เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 366
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 366
หมิงจูร้องออกมาด้วยน้ำเสียงที่ตกใจ
อดไม่ได้ที่จะพูดบ่นพึมพำจริงๆ เมื่อกี้พูดถึงลั่วหยู่ คิดไม่ถึงว่าลั่วหยู่ก็ปรากฏตัวต่อหน้าของเขาแล้ว
พวกลู่ฝานก็ทอดสายตามองไปยังลั่วหยู่ แม้ว่าไม่เต็มใจที่จะยอมรับอย่างมาก แต่ว่าลั่วหยู่หน้าตาดีกว่าพวกเขามากจริงๆ
เขย่าพัดพับในมือเบาๆ ชุดเผาบู๊ของสัตว์ร้ายต่างๆคร่อมทับอยู่บนกาย รูปร่างสูงใหญ่ ได้สัดส่วนกัน หนุ่มหน้าขาว ผิวพรรณเหมือนหญิงสาวเลยยังไงอย่างนั้น อ่อนโยนมาก
คิ้วโค้งเรียวเหมือนดาบดวงตาเป็นประกายดุจดวงดาว ผมยาวคลุมไหล่ ผมสีขาวสองปอยห้อยถึงหน้าอก มีออร่าของเซียนเทพหน่อยๆ
มองลู่ฝานอย่างนิ่งๆแวบหนึ่ง ลั่วหยู่และเอี๋ยนชิง เสวียนเฟิงทั้งสามคนขึ้นไปยังห้องส่วนตัวชั้นสองเลย
ตั้งแต่ต้นจนจบ เอี๋ยนชิงไม่แม้แต่จะมองลู่ฝานเลยสักแวบเดียว เหมือนกับว่าไม่รู้จักเขายังไงอย่างนั้น
เป็นเสวียนเฟิงที่ยิ้มให้ลู่ฝานครู่หนึ่ง ทั้งสามคนเดินขึ้นไปด้วยกัน พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
หานเฟิงขมวดคิ้วพร้อมทั้งพูดว่า : “นี่ก็คือลั่วหยู่ที่พวกนายพูดถึง ก็ได้ ฉันยอมรับ เขาหล่อกว่าฉันนิดหน่อยจริงๆ”
หมิงจูพูด : “ทำไมลั่วหยู่ถึงมาคลุกคลีกับพวกเอี๋ยนชิงได้ ลู่ฝาน ฉันจำได้ว่านายมีความเกลียดแค้นกับเอี๋ยนชิงใช่ไหม?”
ลู่ฝานพยักหน้าพร้อมพูดว่า : “มีอยู่บ้างจริงๆแหละ”
หานเฟิงทำเสียงเหอะพร้อมพูดว่า : “ไม่เพียงแค่มีอยู่บ้างนะ มีไม่น้อยเลยทีเดียวนะ”
หมิงจูขมวดคิ้วแน่น พูดว่า : “งั้นนายต้องระวังไว้หน่อยนะ คนของคณะหยินหยางและคณะบังเหินสมคบคิดกัน ว่ายังไงก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี”
ลู่ฝานเก็บเส้นสายตากลับมาพร้อมเอ่ยพูดว่า : “พวกเขาจะคลุกคลีอยู่ด้วยกันหรือไม่นั้น ไม่เกี่ยวข้องกับผมมากเท่าไหร่ ศิษย์พี่หมิงจู กินของกินสักหน่อยเถอะ”
ลู่ฝานหันหลังให้พนักงานในร้านนำพวกอาหารดีๆมาเสิร์ฟอีก
หมิงจูพยักหน้า แล้วก็เริ่มพูดคุยพวกเรื่องหยุมหยิมกับพวกหลิงเหยา
ไม่นาน เกิดความสนมกลมเกลียวกัน หัวเราะเฮฮาเสียงดังลั่น
ห้องส่วนตัวชั้นสอง พวกเอี๋ยนชิงทั้งสามคนนั่งลง
เสวียนเฟิงนั่งลงอีกฝั่งพร้อมทั้งกอดกระบี่ไว้เลย เริ่มดื่มชาอึกใหญ่ ไม่แม้แต่จะมองเอี๋ยนชิงเลยสักแวบเดียว
ลั่วหยู่วางพัดพับไว้บนโต๊ะ ยิ้มพร้อมพูดว่า : “พี่เอี๋ยน นี่ก็คือลู่ฝานที่พี่พูดถึงเหรอ?ฉันมองดูแล้วก็เป็นธรรมดามากนะ ทั้งไม่มีความโดดเด่น และก็ไม่สะดุดตา ไม่มีกำลังอันฮึกเหิมในตัวเลย พี่แน่ใจเหรอว่า คนที่พี่พูดคือเขา?”
เอี๋ยนชิงยิ้มเบาๆพร้อมพูดว่า : “พี่ลั่วหยู่อย่ามาหลอกฉัน พี่มองไม่ออก?ลู่ฝานไอ้หมอนี่มองดูแวบแรกธรรมดามากจริงๆ แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นวิชาวิทยายุทธหรือว่าพละกำลังที่แข็งแกร่ง ไม่ได้น้อยไปกว่าฉันเลย แต่เดิมตอนที่พละกำลังของเขาต่ำ ก็สร้างความวุ่นวายให้ฉันไม่น้อยเลย ตอนนี้มันเป็นหายนะยิ่งกว่าแล้ว”
ลั่วหยู่ส่ายหน้าพร้อมพูดว่า : “พี่เอี๋ยนชิง พี่ต่างหากที่กำลังหลอกฉันนะ จากพละกำลังของพี่ในตอนนี้……เหอะๆ เกรงว่าทั่วทั้งสถาบันสอนวิชาบู๊ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของพี่ แดนปราณชีวิต ถูกไหม”
เอี๋ยนชิงไม่ตอบ เพียงแค่ยิ่งยิ้มเบาๆครู่หนึ่ง
เสวียนเฟิงตะโกนเรียกอยู่ข้างๆว่า: “เสิร์ฟอาหารสิ เสิร์ฟอาหาร พูดกันแล้วว่ามากินอาหารอร่อยไม่ใช่เหรอ มาพูดเรื่องเพ้อฝันเหล่านี้กันทำไม เอี๋ยนชิง นายเรียกฉันมาทำไมกันแน่?”
เอี๋ยนชิงค่อยๆพูดว่า : “พี่เสวียนเฟิง อย่าเพิ่งวู่วามอดทนรอคอยสักประเดี๋ยว รายละเอียดหลักๆ ให้ลั่วหยู่พูดให้พี่ฟัง”
เสวียนเฟิงจ้องมองไปยังลั่วหยู่ เขาไม่เคยมีความรู้สึกดีอะไรต่อลั่วหยู่เลย ในเวลานี้สายตานำมาซึ่งความรังเกียจ ราวกับว่านั่งร่วมกับพวกเขา เป็นการทรมานอย่างหนึ่ง
ลั่วหยู่พูดอย่างเอื่อยเฉือย : “พี่เสวียนเฟิง เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้ พี่ก็รู้ ก่อนหน้านี้ฉันฝึกฝนอยู่ที่ส่วนลึกของเทือกฉิงเทียนตลอด ฉันเจอจวนที่แปลกประหลาดแห่งหนึ่งที่นั่น พี่สนใจไหม”
“จวน?จวนอะไร จวนของผู้แข็งแกร่งท่านไหน ชำรุด หรือว่าสมบูรณ์ดี เคยพบทรัพย์สมบัติแล้ว ?”
เสวียนเฟิงถามคำถามติดต่อกันหลายคำถามเลย
มีทรัพย์สมบัติสูญหายท่ามกลางเทือกฉิงเทียนเป็นจำนวนมาก นี่เป็นเรื่องที่ศิษย์ทุกคนของสถาบันสอนวิชาบู๊รู้