เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 266
จ้าวซวี่พยักหน้า แล้วพูดว่า “หลังจากนั้นค่ายกลแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เราไม่สามารถต้านทานได้แล้ว อาจารย์โดนค่ายกลดูดเข้าไปในประตูคุ้มครอง ศิษย์พี่ศิษย์น้องของผมก็เละเทะ ในช่วงเวลาคับขัน ลู่ฝานลงมือกับพวกเรา เขาแย่งหม้อสือฟางที่อาจารย์ให้ผม อีกทั้งยังฆ่าศิษย์พี่ศิษย์น้องของผม ผมก็เกือบโดนเขาฆ่าตาย ฝืนอยู่ในจวนอากาศธาตุ นานประมาณสองเดือน จึงรักษาอาการบาดเจ็บจนหาย แล้วออกมาได้ ตอนนี้ไม่รู้ว่าอาจารย์ของผมเป็นหรือตาย อาจโดนวิธีสกปรกของพวกเขาเหมือนกัน”
ฉู่สิงทนฟังไม่ไหวแล้ว กัดฟันดึงกระบี่ออกมา
“พวกพูดจามั่วซั่ว”
หานเฟิงลุกขึ้นมาด่า
“ทำไมนายพูดบิดเบือนความจริงขนาดนี้ ฉันจะฟันนายให้ตาย!”
อาจารย์อี้ชิงสะบัดมือปล่อยพลังปราณออกมา ล็อกตัวหานเฟิงกับฉู่สิงไว้ที่เดิม
กรงคุกพลังปราณ!
การเคลื่อนไหวของหานเฟิงกับฉู่สิง ชะงักลงทันที ไม่สามารถกระดิกได้แม้แต่นิ้ว
ท่านผอ.มองลู่ฝานแล้วพูดว่า “ลู่ฝาน นายมีอะไรจะพูดไหม”
ลู่ฝานลุกขึ้นยืน พูดอย่างสุขุม “สิ่งที่จ้าวซวี่พูด มีคำโกหกมากกว่าความจริง ศิษย์พี่ศิษย์น้องของเขา ตายเพราะถูกเฒ่าประหลาดอาจารย์ของพวกเขาทอดทิ้ง จึงโดนค่ายกลฆ่าตาย ไม่เกี่ยวข้องกับผมและพวกศิษย์พี่สักนิด ส่วนเฒ่าประหลาดอาจารย์ของเขา ตายอยู่ในจวนอากาศธาตุแล้ว ฆาตกรไม่ใช่ใครที่ไหน คือเอี๋ยนชิงคณะหยินหยาง!”
อาจารย์ซิงยวนได้ยิน ถึงกับหัวเราะพรืดออกมา “เอี๋ยนชิงเหรอ ลู่ฝาน นายหาคนมารับผิด คิดไม่ถึงว่าจะโทษคณะหยินหยางของฉัน เอี๋ยนชิงจะเข้าไปในจวนอากาศธาตุได้ยังไง จะฆ่าเฟิงหลิงเฒ่าประหลาดได้ไง นายคงไม่รู้สินะ เฟิงหลิงเฒ่าประหลาดเป็นเพื่อนกับคณะหยินหยาง”
ลู่ฝานพูดอย่างราบเรียบว่า “เรื่องจริงเป็นแบบนี้ ส่วนคนอื่นจะเชื่อหรือไม่ ไม่เกี่ยวกับผมแล้ว เรื่องทั้งหมด ศิษย์พี่ทั้งสามคนของผมเป็นพยานได้”
จ้าวซวี่พูดอย่างดุดันว่า “ศิษย์พี่ทั้งสามของนายจะเป็นพยานอะไรได้”
ท่านผอ.หันไปมองจ้าวซวี่ “เอ๊ะ ฟังจากที่นายพูด นายยังมีหลักฐานเหรอ”
จ้าวซวี่พูดเสียงดังว่า “มีหลักฐานอยู่แล้วครับ หม้อสือฟางที่อาจารย์ผมใช้เปิดจวนอากาศธาตุ โดนพวกเขาเอาไปแล้ว ตอนนี้ต้องอยู่กับพวกเขาแน่นอน”
ลู่ฝานขมวดคิ้ว ที่แท้มาเพราะหม้อสือฟางนี่เอง
แต่ตอนนี้หม้อสือฟางยอมรับเขาเป็นเจ้าของ ตามจวนอากาศธาตุแล้ว ถ้าเอาออกมาแล้วพวกเขาเห็นรอยประทับของเขาด้านบน เรื่องจะวุ่น เพราะนักบู๊จะทิ้งรอยประทับของผู้ฝึกชี่ ไว้บนเครื่องรางของตัวเองได้ยังไง
ท่านผอ.หันมามองลู่ฝาน “ลู่ฝาน เขาพูดจริงหรือเปล่า นายมีหม้อสือฟางจริงเหรอ นายฆ่าคนจริงเหรอ”
ลู่ฝานพูดว่า “หม้ออยู่กับผม แต่ผมไม่ได้ฆ่าคน หม้อสือฟางเป็นสิ่งที่เซียนสือฟางทิ้งไว้ หลังเซียนสือฟางตายไป จึงเป็นสิ่งที่ไม่มีเจ้าของ ผู้มีวาสนา ถึงจะครอบครองสมบัติล้ำค่าได้”
ท่านผอ.ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “นายเป็นนักบู๊ เอาเครื่องรางของผู้ฝึกชี่ไปทำไม หรือบนหม้อสือฟาง มีหลักฐานในการฆ่าคนของนาย”
อาจารย์อี้ชิงพูดว่า “ผมใช้ชื่อเสียงคณะหนึ่งเดียวเป็นประกัน ลู่ฝานไม่ฆ่าคนอย่างไร้เหตุผล”
แม้หานเฟิงโดนล็อกไว้กับที่ แต่พยายามฝืนพูดว่า “ศิษย์น้องลู่ฝานไม่ได้ฆ่าคน ผมให้ฟ้าดินเป็นพยาน ให้ตายเถอะ ไอ้จ้าวซวี่ นายใส่ร้ายพวกเรา กล้าสู้กับฉันไหมล่ะ”
อาจารย์ซิงยวนพูดว่า “รับประกัน สาบาน สิ่งเหล่านี้มีประโยชน์อะไร ลู่ฝาน เอาหม้อสือฟางออกมาก่อนเถอะ”
ลู่ฝานยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
ตอนนี้ท่านผอ.เทียนหยาจื่อลุกขึ้นยืน สองมือไพล่หลัง ถามลู่ฝานด้วยท่าทางเหนือกว่า “ลู่ฝาน ฉันขอถามอีกรอบ นายฆ่าคนหรือเปล่า”
ลู่ฝานพูดอย่างราบเรียบ “เปล่า”
จ้าวซวี่พูดขึ้นมาข้างๆ “เขาไม่กล้ายอมรับหรอก ศิษย์พี่ศิษย์น้องผม เป็นผู้ฝึกชี่ที่โดดเด่น อาจารย์ผมมีความดีความชอบต่อสถาบันสอนวิชาบู๊เป็นอย่างมาก”
จ้าวซวี่กำลังพูดยั่วโมโหลู่ฝาน ถือโอกาสบอกท่านผอ.ด้วยว่าศิษย์พี่ศิษย์น้อง และอาจารย์ของตัวเอง มีความดีความชอบต่อสถาบันสอนวิชาบู๊ จะปล่อยปละละเลยเรื่องนี้ไม่ได้
เขาไม่เพียงแต่จะให้ลู่ฝานเอาหม้อสือฟางออกมา ยังต้องการให้คณะหนึ่งเดียวเสื่อมเสียชื่อเสียงอีกด้วย นี่เป็นเรื่องที่เขานัดกับซิงยวนเอาไว้แล้ว
พูดตามตรง ถ้าซิงยวนไม่มาหาเขาเมื่อสองวันก่อน เขาคงคิดความคิดดีๆ แบบไม่ได้
ลู่ฝานแอบกัดฟัน สถานการณ์ไม่ค่อยดีแล้ว
ขณะนั้นเสียงเจดีย์เสวียนเก้ามังกรดังขึ้น
“เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ ให้ช่วยไหม”