เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 420
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 420
นักเรียนของคณะอื่นๆนั้น เมื่อมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาก็ด่าออกมาทันที
“ไร้ยางอาย ไร้ยางอายมากๆ ทั้งๆที่เป็นคณะหยินหยางที่ยิ่งใหญ่ แต่กลับทำเรื่องไร้ยางอายขนาดนี้ เหมือนฉีกหน้าด้านซ้ายเอามาแปะไว้ด้านขวา ด้านซ้ายไร้ยางอาย ส่วนด้านขวาหน้าด้านมากๆ”
“ยังสามารถประลองกันดีๆอีกเหรอ?คณะหยินหยางใช้วิธีสกปรกแบบนี้ ชนะแล้วก็ไม่ใช่ใช้พละกำลังของตนครับ”
“ใช่แล้ว เมื่อก่อนฉันยังคิดว่าเอี๋ยนชิงเป็นคนที่ร้ายกาจมากๆ ตอนนั้นฉันนับถือเขามากๆ แต่เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ เขาก็เป็นได้แค่พวกหน้าไหว้หลังหลอกเท่านั้น เพื่อให้ได้ชัยชนะมา เขากลับใช้วิธีสกปรกแบบนี้ได้”
“คณะหยินหยางตลกมากๆ เอี๋ยนชิงก็เป็นตัวตลกเช่นกัน พวกเราไม่อยากจะไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาอีกแล้ว พวกเขาไม่คู่ควรที่จะเป็นนักบู๊ด้วยซ้ำ”
……
คำด่าดังขึ้นมาตลอดเวลา เสียงคำด่าดังไปทั่วสถาบันสอนวิชาบู๊
แม้แต่อาจารย์ทุกคนที่นั่งอยู่คณะหยินหยางที่อยู่ไกลออกไป แต่พวกเขาก็ได้ยินเสียงด่าพวกนี้ดังมาจากท้องฟ้า
เอี๋ยนชิงลุกขึ้นอีกครั้ง อาการบาดเจ็บบนร่างกายหายดีแล้วฟื้นฟูหกสิบเปอร์เซ็นต์
ในเวลานี้ ลู่ฝานพยายามป้อนโอสถเข้าไปในปากของศิษย์พี่ใหญ่
ศิษย์พี่ใหญ่กระอักเลือดสดออกมาและพูด:”ศิษย์น้องลู่ฝาน ศิษย์พี่ใหญ่ไม่เอาไหนเลย ฉันช่วยอะไรนายไม่ได้เลย ฉันได้ต่อสู้สักครั้ง แต่กลับโดนอีกฝ่ายโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ เห้อ ฉันเป็นศิษย์พี่ใหญ่ที่ล้มเหลวมากๆ นายไม่ต้องสิ้นเปลืองโอสถเพื่อฉันอีกเลย”
ลู่ฝานพูด:”ไม่ต้องพูดแล้ว ศิษย์พี่ใหญ่ นายเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของฉันหนึ่งวัน นายก็จะเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของฉันตลอดไป ตอนนี้นายไปพักผ่อนฟื้นฟู่ก่อน เรื่องที่เหลือฉันจะเป็นคนจัดการเอง”
ศิษย์พี่ใหญ่จับชายเสื้อของลู่ฝานเอาไว้และพูด:”เขามีค่ายกลอยู่ในมือ นายทำอะไรเขาไม่ได้อยู่แล้ว”
ลู่ฝานพูดด้วยสายตาที่หนักแน่น:”ศิษย์พี่ใหญ่วางใจได้ ฉันมีวิธีจัดการมันได้อยู่แล้ว”
ขณะพูด ลู่ฝานผลักศิษย์พี่ใหญ่ไปข้างๆอย่างเบาๆ จากนั้นก็หันหน้ากลับไปมองเอี๋ยนชิง
ในร่างกายของเขา น้ำเสียงของเจดีย์เสวียนเก้ามังกรดังขึ้น:”เจ้านาย ค่ายกลอันนี้ไม่เลวเลย จะเก็บมันไหม?”
ลู่ฝานพูด:”ต้องเก็บแน่นอน ไม่งั้นฉันจะสู้กับเขาได้ยังไง ไอ้เก้า นายต้องใช้เวลานานแค่ไหน ถึงจะสามารถเก็บค่ายกลอันนี้ได้”
เจดีย์เสวียนเก้ามังกรพูด:”อย่างน้อยต้องใช้เวลาสิบวินาที เจ้านาย ฉันอาจจะต้องยืมพลังบางส่วนจากเจ้านายด้วย”
ลู่ฝานหัวเราะอยู่ในใจ:”เอาไปใช้ได้เลย ถึงแม้ฉันจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ถ้าสามารถทำลายค่ายกลหยินหยางได้ มันก็คุ้มค่าแล้ว”
ขณะพูด ลู่ฝานกวักมือเรียก กระบี่หนักไร้คมที่อยู่ไกลออกไปก็บินกลับมาอยู่บนมือของเขา
เรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้เอี๋ยนชิงหัวเราะอย่างเย็นชาและพูด:”อาวุธวิเศษอันนี้ยอมรับเจ้านายแล้วนี่เอง ไม่แปลกใจเลยที่ฉันใช้มันไม่ได้ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้ว ถ้าฉันฆ่าแกจนตาย กระบี่เล่มนี้ก็จะกลายเป็นของฉัน”
ลู่ฝานยกกระบี่หนักไร้คมขึ้นมาและชี้ไปที่ใบหน้าของเอี๋ยนชิงแล้วพูด:”ถ้าแกแน่จริง ก็เข้ามาเอาไปได้เลย”
เอี๋ยนชิงเปล่งเสียงเย็นชาออกมาและกำลังจะลงมือ
แต่ในเวลานี้ จู่ๆก็มีเงาดำอันหนึ่งพุ่งเข้ามา มันคือเจ้าดำที่เล่นกับฮ่วนเย่ว์อย่างสนุกสนานมาตลอด
เอี๋ยนชิงหัวเราะออกมาและพูด:”ฮ่าๆๆ มาหาเรื่องตายชัดๆ”
จู่ๆเจ้าดำก็ยกกรงเล็บของตัวเองขึ้นมา มันชูนิ้วกลางให้เอี๋ยนชิง
จากนั้นเจ้าดำก็คำรามออกมา ร่างกายของมันกลายเป็นเงาดำและพุ่งเข้าไปในร่างกายของลู่ฝาน ภายในชั่วพริบตา ร่างกายของลู่ฝานก็มีเพลิงไฟสีดำพุ่งออกมา ใบหน้าและมือของเขามีลวดลายสีดำปรากฏ ราวกับมันเป็นมังกรเล็กๆสีดำที่เคลื่อนไหวอยู่ในร่างกายของลู่ฝาน
จู่ๆลู่ฝานก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
บนท้องฟ้า อาจารย์ทุกคนต่างอุทานออกมาด้วยความตกใจโดยพร้อมเพรียงกัน
“วิชาอสูรเข้าสิง!”
สายตาของอาจารย์อี้ชิงเปล่งประกายทันทีและพูดเบาๆ:”เอาเลย ลู่ฝาน ทำให้พวกเราดูหน่อยสิว่านายแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่”
ลู่ฝานเงยหน้าขึ้นมาและคำรามออกมา พลังของเขาพุ่งสูงทันที ภายในชั่วพริบตาก็พุ่งทะเลถึงแดนปราณชีวิตแล้ว!