เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 39
รอยยิ้มบนใบหน้าโม่หงชะงักไป กำหมัดจนเกิดเสียงกระดูกดังขึ้นมา
“ในเมื่อนายรีบรนหาที่ตายขนาดนี้ งั้นฉันจะสนองให้นายละกัน”
โม่หงก้าวเข้ามา กล้ามเนื้อปูดขึ้นมา ซัดหมัดกระแทกไปยังลู่ฝาน
แรงเหวี่ยงหมัดอันรุนแรง ทำให้หินก้อนเล็กๆ บนพื้น ปลิวออกไป หมัดมาพร้อมเสียงลม พุ่งไปตรงหน้าลู่ฝาน
ลู่ฝานยืนอยู่ที่เดิม รู้สึกเพียงว่าหมัดของโม่หงช้ามาก ขณะที่หมัดของโม่หงยังโจมตีไม่โดนเขา ลู่ฝานยกขาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ชิงเตะไปที่คอของโม่หงก่อน
พละกำลังอันน่ากลัว ทำให้โม่หงส่งเสียงโอดโอยออกมา จากนั้นตัวเขากลิ้งเหมือนน้ำเต้าออกไปไกล
เสียงหัวเราะของคนด้านล่าง เงียบลงทันที อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง
มีประโยคหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของทุกคน อย่างพร้อมเพรียงกัน
เป็นไปได้ยังไง!
โม่หงลุกขึ้นมาอย่างน่าเวทนา ทรงตัวไม่อยู่ ร่างโงนเงนเล็กน้อย
รอยเท้าดำบนตัว โม่หงเห็นแล้วรู้สึกตกใจและโมโห ตกใจที่ทำไมพละกำลังของลู่ฝาน ถึงมากมายขนาดนี้ โกรธที่เขาโดนลู่ฝานเตะจนกลิ้งเพียงแค่ทีเดียว
สีหน้าเปลี่ยนไป โม่หงจริงจังขึ้นมา
ส่งเสียงคำราม กระโจนเข้าไปหาลู่ฝาน เหมือนหมีควายในหุบเขา
ร่างกายสูงใหญ่ เหมือนอำนาจกดดันของขุนเขาใหญ่!
หมัดพยัคฆ์บิน!
ลู่ฝานแยกขาไปด้านหลังช้าๆ กลับตัวเตะก้านคอ ความเร็ว พละกำลัง องศา ไร้ที่ติ
แสงสีแดงสว่างวาบบนตัว โม่หงโดนเตะเข้าที่ซีกแก้ม
เกิดเสียงกระแทกดังขึ้น โม่หงกระแทกลงกับพื้น เวทีที่ทำจากหิน โดนเขากระแทกจนยุบลงไป
โม่หงโดนกระแทกจนล้มลง เหมือนค้อนกระแทกลงบนหน้า พวกที่เพิ่งหัวเราะเยาะเมื่อครู่
หวาดกลัว ริษยา อิจฉา ไม่อยากเชื่อ อารมณ์ต่างๆ ผุดขึ้นมาบนใบหน้าของทุกคน
นี่ใช่ลู่ฝาน ที่พวกเขารู้จักไหม
นี่คือลู่ฝาน ที่พวกเขาเรียกว่าสวะหรือเปล่า
ถ้าแข็งแกร่งแบบลู่ฝาน ยังโดนเรียกว่าสวะ งั้นพวกเขาเรียกว่าอะไรล่ะ
เงียบกันทั้งหมด ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจหวาดกลัว
เตะนักบู๊ที่ใกล้ถึงระดับแดนฝึกร่างชั้นแปด จนกระเด็นเพียงสองที พละกำลังระดับนี้ เป็นการตบหน้าตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัย คนที่ตะโกนอย่างแรงที่สุด ไม่เพียงแต่จะหุบปากเงียบ อีกทั้งยังเตรียมหนีด้วย ถ้าลู่ฝานมาหาเรื่องพวกเขา จากตัวตนของลู่ฝาน จากพละกำลังของลู่ฝาน จัดการพวกเขาง่ายเหมือนขยี้มดตัวหนึ่งเท่านั้น
คนที่เอาแต่ตำหนิอย่างรุนแรง ก็คือคนที่ขี้ขลาดที่สุด
ตอนนี้ พวกเขานึกถึงข่าวลือ ที่ตระกูลลู่ปล่อยออกมา ทั้งหมดคือความจริง
ตามคาด ลู่ฝานไม่เหมือนตอนแรกแล้ว เขาไม่เพียงแต่จะหลุดพ้นจากชื่อสวะ แถมยังแข็งแกร่งขนาดนี้ด้วย
ลู่หาวที่อยู่ด้านล่าง ไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่น ชิงหัวเราะออกมาก่อน
ลู่ฝานไม่ทำให้เขาผิดหวังตามคาด แค่เตะเพียงสองครั้ง ก็พิสูจน์ได้ว่า พละกำลังของลู่ฝานอย่างน้อยต้องอยู่ในระดับแดนฝึกร่างชั้นแปดขึ้นไป
ไม่ถึงครึ่งปี จากระดับแดนฝึกร่างชั้นสาม พุ่งไปถึงระดับแดนฝึกร่างชั้นแปด นี่มันเป็นความเร็วที่น่ากลัวขั้นไหนกัน
ลู่หาวเงยหน้าอย่างภูมิใจ นี่คือลูกชายของเขา ลูกชายของลู่หาว!
โม่หลินและโม่หยุนเฟย ไม่สู้ดีเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่พวกเขาจะดูผิด แต่พวกเขาไม่เคยเห็นเลยว่า ลู่ฝานแห่งตระกูลลู่ เป็นบุคคลที่น่ากลัวถึงเพียงนี้ ที่แท้ทุกอย่าง เป็นเพียงการเสแสร้ง โม่หยุนเฟยนึกถึงเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ที่ลู่ฝานแสดงให้เห็นในตลาด รู้สึกว่าอีกฝ่ายคงมองเขาเหมือนคนโง่ มีพละกำลังแท้ๆ แต่กลับยอม
จางเยว่หานที่นั่งอยู่ข้างจางเหยียน กลับตกตะลึงในใจเป็นอย่างมาก เธอคิดไม่ถึงว่าลู่ฝานจะเปลี่ยนไปจนเป็นแบบนี้
จางเยว่หานมองลู่ฝานที่มีความเกรี้ยวกราดบนเวที มือสั่นเล็กน้อย
จางเหยียนเห็นว่าลูกสาวตัวเองผิดปกติ จึงถามว่า “เยว่หาน เป็นอะไรไป”
จางเยว่หานละสายตาออกมา พูดเบาๆ ว่า “หนูไม่เป็นไร”
บนเวที โม่หงสลบไปแล้ว คนตระกูลโม่ ทำได้เพียงยกเขาออกไป
โม่เทียนหันไปหาโม่หยุนเฟย แล้วพูดว่า “หยุนเฟย ขึ้นไปจัดการเขาทิ้งซะ อย่ายั้งมือ ถ้าเกิดเรื่องจริง ปู่จะสนับสนุนนายเอง”
โม่หยุนเฟยเข้าใจความหมายของปู่ ลู่ฝานข่มเหงตระกูลโม่ของพวกเขาแล้ว ดังนั้นจำเป็นต้องกำจัดทิ้ง
โม่หยุนเฟยลุกขึ้น เรียกเสียงเชียร์มากมาย พลิกตัวขึ้นไปบนเวที สายตาโม่หยุนเฟย จ้องเขม็งไปที่ลู่ฝาน
“คิดไม่ถึง นายจะปกปิดมิดชิดขนาดนี้ ประมาทนายเกินไปจริงๆ ลู่ฝาน”
ลู่ฝานพูดอย่างราบเรียบว่า “ไม่เรียกว่าประมาทเกินไปหรอก โม่หยุนเฟย นายเตรียมรับความพ่ายแพ้หรือยัง”
โม่หยุนเฟยแสยะยิ้ม แล้วพูดว่า “นายอยากล้มฉัน ยังขาดความสามารถอีกหน่อย”
พูดจบ โม่หยุนเฟยกับลู่ฝานเคลื่อนไหวพร้อมกัน ความเร็วของทั้งสองคน ไม่ได้เร็วธรรมดา มาถึงกลางเวทีหินอย่างรวดเร็ว
หมัดทำลายล้าง!
หมัดถล่มเขา!
เสียงดังอึกทึก หมัดทั้งสองคนปะทะกัน กลางหมัดที่ทั้งสองปะทะกัน มีกระแสลมแผ่ซ่านออกมา
โม่หยุนเฟยหรี่ตาลง เขาขึ้นมาก็ใช้วิชาหมัดที่แข็งแกร่งที่สุด เพื่อที่จะฆ่าลู่ฝานในพริบตา แต่เขาคิดไม่ถึงว่า พลังหมัดของลู่ฝาน จะดุดันเช่นกัน หมัดที่ออกมาเมื่อครู่ ไม่ได้เสียเปรียบเลย