เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 432
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 432
เหมาอีครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เขารู้สึกว่าคงทำได้แค่นี้แหละ ดังนั้นเขาก็เลยพยักหน้าเบาๆ
การสนทนาของทั้งสองคน โม่หยุนเฟยและคนอื่นๆไม่ได้รับรู้ เพียงแต่รู้สึกว่าพวกเขาสองคนกระซิบอะไรบางอย่างอยู่?
พวกเขากำลังพูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับตระกูลโม่เหรอ?
ขณะกำลังครุ่นคิดอยู่ ลู่เฮ่าหรานกับคนอื่นๆก็เดินออกมาแล้ว
ข้างๆเขายังมีลู่หาวกับลู่หมิงและคนอื่นๆ ทั้งสองฝ่ายยืนประจันหน้ากัน ใบหน้าเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน
โม่เทียนพูดด้วยรอยยิ้ม:”ลู่เฮ่าหราน ฉันคิดว่าคนของตระกูลลู่จะเป็นเต่าหัวหด และให้ลูกหลานหนีออกจากตระกูลลู่ซะอีก แต่คิดไม่ถึงจริงๆ พวกคุณยังมีความกล้ามากกว่าที่ฉันคาดคิดเอาไว้”
ลู่เฮ่าหรานพูดด้วยรอยยิ้มเย็นชา:”หนีออกจากตระกูลเหรอ?ตระกูลลู่ของเราอยู่ที่นี่มาหลายสิบปี พวกเราจะหนีได้ยังไง และมีอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าพวกเราหนีออกจากเมืองเจียงหลิน พวกแกก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว สามารถฆ่าพวกเราได้ตลอดเวลา”
โม่เทียนพูด:”แกพูดถูกแล้ว ถ้าออกจากเมือง ฉันไม่ไว้ชีวิตลูกหลานของตระกูลลู่แม้แต่คนเดียว”
สายตาของลูกหลานตระกูลลู่ทุกคนแดงก่ำ โม่หยุนเฟยพูดด้วยรอยยิ้ม:”โอเค ประลองบนเวทีได้หรือยัง?ลู่เฮ่าหราน รีบๆบอกให้ไอ้แก่ลู่สวินออกมา วันนี้คือวันตายของเขา”
เขายังไม่ทันได้พูดจบ ลู่สวินก็เดินออกมาแล้ว
เดิมทีลู่สวินมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มและร่าเริง ตอนนี้ดูเหมือนเขาแก่ไปสิบกว่าปี สีหน้าของเขาขาวซีด เดินออกมาอย่างโซเซ ดูเหมือนเขาบาดเจ็บสาหัสและยังไม่ได้หายดี
เมื่อมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เมิงซันกับเหมาอียิ้มออกมาทันที
อาการบาดเจ็บของลู่สวิน เป็นฝีมือของพวกเขาสองคน เมื่อมองจากตอนนี้ อาการบาดเจ็บของลู่สวินไม่ได้หายดีทั้งหมด พวกเขาไม่ต้องลงมือต่อสู้แล้ว แค่อาศัยเฟ่ยซิงและคนอื่นๆที่เป็นนักบู๊แดนปราณนอกขั้นต้นก็สามารถจัดการคนพวกนี้ได้แล้ว
“โม่เทียน ขึ้นไปประลองบนเวที ฉันคิดว่ามันไม่จำเป็นต้องประลองแล้ว พวกแกอยากจะฆ่าล้างตระกูลลู่ของเราไม่ใช่เหรอ?ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาแล้ว มาสู้ตายกันดีกว่า!”
สายตาของโม่เทียนมีแต่ความเย็นชาและพูด:”หึ แกอยากจะขยายการต่อสู้ไปยังที่อยู่ของประชาชนทั่วไปใช่ไหม?อยากจะพาฉันซวยไปด้วยใช่ไหม?แกฝันไปเถอะ วันนี้ฉันได้เชิญท่านจางจากจวนผู้เฝ้าเมืองมาดูการประลองที่นี่ ฉันทำตามกฎระเบียบทุกอย่างของจวนผู้เฝ้าเมือง ถึงแม้ฉันฆ่าล้างตระกูลลู่ของพวกแก ฉันก็ทำตามกฎระเบียบทุกอย่าง”
เมื่อพูดจบ โม่เทียนมองไปด้านหลัง มีชายชราหลังค่อมคนหนึ่งเดินออกมาและพูดด้วยรอยยิ้ม:”ฉันรับผิดชอบแค่จดบันทึกเท่านั้น ทุกอย่างให้ทำตามกฎระเบียบของจวนผู้เฝ้าเมือง”
“กฎระเบียบบ้าบออะไรอีก ทุกคนรู้ว่าแกเป็นพวกเดียวกันกับตระกูลโม่”
จู่ๆลู่เทียนกังที่อยู่ในฝูงชนก็ทนไม่ไหวอีกแล้ว
เขาดึงกระบี่ออกมาและพุ่งออกมา และฟันกระบี่ใส่ใบหน้าของชายชราคนนั้น
การโจมตีด้วยกระบี่ของลู่เทียนกังรุนแรงมากๆ ทำให้ชายชราแขนขาดไปข้างหนึ่ง
เลือดสาดกระเซ็น เรื่องนี้ทำให้โม่เทียนอึ้งไปเลย
จากนั้น โม่เทียนก็โบกมือและพูด:”ตระกูลลู่บ้าไปแล้ว แม้แต่คนของจวนผู้เฝ้าเมืองก็กล้าสังหาร ทุกคนมองเห็นแล้วใช่ไหม ตระกูลลู่ทำเรื่องชั่วช้ามากๆ ฆ่าล้างตระกูลลู่เดียวนี้!”
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกหลานทุกคนของตระกูลโม่ก็พุ่งออกไปทันที
ลู่หาวกับลู่เฮ่าหรานตะโกนออกมาและพุ่งไปข้างหน้า จากนั้นก็เกิดการต่อสู้ขึ้น
ภายในชั่วพริบตา เกิดการต่อสู้อย่างดุเดือดขึ้น พลังปราณพุ่งออกมาไม่หยุด เลือดสดสาดกระเซ็นไปทั่วท้องฟ้า
เกิดเสียงดังระเบิดในคฤหาสน์ตระกูลลู่ไม่หยุด
ประชาชนทุกคนในเมืองเจียงหลินต่างมองมาที่นี่
“เห้อ ตระกูลโม่กับตระกูลลู่กำลังจะสู้ตายกันแล้ว น่าเสียดายจริงๆ ตระกูลลู่กำลังจะโดนฆ่าล้างตระกูลแล้ว!”
ประชาชนทั่วไปยืนอยู่บนถนนและสนทนากัน มีกฎหมายของประเทศอู่อานคอยปกป้อง พวกเขาไม่กลัวโดนลูกหลงอยู่แล้ว
แต่ในเวลานี้ มีเงาดำหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับลมพัดผ่าน
เมื่อหันหน้ากลับไปมอง ทุกคนมองเห็นคนสองคนกับสัตว์หนึ่งตัว กำลังวิ่งอยู่บนถนน
เขาคือ……