เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 224
บทที่ 224
ลืมตาขึ้นช้าๆ มีแสงส่องประกาย
ดวงตาลู่ฝานสว่างเหมือนดวงดาว แสงที่เหมือนจริง พุ่งออกมาจากประตูอากาศ ส่องลงบนพื้นดิน
ประกายในตาหายไป ลู่ฝานเดินออกจากประตู
ตอนนี้สายตาของนักเรียนไม่น้อย กำลังมองมาทางนี้ เพราะการปรากฏตัวของลู่ฝานประหลาดเกินไป แม้แต่ครูอาจารย์ที่อยู่บนหอคอย ยังมองมาทางนี้ด้วย
“จวนอากาศธาตุ ไอ้เด็กที่โชคดี”
อาจารย์เซินถูของคณะกำแหงหัวเราะออกมา เขาจำลู่ฝานที่ออกมาจากประตูได้
สำหรับนักเรียนที่เขาชื่นชอบเป็นอย่างมาก เซินถูให้ความสนใจมาตลอด แม้ลู่ฝานเข้าคณะหนึ่งเดียว แต่เซินถูคิดมาตลอดว่าลู่ฝานต้องรู้ ไม่ช้าก็เร็ว อันที่จริงนักเรียนที่มีร่างกายแข็งแกร่งอย่างเขา เหมาะฝึกฝนกับคณะกำแหงมากกว่า
อาจารย์คนอื่นก็มีรอยยิ้ม มองไปยังลู่ฝาน โดยเฉพาะท่านผอ.เทียนหยาจื่อ หัวเราะอย่างมีความสุข
สำหรับเขาแล้ว นักเรียนทุกคนที่นี่ ล้วนเป็นศิษย์ของเขา เห็นลูกศิษย์ได้รับโอกาส แน่นอนว่าเขามีความสุขมาก
ลู่ฝานเพิ่งเดินออกจากประตู มีอีกคนถูกดีดออกมาจากประตูอากาศ จากนั้นประตูกลายเป็นแสงสีดำ เข้าไปในเข็มขัดของลู่ฝาน
คนนั้นกระแทกลงกับพื้น อันที่จริงเขาคือจ้าวซวี่ ที่ไม่ได้เจอหลายเดือน
รูปร่างซูบผอม เสื้อผ้าบนตัวใกล้เป็นเศษผ้าแล้ว
จ้าวซวี่ดูไม่ได้ยิ่งกว่าขอทาน ผอมจนหนังหุ้มกระดูก
หานเฟิงตกใจเล็กน้อย มองอยู่นานกว่าจะจำได้ คนนี้คือผู้ฝึกชี่ปัญญาอ่อน ที่ขัดแย้งกับพวกเขาหน้าประตูคุ้มครอง
เพราะเรื่องของลู่ฝาน ทำให้พวกเขาเกือบลืมว่ายังมีคนนี้ อยู่ในจวนอากาศธาตุ
“ให้ตายเถอะ เขารอดได้ยังไง”
หานเฟิงพูดอย่างตกใจ
ฉู่สิงกับฉู่เทียน สีหน้าตกใจเช่นกัน
ลู่ฝานมองจ้าวซวี่แวบหนึ่ง เขาได้กลิ่นศพบางๆ จากตัวจ้าวซวี่
อย่าบอกนะว่าไอ้หมอนี่ กินศพเพื่อเอาชีวิตรอด
ลู่ฝานคิดว่าการคาดเดาของตัวเอง มีโอกาสเป็นไปได้ ไม่งั้นถึงจ้าวซวี่เป็นผู้ฝึกชี่ สามารถใช้พลังฟ้าดินหล่อเลี้ยงร่างกาย แต่ไม่สามารถอยู่ในสภาวะขาดน้ำขาดอาหารได้ 2-3 เดือนหรอก
จ้าวซวี่หมอบอยู่บนพื้น ไม่สามารถลุกยืนได้ แต่ดวงตาแดงก่ำ จ้องมายังพวกลู่ฝาน
ครูคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา หลังมองหน้าจ้าวซวี่อย่างละเอียด ครูคนนี้ตะโกนออกมาว่า “จ้าวซวี่ ผู้ฝึกชี่จ้าวซวี่ ทำไมนายถึงเป็นแบบนี้”
ครูรีบกวักมือเรียกนักเรียน 2-3 คน เข้ามาแบกจ้าวซวี่
ครูหันไปมองลู่ฝาน “นักเรียนลู่ฝาน เรื่องของจ้าวซวี่ อีกสองวันจะมีคนไปสอบถามนาย นายต้องตอบตามความจริง”
ลู่ฝานพยักหน้าเบาๆ จากนั้นนั่งลงข้างอาจารย์เต้ากวง ท่ามกลางเสียงเชียร์ของหานเฟิงและคนอื่น
หานเฟิงหัวเราะแล้วพูดว่า “ศิษย์น้องลู่ฝานออกมาสักที อืม ดูเก่งขึ้นนะ ต่อไปนายปกป้องฉันด้วย ศิษย์พี่จะอยู่กับนาย”
ฉู่สิงกับฉู่เทียนตบไหล่ลู่ฝานเบาๆ ศิษย์พี่ใหญ่อมยิ้ม ไม่พูดอะไร เอากระบี่หนักของลู่ฝานออกมา
“เก็บกระบี่นายไว้ให้ดี อย่าให้หายอีก!”
ลู่ฝานรับกระบี่มาอย่างตกใจ เขาคิดไม่ถึงว่าศิษย์พี่ใหญ่จะช่วยเขาเอากระบี่คืนมา อีกทั้งกระบี่หนักไม่คมของเขา ยังดูเก่งกาจขึ้นด้วย น้ำหนักดูพอดีมือขึ้น
“ขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่มากครับ”
“ไม่ต้องขอบคุณฉัน ขอบคุณเอี๋ยนชิงเถอะ”
ศิษย์พี่ใหญ่ลูบท้อง ยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น
ลู่ฝานอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นเหมือนเข้าใจบางอย่าง แล้วหัวเราะออกมา
เต้ากวงมองลู่ฝานอย่างประเมิน แล้วพูดเบาๆ ว่า “ฉันสัมผัสได้ถึงพลังนุภาพไม่เลวจากตัวนาย”
ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “ได้รับความรู้มาแล้ว ขอบคุณอาจารย์เต้ากวงมากครับ”
เต้ากวงโบกมือไปมา “เป็นหน้าที่ฉัน ใครใช้ให้ติดหนี้นายล่ะ โอเค พวกนายเตรียมตัวขึ้นเวที เอาป้ายกลับมาให้ฉัน ครั้งนี้คณะหนึ่งเดียวของเรา ต้องได้อันดับที่ดี”
ลู่ฝานหันไปมองบนหอคอย ตอนนี้นักเรียนคณะอื่น พากันขึ้นไปด้านบน
“คณะกำแหงไร้เทียมทาน”
“กวาดล้างทั้งหมด กลืนกินแม่น้ำภูเขา!”
“ใครจะสู้เราได้”
เมื่อเสียงเชียร์ของนักเรียนคณะกำแหงดังขึ้น นักเรียนยอดฝีมือของคณะกำแหง ที่มีร่างกายแข็งแกร่งสุดในเก้าคณะ ขึ้นไปบนเวทีตามลำดับ
ผู้ชายร่างกายกำยำ กล้ามเนื้อชัดเจนห้าคน โดยเฉพาะคนตรงกลาง สูงประมาณหนึ่งฟุต ดูเหมือนสัตว์ป่า หนวดเคราเต็มหน้า ผมเผ้ายุ่งเหยิง กล้ามเนื้อบนตัวเหมือนทาน้ำมัน ส่องประกายภายใต้แสงอาทิตย์
อาจารย์เต้ากวงยิ้มแล้วพูดว่า “ศิษย์น้องลู่ฝาน นั่นเป็นนักเรียนที่แข็งแกร่งสุดในคณะกำแหง พญาสิงห์เฉียวเซวียน เขาฝึกวิชาราชันมังกร แดนผลการฝึกตน น่าจะประมาณแดนปราณนอกขั้นสี่ถึงขั้นห้า ปะทะกับเขาต้องระวัง”
ลู่ฝานอมยิ้ม ไม่พูดอะไร
เห็นลู่ฝานไม่สนใจผลการฝึกตนของเฉียวเซวียน ดวงตาอาจารย์เต้ากวงฉายแววประหลาด อย่าบอกนะว่าตอนนี้ พละกำลังของลู่ฝาน ไม่เกรงกลัวนักเรียนแดนปราณนอกขั้นสี่ถึงขั้นห้าแล้ว
ลู่ฝานกวาดตามองคนอื่น ทันใดนั้นเขาพบว่า นักเรียนอีกสามคนของคณะกำแหง เขาเคยเจอหน้ามาแล้วครั้งหนึ่ง
เสือดำจ้าวคั่วที่แพ้เขา ก็อยู่ในนั้นด้วย
จ้าวคั่วสายตานิ่ง เห็นได้ชัดว่าเขาสงบมาก 2-3 เดือนก่อนหน้านี้ ลู่ฝานซัดเขาไม่เบาเลย ตอนนี้เขามายืนอยู่ตรงนี้ได้อย่างสมบูรณ์ อาการบาดเจ็บน่าจะหายดีแล้ว ศิษย์คณะกำแหงที่ฝึกกลั่นร่างเป็นหลัก มีความสามารถในการฟื้นฟูร่างกาย แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปจริงๆ