เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 29
ได้ผลเพลิงมาแล้ว ลู่ฝานพิงเก้าอี้อย่างพอใจ ยิ้มจนปากจะฉีก
แต่ไม่มีใครเห็นอารมณ์แท้จริงของเขา ผ่านทางหน้ากากได้ เห็นเพียงเขานั่งอย่างสงบอยู่ตรงนั้น ราวกับทุกอย่างไม่เกี่ยวอะไรกับเขา
เสิ่นอวิ๋นบอกให้คนเอาสินค้าประมูลชิ้นสุดท้ายขึ้นมา เมื่อผงทะลวงกาย 20 กว่าขวด ถูกเข็นออกมา ความคึกคักของทุกคนเริ่มขึ้นทันที ตระกูลที่มาวันนี้ 90 เปอร์เซ็นต์มาเพราะสิ่งนี้
เสิ่นอวิ๋นชี้ผงทะลวงกาย แล้วพูดว่า “ฉันคิดว่าคงไม่ต้องแนะนำอะไรมาก ทุกคนรู้กันอย่างดีแล้ว ผงทะลวงกาย ประมูลเป็นชุด หนึ่งชุดมี 3 ขวด ประสิทธิภาพแตกต่างกัน ทั้งหมดแบ่งเป็น 8 ชุด ตอนนี้ประมูลชุดแรก ราคาต่ำสุด 1500 เหรียญทอง”
ลู่ฝานอึ้งไปก่อน จากนั้นเกือบหัวเราะออกมา
ขายเป็นชุด แถมประสิทธิภาพแตกต่างกัน วิธีการของงานประมูลช่างฉลาดจริงๆ อันที่จริงผงทะลวงกายของลู่ฝานล็อตนี้ มีทั้งดีและไม่ดี มีสองสามขวดเป็นผลงานเริ่มแรกสุดของเขา มีประสิทธิภาพเล็กน้อย เขายังกลัวว่าจะขายไม่ออกอยู่เลย
แต่งานประมูลจัดการแบบนี้ เป็นการบังคับให้ขายทั้งดีและไม่ดีออกไปพร้อมกัน 1500 เหรียญทอง ยังเป็นแค่ราคาขั้นต่ำ ลู่ฝานส่ายหน้า ถอนหายใจเบาๆ
“2000 เหรียญทอง”
โม่หลินชิงพูดออกมาก่อน ราคาสูงขึ้น 500 ทันที
แต่ราคานี้ ทำให้คนอื่นตกใจไม่ได้ จางเหยียน ผู้นำตระกูลจางพูดว่า “2500 เหรียญทอง”
เพิ่มขึ้นอีก 500 ราวกับว่าซื้อสิ่งนี้ ให้ราคาครั้งละ 100 เหรียญทอง เป็นเรื่องที่น่าอับอาย
โม่หลินมองจางเหยียน พูดโดยไม่หันหน้ามองว่า “3000 เหรียญทอง”
ราคานี้ ไม่ได้ทำให้จางเหยียนกังวลใจ แม้ตระกูลจางเทียบไม่ได้กับตระกูลโม่และตระกูลลู่ แต่ก็ร่ำรวยเหมือนกัน
“3500 เหรียญทอง”
เหมือนจางเหยียนจะไม่ไว้หน้าโม่หลิน เพิ่มราคาโดยไม่รีรอ
โม่หลินลังเลเล็กน้อย ราคานี้ สำหรับผงทะลวงกาย ค่อนข้างสูง ถ้าเพิ่มราคาอีก ต้องขาดทุน
แต่เขาคิดเช่นนี้ ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะคิดเช่นนี้เหมือนกัน โม่หลินชะงักไปเล็กน้อย ลู่หาวรีบพูดว่า
“4500 เหรียญทอง”
เพิ่มราคาครั้งละ 1000 ความกล้าหาญเด็ดขาดนี้ ทำให้จางเหยียนขมวดคิ้ว
การประมูลเปรียบเทียบอำนาจบารมีกัน ให้ความรู้สึกประมาณว่า “ฉันต้องได้” อะไรทำนองนั้น
จางเหยียนคิดเล็กน้อย เหมือนว่าลูกสาวตัวเอง จะมีความสัมพันธ์อันดีกับลู่หมิงของตระกูลลู่ ตอนนี้ไม่มีความจำเป็นต้องล่วงเกินครอบครัวในอนาคต
ดังนั้น จางเหยียนยิ้มบางๆ ให้ลู่หาว และไม่เรียกราคาอีก
โม่หลินอยากเรียกราคาอีก แต่คิดดูดีๆ แล้ว เห็นท่าทีแน่วแน่ของลู่หาว โม่หลินจึงไม่พูดอะไร
เสิ่นอวิ๋นยังคงพูดว่า “ยังมีใครให้ราคาอีกไหมคะ 4500 เหรียญทอง ยังมีใครให้เพิ่มไหมคะ”
ตะโกนอยู่สองสามครั้ง ไม่มีใครตอบ สุดท้าย ลู่หาวชิงชุดแรกมาได้ในราคา 4500 เหรียญทอง
ลู่ฝานไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ถ้าต่อไปพ่อรู้ว่า ของที่ใช้เงินจำนวนมากซื้อมา เป็นผลงานที่ลู่ฝานฝึกฝีมือ คงจะจิตใจหดหู่ กินข้าวไม่ลงไปสองสามวัน
แต่ตอนนี้เหมือนพ่อดูมีความสุขมาก รอยยิ้มเต็มใบหน้า
ต่อไปเป็นการประมูลชุดที่สอง ครั้งนี้ราคาพุ่งไป 3500 เหรียญทองในพริบตา สุดท้ายขายออกไปในราคา 4500 เหรียญทองเหมือนกัน ราวกับว่านี่เป็นการตั้งราคาของผงทะลวงกาย 1 ชุด
ผงทะลวงกายขายออกไปอย่างต่อเนื่อง เมื่อมาถึง 3 ชุดสุดท้าย ราคาสูงขึ้นเล็กน้อย พุ่งไปที่ 4800 เหรียญทอง
2 ชุดสุดท้าย ขายออกไปในราคาสูงถึง 5000 เหรียญทอง
ลู่ฝานเห็นราคานี้ แอบตกใจเบาๆ โดยเฉพาะคนที่ซื้อสองชุดสุดท้าย เป็นสองตระกูลเล็กๆ ที่ไม่มีชื่อเสียง คนรวยในเมืองเจียงหลินไม่น้อยเลยจริงๆ!
8 ชุด ตระกูลโม่ได้ 3 ชุด ตระกูลลู่ได้ 2 ชุด ตระกูลจางได้ 1 ชุด
คำนวณดูแล้ว ครั้งนี้ลู่ฝานได้อย่างน้อย 5-6 หมื่นเหรียญทอง
รวยอย่างฉับพลันภายในคืนเดียว รู้สึกไม่เลวจริงๆ ตั้งแต่นี้ไป เขาคงไม่ขาดแคลนเงินแล้ว
งานประมูลจบลงอย่างสมบูรณ์แบบ ผลเพลิงที่ลู่ฝานซื้อมาพร้อมกันการ์ดเหรียญเงิน เสิ่นอวิ๋นเป็นคนเอามาให้ด้วยตัวเอง
“คุณผู้ชาย นี่เป็นการ์ดเหรียญเงินของคุณ หักค่าธรรมเนียมงานประมูลเรียบร้อยแล้ว”
การ์ดเหรียญทองสีม่วงเหลือบทอง ไฮโซหรูหรา ด้านหลังเขียนไว้ว่าปราณบู๊แปดทิศ
ลู่ฝานรับการ์ดมา หยดเลือดลงไปหนึ่งหยด นับแต่นี้เป็นต้นไป การ์ดใบนี้เป็นของเขาเพียงผู้เดียว ลู่ฝานถือไว้ในมือ เห็นตัวเลขสีเลือดในการ์ดเหรียญทอง มีเพียงเจ้าของที่เห็น ไม่มีทางผิดแน่นอน ต่อไปเขาเอาถือการ์ดนี้ไว้ ไม่ว่าจะไปที่ไหน แค่เจอร้านค้าที่ดำเนินกิจการทางการเงิน ก็สามารถถอนเงินได้
ลู่ฝานพยักหน้าอย่างพอใจ แล้วหันหลังเดินออกมา เสิ่นอวิ๋นมาส่งลู่ฝานที่หน้าประตูงานประมูล
ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน ลู่ฝานกลายเป็นเป้าสายตา สายตามากมายมองมาที่เขา
แต่ลู่ฝานไม่สนใจ เพราะพวกเขาจำไม่ได้ ขณะนั้น โม่หลินเดินเข้ามา คารวะลู่ฝาน แล้วพูดว่า “ขอบคุณคุณผู้ชาย ที่สนับสนุนผงทะลวงกาย ผมโม่หลินจากตระกูลโม่แห่งเมืองเจียงหลิน พอจะมีโอกาสเชิญคุณผู้ชาย ไปคุยกันที่บ้านสักครั้งได้หรือไม่”
โม่หลินดูนอบน้อมมาก แต่ลู่ฝานกลับไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย คิดว่าเขาเป็นคนนอก ไม่รู้ว่าเจ้าชั่วร้ายโม่หลินเป็นคนแบบไหนงั้นเหรอ ตระกูลโม่กับตระกูลลู่ของเขาเป็นศัตรูคู่แค้นกัน เขาไม่มีเวลาไปตระกูลโม่หรอก
ลู่ฝานพูดด้วยเสียงแหบพร่า “ไม่จำเป็นหรอก”