เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 278
บทที่ 278
อาจารย์อู๋โฉวยิ้มออกมา รอยยิ้มราวกับดอกกล้วยไม้เบ่งบาน
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเราแข่งดนตรีบทเพลงกันไหม”
จู่ๆ สีหน้าอาจารย์อี้ชิงชะงักไป ลู่ฝานและคนอื่นมีสีหน้าตกใจ
คงไม่ได้ให้พวกเขาแข่งดนตรีบทเพลงกับพวกผู้หญิงหรอกใช่ไหม
หานเฟิงหดคอพูดเสียงเบาว่า “ตีฉันให้ตาย ฉันก็ไม่แข่ง ใครจะแข่งก็แข่ง”
ศิษย์พี่ฉู่สิง ศิษย์พี่ฉู่เทียนและศิษย์พี่ใหญ่กลอกตามองบน
ลู่ฝานก็มีสีหน้าประหลาด ถ้าแข่งเรื่องนี้ คณะหนึ่งเดียวคงยอมแพ้ได้ทันที
อาจารย์เต้ากวงหัวเราะเบาๆ อยู่ข้างๆ “อู๋โฉว พวกเธอแข่งเรื่องนี้ งั้นเราคงต้องกลับคณะแล้วล่ะ รวมคณะอื่นในสถาบันสอนวิชาบู๊ ก็ยังสู้คณะสงบใจของพวกเธอไม่ได้เลย”
อู๋โฉวยิ้ม มองอาจารย์อี้ชิงแล้วพูดว่า “อี้ชิง นายบอกว่าแข่งอะไรก็ได้ไม่ใช่เหรอ”
อาจารย์อี้ชิงยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน
อาจารย์อู๋โฉวพูดว่า “ฉันพูดเล่น เอาตามกฎเดิมดีกว่า ชนะ 3 ใน 5”
อี้ชิงยิ้มแล้วพยักหน้า อาจารย์อู๋โฉวปรบมือ นักเรียนด้านล่างรีบยกกระจกทองเหลืองขนาดใหญ่สี่บาน มาวางไว้รอบๆ
กระจกทรงกลมสะท้อนไปทั่วโถงใหญ่
“กระจกจำภาพเหรอ”
ลู่ฝานพูดอย่างตกใจเล็กน้อย อาจารย์อู๋โฉวยิ้มแล้วพูดว่า “คิดไม่ถึงว่าในคณะหนึ่งเดียว มีคนรู้จักเครื่องรางของผู้ฝึกชี่ด้วย นายชื่อลู่ฝานใช่ไหม”
ลู่ฝานพูดอย่างนอบน้อมว่า “ใช่ครับอาจารย์อู๋โฉว”
อาจารย์อู๋โฉวยิ้มแล้วพูดว่า “บุคคลที่มีความสามารถ ผลการฝึกตนก็ไม่เลว นายมีโอกาสสูงที่จะหาคู่ทุกข์คู่ยากได้จากคณะสงบใจของเรา พยายามต่อไปนะ”
พูดพลางอาจารย์อู๋โฉวมองหลิงเหยาอย่างมีเลศนัย
ทันใดนั้นหน้าของหลิงเหยา แดงเหมือนเปลวไฟเผา
นักเรียนหญิงคณะสงบใจจำนวนไม่น้อย พากันหัวเราะขึ้นมา ถึงขั้นที่ลู่ฝานเห็นนักเรียนหญิงส่วนหนึ่ง มองเขาด้วยสายตารักใคร่
ขนาดลู่ฝานเองก็ไม่รู้ ตอนนี้ชื่อเสียงของเขาดังไปทั่วสถาบันสอนวิชาบู๊ นักเรียนหญิงที่สนใจเขามีไม่น้อย นักเรียนหญิงจำนวนไม่น้อยมาดูเขาที่นี่
โดยเฉพาะตอนนี้ เห็นลู่ฝานหน้าตาไม่แย่ ใบหน้าแข็งแกร่งเด็ดขาด ส่วนประกอบบนใบหน้าโดดเด่น ดูมีความห้าวหาญ
นักเรียนหญิงจำนวนมากหวั่นไหวทันที จินตนาการได้เลยว่าเมื่อพวกเขาแข่งเสร็จ จะมีนักเรียนหญิงแอบส่งจดหมายรักให้ลู่ฝานมากมายแค่ไหน
หานเฟิงที่อยู่ข้างๆ ถามเบาๆ ว่า “ศิษย์น้องลู่ฝาน กระจกจำภาพคืออะไรเหรอ”
ศิษย์พี่ฉู่เทียน ศิษย์พี่ฉู่สิงและศิษย์พี่ใหญ่ที่อยู่ข้างๆ เงี่ยหูฟัง พวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคืออะไร
ลู่ฝานอธิบายว่า “เป็นเครื่องรางชนิดหนึ่งของผู้ฝึกชี่ สามารถบันทึกภาพการต่อสู้เอาไว้ได้ และสามารถปล่อยออกไปได้ แค่มีกระจกจำภาพขนาดใหญ่วางไว้ด้านนอกอีกหนึ่งบาน ภาพการแข่งขันของเราที่นี่ คนนอกสามารถเห็นได้บนกระจกจำภาพ”
หานเฟิงและคนอื่นพยักหน้าเข้าใจ ดูเหมือนสิ่งนี้ใช้การได้จริง
อย่างที่ลู่ฝานพูด ตอนนี้ในคณะสงบใจ มีกระจกจำภาพวางไว้สิบกว่าบาน เพื่อให้นักเรียนในคณะดู
เพราะนักเรียนที่มานั่งในโถงใหญ่ได้ มีจำนวนน้อย ส่วนมากรวมตัวกันอยู่ที่ลานประลองของคณะสงบใจ
พูดขึ้นมา ลานประลองคณะสงบใจ คงเป็นสิ่งก่อสร้างที่ไร้ประโยชน์ที่สุดในสถาบันสอนวิชาบู๊
ปกตินักเรียนคณะสงบใจอยู่กันอย่างสันติ ต่อสู้กันน้อยมาก ถึงมีก็จัดการกันส่วนตัว ไม่เหมือนนักเรียนคณะอื่น ไม่ทันไรก็ไปพนันกันที่ลานประลอง ถึงขนาดที่ว่างๆ ก็ไปสู้กันเล่นๆ
ดังนั้นตอนนี้ลานประลอง มีประโยชน์ให้ทุกคนดูการแข่งขันด้วยกัน