เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 439
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 439
กลางคืนหนาวเย็นเหมือนน้ำ แสงจันทร์ส่องสว่าง แสงดาวริบหรี่
บ้านของตระกูลลู่ พังทลายลงหมด มองไปเห็นแต่ซากปรักหักพัง
ในซากหินแตกหัก ยกหินขึ้นแบกใส่บ่า มันแข็งแกร่งไม่เบา พื้นที่บ้านที่ไม่เหลือแม้แต่ผนังแล้ว แต่มันก็ยังลุกขึ้นยืนได้
รอยเลือดเป็นแถบ ไม่มีใครทำความสะอาด ศพที่หน้าประตู ก็ยังนอนอยู่ตรงนั้น สองตาที่ขาวโพลนอย่างน่าอนาถเหมือนอยากจะบอกอะไร
ลู่ฝานค่อยๆ เอามือไปลูบปิดตาศพ ลู่หาวพ่อของเขากับท่านสวินที่อยู่ในห้องก็ได้หลับสนิทไปแล้ว อาการบาดเจ็บของทั้งสองคนได้รับการรักษาจากเจดีย์เสวียนเก้ามังกรจนปลอดภัยแล้ว ถ้าหากอาการแค่นี้เจดีย์เสวียนเก้ามังกรยังรักษาไม่ได้ ลู่ฝานก็จะไปเอาเรื่องมันแน่นอน
เดินออกจากห้องมาด้านนอก คนที่เหลือของตระกูลลู่ทั้งหลายก็ยืนอยู่ตรงนั้นนิ่งๆ มองดูลู่ฝานอย่างเคารพ
ในสายตาของพวกเขานั้น เต็มไปด้วยความเกรงกลัว ตื่นเต้น สายลึกๆ ของสายตาบางคน มีความหวาดกลัวอยู่ด้วย พอเห็นว่าลู่ฝานมองมา คนพวกนี้ก็รีบก้มหัวลงทันที ไม่กล้าจ้องตาลู่ฝาน
มีคนหนึ่งที่ดูจะเฉยๆ ก็คือศิษย์พี่หานเฟิง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนหินก้อนหนึ่งอย่างสบายๆ เอามือลูบหัวเจ้าดำ
สำหรับเรื่องของตระกูลลู่นั้น ศิษย์พี่หานเฟิงไม่ได้พูดอะไรมากอย่างน่าแปลก ด้วยนิสัยที่เจอกับใครเป็นอันต้องพูดด้วยของเขา กลับไม่ออกความเห็นเห็นกับเรื่องนี้เลย แสดงให้เห็นว่าศิษย์พี่หานเฟิง ก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักหนักเบา
เขารู้ว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องครอบครัวของลู่ฝาน จะต้องให้ลู่ฝานจัดการแก้ไขเอง
พอเห็นว่าลู่ฝานออกมา หานเฟิงก็ยิ้มเบาๆ จับเจ้าดำแล้วพูดว่า “ไปกัน เจ้าดำ พวกเราออกไปกินอะไรอร่อยๆ กันดีกว่า”
พูดจบ หานเฟิงก็หยิบเนื้อแห้งหนึ่งชิ้นออกมาจากอก แล้วพาเจ้าดำออกจากเขตบ้านไป
ในเขตบ้านทั้งหมด เหลือเพียงคนตระกูลลู่
“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง พวกเขาไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
ลู่เฮ่าหรานเอ่ยถาม ลู่หมิงที่มีผ้าพันแผลเต็มตัวพักอยู่ข้างๆ ก็มีสีหน้ากังวลเหมือนกัน
“ไม่เป็นไร ได้ผ่อนคลายลงหน่อยแล้ว แค่รักษาตัวหน่อย ก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”
ลู่ฝานพูดนิ่งๆ สีหน้าบนใบหน้ามีความเย็นชาเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่ลู่ฝานเจอในครั้งนี้ ทำให้เขารู้สึกโกรธอย่างมาก จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังดึงสติกลับมาให้สงบไม่ได้
ลู่เฮ่าหรานถอนหายใจ ขอเพียงท่านสวินกับลู่หาวไม่เป็นอะไร งั้นทุกอย่างก็ดีหมด
“โชคดีที่ได้นายมาช่วย ลู่ฝาน คิดไม่ถึงเลยว่า เวลาสั้นๆ แค่หนึ่งปี นายจะแข็งแกร่งได้ถึงระดับนี้ ฉันขอประกาศตองนี้เลยว่า ขอมอบตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลลู่ให้กับลู่ฝานอย่างเป็นทางการ ใครกล้าพูดอะไรแม้แต่นิดเดียว ก็เท่ากับทรยศตระกูลลู่ ฆ่าไม่เว้น”
ลู่เฮ่าหรานพูดตะโกนเสียงดัง
คนตระกูลลู่ในเหตุการณ์ ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว พลังของลู่ฝานในตอนนี้ ทุกคนล้วนเห็นกับตาตนเองหมดแล้ว รับตำแหน่งเจ้าบ้านได้อย่างแน่นอน
ทันใดนั้น เหล่าลูกน้องตระกูลลู่ก็หันตัวมาทำความเคารพให้กับลู่ฝาน พร้อมพูดว่า “สวัสดีท่านเจ้าบ้าน”
ลู่ฝานขมวดคิ้วเล็กน้อย ในใจอยากจะปฏิเสธ แต่ก็พูดอะไรไม่ออก ลู่หมิงที่อยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้นว่า “ลู่ฝาน อย่าปฏิเสธเลย ช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ทางตระกูลเราต้องการเจ้าบ้านที่แข็งแกร่งสักคน”
ลู่ฝานครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วก็พยักหน้าเบาๆ เป็นอันว่ายอมรับตำแหน่ง
ลู่ฝานเงยหน้าขึ้นมา แล้วก็พูดไปว่า “ตอนนี้ตระกูลลู่ยังเหลืออีกกี่คน”
ลูกน้องตระกูลลู่คนหนึ่งลุกขึ้นพูดว่า “รายงานท่านเจ้าบ้าน ถ้าไม่นับพวกเด็กๆ กับเหล่าภรรยาพวกเรา คนตระกูลลู่ที่สามารถออกแรงมาต่อสู้ได้ เหลือเพียง10กว่าคนแล้วเท่านั้น”
ลู่ฝานพูดว่า “ดีมาก ใครที่สู้ไหว ก็ให้ฟังคำสั่งฉัน ตอนนี้รีบตามฉันไปยังตระกูลโม่ ปู่ครับ ทางฝั่งนี้ ให้ปู่ดูแลไปก่อนนะครับ คนที่เหลือ ตามฉันมา”