เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 235
บทที่ 235
ฉู่สิงยืนอยู่ที่เดิม ปล่อยปราณกระบี่ออกมาอย่างผ่อนคลาย
ปราณกระบี่ดุดันเหมือนพายุฝน ร่วงลงบนตัวจิ่วซาง
หลังปราณกระบี่สามสิบหกสายผ่านไป จิ่วซางนอนอยู่บนพื้น เหมือนกระสอบขาด
ตัวเต็มไปด้วยบาดแผล พื้นหินใต้ร่างกาย ที่เดิมโดนระเบิดจนเป็นหลุม ตอนนี้โดนปราณกระบี่เฉือนจนเรียบเหมือนกระจก
บนพื้นหินเป็นค่ายกลแปดทิศธรรมดาๆ นี่เป็นผลที่ฉู่สิงยังออมมือ ถ้าฉู่สิงใช้ปราณกระบี่แปดสิบเอ็ดสายออกมา จิ่วซางต้องตายศพไม่สวยแน่นอน
นักเรียนคณะหยินหยางเงียบเหมือนตาย พูดอะไรไม่ออกแล้ว
แพ้ราบคาบ เหมือนรังแกเด็กอย่างไรอย่างนั้น
ศิษย์พี่จิ่วซางที่อยู่อันดับต้นๆ ในคณะหยินหยางมาโดยตลอด กลับแพ้ในสภาพนี้ ดูไม่ได้ยิ่งกว่ารอบที่แล้วเสียอีก
เพราะรอบที่แล้ว ทุกคนดูออกว่า หานเฟิงใช้กระบวนท่าอันแข็งแกร่งทันที
แต่รอบนี้ ฉู่สิงเหมือนกำลังเล่น ปล่อยปราณกระบี่ออกมาตามใจชอบ ศิษย์พี่จิ่วซางก็แพ้แล้ว
ศิษย์คณะหยินหยางจำนวนไม่น้อย สีหน้าซีดเผือด คำพูดที่พวกเขาตะโกนเมื่อครู่ เหมือนฝ่ามือตบหน้าพวกเขาไม่หยุด ทำให้สีหน้าพวกเขาบูดเบี้ยว
ทำไมถึงเป็นแบบนี้
นี่เป็นความคิดในใจของนักเรียนคณะหยินหยาง
แม้แต่นักเรียนยอดฝีมือของคณะต่างๆ เช่น เอี๋ยนชิง ฮ่วนเย่ว์ เสวียนเฟิงและเฉียวเซวียนก็ยังมองคณะหนึ่งเดียว ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
ไอ้คนที่นับว่าไม่เลวหนึ่งคน พวกเขาคิดว่ายังไม่เป็นไร แต่สองคน เริ่มมีปัญหาแล้ว
ถ้าศิษย์ทั้งห้าคนของคณะหนึ่งเดียว ล้วนมีความสามารถระดับนี้ งั้นฐานะของพวกเขา ต้องสั่นคลอนอย่างรุนแรง
การต่อสู้จัดอันดับของสถาบันในปีนี้ อาจเกิดอะไรแผลงๆ ขึ้นก็ได้
ฉู่สิงแบกกระบี่เดินลงจากหอคอย พร้อมรอยยิ้มบางๆ ตอนกำลังจะไป เขาพยักหน้าให้ลู่ฝาน เพื่อบอกว่าที่เหลือฝากนายด้วย
หานเฟิงตะโกนเรียกลู่ฝานที่อยู่บนหอคอย “ศิษย์น้องลู่ฝาน รอบสุดท้ายไม่ต้องไว้หน้าพวกเขา รีบจัดการให้จบ เรากลับไปยังมีเรื่องต้องทำ”
ลู่ฝานพยักหน้านิ่งๆ แล้วเดินออกมาช้าๆ
ตอนนี้อี้ว์หวา เถียนปู้ชิง มองไปยังเหลิ่งหาน ในบรรดาคนที่เหลืออยู่สามคน มีเพียงเหลิ่งหานที่แข็งแกร่งที่สุด
เหลิ่งหานกัดฟันเดินออกมา แม้เขาจะกลัวเล็กน้อย แต่เกี่ยวข้องกับหน้าตาของคณะหยินหยาง เขาจำเป็นต้องออกมา
“ทำไมเหลิ่งหานดูร้อนรนจัง ท่าทางไม่มั่นคงเลย!”
อาจารย์เซินถูมองความผิดปกติของเหลิ่งหานออกเพียงแวบเดียว
อี้ชิงยิ้มแล้วพูดว่า “ก็นักเรียนของคณะหยินหยาง พอเข้าใจได้อยู่”
ซิงยวนเหลือบมองอย่างน่ากลัว แล้วกำหมัดแน่น
อี้ชิงหัวเราะอย่างมีความสุข เขาต้องการกดคณะหยินหยางให้ต่ำลง จู่ๆ อาจารย์อี้ชิงตะโกนใส่ลู่ฝาน “ลู่ฝาน ทำไมนายไม่เอากระบี่ออกมา รีบจัดการให้จบๆ”
ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “อาจารย์ ไม่จำเป็นต้องใช้กระบี่หรอก”
ลู่ฝานยกยิ้มมุมปาก เห็นได้ชัดว่ามีแผนในใจ
อี้ชิงเห็นท่าทางลู่ฝานมั่นใจมาก จึงไม่พูดอะไรมาก
นักเรียนคณะหยินหยางด้านล่างได้ยิน ก็ไม่พอใจ อะไรคือรีบจัดการให้จบๆ!
มีเสียงดังขึ้น นักเรียนสองคนตะโกนออกมา
“ศิษย์พี่เหลิ่งหานสู้ๆ พี่เป็นผู้แข็งแกร่งในรายชื่อบู๊เชียวนะ”
“ใช่ ศิษย์พี่เหลิ่งหานไม่มีทางแพ้”
เมื่อทั้งสองตะโกนจบ จู่ๆ พบว่าไม่ค่อยมีใครตะโกนตามพวกเขา
นักเรียนเก่าคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ ดึงเสื้อเขาแล้วพูดว่า “ไม่ต้องตะโกนแล้ว พวกนายไม่รู้เหรอ ลู่ฝานก็เป็นผู้แข็งแกร่งในรายชื่อบู๊เหมือนกัน”
นักเรียนพูดอย่างตกใจ “อะไรนะ เขาอยู่ในรายชื่อบู๊ตั้งแต่เมื่อไร”
นักเรียนเก่าถอนหายใจออกมา “ไม่กี่เดือนก่อน เขาเอาชนะจ้าวคั่วของคณะกำแหงต่อหน้าทุกคน”
อีกฝั่งหนึ่ง เฉียวเซวียนแอบแซะจ้าวคั่วว่า “เสือดำ ได้ยินว่านายแพ้เด็กที่ชื่อลู่ฝานนี่เหรอ”
จ้าวคั่วสีหน้าอึมครึม “ใช่แล้วจะทำไม”
เฉียวเซวียนตาเป็นประกาย “เปล่า ดูเหมือนคณะหนึ่งเดียวน่าสนใจขึ้นมานิดหน่อยแล้วล่ะ”
บนหอคอย เหลิ่งหานปล่อยพลังปราณตัวเองออกมา
ยังอยู่แค่ระดับนี้ ผ่านไปสองสามเดือนแล้ว เขาไม่ยกระดับขึ้นสักนิด
ลู่ฝานขมวดคิ้ว เขานึกว่าเหลิ่งหานจะทำให้เขาตกใจเสียอีก คิดดูดีๆ แล้ว ช่วงนี้เหลิ่งหานคงกำลังรักษาอาการบาดเจ็บสินะ
ลู่ฝานส่ายหน้า ในเมื่อเหลิ่งหานไม่สามารถทำให้เขาตกใจได้ เขาก็ไม่อยากลงมือเลย
ลู่ฝานเอาสองมือไพล่หลัง มองเฉียวเซวียนอย่างราบเรียบ
เมื่อทำเช่นนี้ สีหน้าซิงยวนอึมครึมทันที เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “เด็กอวดดีเหลือเกิน”
อาจารย์อี้ชิงยิ้มแล้วพูดว่า “อวดดีหรือเปล่า นายดูก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ จะพูดเยอะแยะไปทำไม”
เหลิ่งหานยกกระบี่ เตรียมพุ่งเข้าไปหาลู่ฝาน เพิ่งก้าวได้แค่ก้าวเดียว พลานุภาพอันน่ากลัว พุ่งเข้ามาหาเขา
เหมือนภูเขา เหมือนทะเลบ้าคลั่ง เหมือนฟ้าถล่ม
เหลิ่งหานโดนกดจนหมอบลงบนพื้น พลานุภาพอันน่ากลัว พร้อมกับแรงมหาศาล แม้แต่นิ้วก็ไม่สามารถกระดิกได้
พลังปราณบนตัวโดนทำลายเหมือนภาพลวงตา ตัวยุบลงไปในพื้นหินหนึ่งเมตร
ทุกคนตกใจ เพราะคนข้างๆ ไม่สัมผัสถึงพลานุภาพอะไรเลย
ลู่ฝานยืนอยู่ที่เดิม นิ่งสงบดั่งสายน้ำ
ทันใดนั้นทุกคนสีหน้าเปลี่ยนไป รวมถึงพวกอาจารย์ด้วย