ อย่างไม่ต้องสงสัย
หมุนตัวช้าๆ ค่ายกลห้าธาตุดึงฝ่าเท้าของคนพวกนี้ ลงมาบนพื้นอย่างมั่นคง เป็นพวกเฒ่าประหลาด
เฒ่าประหลาดปัดเสื้อ ถือหม้อสีใสอยู่ในมือ สายตาจ้องไปยังพวกลู่ฝาน แล้วพูดว่า “พวกนายเป็นศิษย์คณะไหน ถึงเหิมเกริมขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าจะเข้ามาในจวนอากาศธาตุกับพวกเรา พวกนายต้องรู้ถึงผลที่ตามมา”
หานเฟิงแคะรูจมูก มองเฒ่าประหลาดแล้วพูดว่า “ตาเฒ่า นายเป็นใคร ทำไมฉันไม่รู้จักนาย มาถึงก็พูดไร้สาระ นายคิดว่าเรายินดีเข้ามากับนายหรือไง”
เฒ่าประหลาดก่นด่าออกมา “ฉันเฟิงหลิง เป็นหัวหน้าผู้ฝึกชี่ของสถาบันสอนวิชาบู๊ ไอ้หนุ่ม จากที่นายพูดเมื่อกี้ ฉันจะให้ครูของนายตบปากนาย”
หานเฟิงหัวเราะออกมา “ขอโทษ ฉันไม่มีครู”
ฉู่สิงพูดต่อ “เราเป็นศิษย์คณะหนึ่งเดียว มีปัญญา นายก็พูดคำนี้กับอาจารย์เราสิ ตาเฒ่า นายพาเราเข้ามาใช่ไหม”
คงเป็นเพราะไม่มีใครกล้าพูดกับเขาแบบนี้ มานานแล้ว เฒ่าประหลาดโดนหานเฟิงกับฉู่สิงพูดใส่จนโมโห แต่เมื่อได้ยินคำว่าคณะหนึ่งเดียว เหมือนเฒ่าประหลาดนึกอะไรได้ กลืนคำที่จะพูดลงคอ
ทันใดนั้น เฒ่าประหลาดส่งเสียงหึ “ที่แท้พวกคณะหนึ่งเดียว มิน่าล่ะถึงพูดจาไม่ไพเราะเช่นนี้ ช่างเถอะ ไม่เถียงกับพวกนายแล้ว ในเมื่อพวกนายโชคร้ายโดนพาเข้ามาด้วย งั้นต้องระวังให้มาก ที่นี่นายจะเดินตามใจชอบไม่ได้ ถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา ฉันไม่รับผิดชอบนะ”
เฒ่าประหลาดพูดพึมพำ จากนั้นพูดด้วยเสียงที่มีเพียงตัวเองที่ได้ยิน “แค่นักบู๊ไม่กี่คนเท่านั้น น่าจะมีปัญหาไม่มาก หุ่นหินเสียหายไปแล้ว ไม่แน่ถ้าเจอสถานการณ์ที่ต้องการโล่มนุษย์ ให้เด็กพวกนี้ไปแบกรับได้ เพราะพวกเขาเข้ามาแล้ว จะมีใครรู้ว่าพวกเขาเป็นหรือตาย”
ในตาฉายแววประหลาด เฒ่าประหลาดหันหน้ากลับไป
จ้าวซวี่และคนอื่นที่อยู่ด้านหลัง เริ่มมองไปรอบๆ
สายตาจ้าวซวี่กวาดตามองพวกหานเฟิง จากนั้นสายตาหยุดลงที่ลู่ฝาน เพราะลู่ฝานมองเขา ด้วยสายตาประหลาด
จ้าวซวี่ไม่รู้ว่าทำไมลู่ฝานถึงใช้สายตานี้มองเขา มีเม็ดข้าวติดหน้าเขาหรือไง
จ้าวซวี่หันหน้าไปอย่างไม่เข้าใจ เขามองไปยังประตูใหญ่ ทันใดนั้น สายตาเขา โดนดึงดูดด้วยประตูอัศจรรย์
“นี่คือ……”
เฒ่าประหลาดมองประตู พลางหัวเราะออกมา เริ่มสัมผัสบนประตูบานใหญ่ไปทั่ว
จากนั้นพูดชื่นชมออกมาว่า “ประตูคุ้มครอง ประตูคุ้มครองสูงเป็นพันเมตร ฉันสัมผัสได้ถึงพลังแข็งแกร่งบนประตู ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลังประตูต้องมีทุกสิ่งที่ฉันต้องการแน่นอน”
เฒ่าประหลาดใส่พลังชี่ลงบนประตูอย่างต่อเนื่อง เพื่อเปิดประตูบานนี้
หานเฟิงเอียงหัวพูดว่า “เขาแค่เปิดประตูใช่ไหม ทำไมฉันรู้สึกเหมือนเขาร่างทรง”
ลู่ฝานหัวเราะเบาๆ มองเฒ่าประหลาด ประตูคุ้มครองงั้นเหรอ อาจารย์หวูเฉินของเขาบอกวิธีเปิดประตูพวกนี้ไว้มากมาย
แต่ดูเหมือนเฒ่าประหลาดใช้ไม่ถูกต้องสักวิธี ลู่ฝานกำลังคิดว่าจะช่วยดีไหม
ทันใดนั้น เหมือนเฒ่าประหลาดกดโดนอะไรบางอย่างบนประตู
วินาทีต่อมา เสือสีขาวตัวใหญ่บนประตู กระโดดออกมาทันที
เฒ่าประหลาดร้องอย่างตกใจ ถอยหลังอย่างตื่นตระหนก
หานเฟิงก็ถอยหลังเช่นกัน แต่ลู่ฝานกลับจับเขาเอาไว้ “อย่าขยับ”