เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 442
จะมองคนแค่ภายนอกไม่ได้จริงๆ ลู่ฝานถอนหายใจยาว แล้วก็แกะสลักอักษรคำว่า ภักดีคุณธรรม ใส่บนป้ายวิญญาณของลู่เทียนกัง
ลู่หมิงก็ยืนข้างลู่ฝาน พอเห็นลู่ฝานทำแบบนี้ ลู่หมิงก็ยิ้มพูดว่า “ลู่ฝาน ถ้าวันไหนฉันตายไป ได้นายมาแกะสลักคำว่า ภักดีคุณธรรม ให้ฉันด้วย คงจะดีมากเลย”
ลู่ฝานก็มองลู่หมิงอย่างลึกซึ้ง “นายไม่ตายหรอก เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว”
ลู่หมิงก็ยิ้มเบาๆ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไร
คำนับให้กับป้ายวิญญาณทั้งหลาย ลู่ฝานก็ค่อยเดินออกไปข้างนอก
ตอนนี้ตระกูลลู่กำลังฟื้นตัวจากทุกอย่าง เรื่องมากมายจะต้องให้เขามาเป็นผู้นำ เขาเป็นเจ้าบ้านตอนนี้ล่ะ
“เจ้าบ้านครับ เจ้าบ้าน แย่แล้วครับ คนของจวนโจวเจิ้นโส่วมาแล้ว”
ลูกหลานน้องของตระกูลลู่คนหนึ่งวิ่งเข้ามา แต่เป็นเด็กอายุ12-13ปี จะเห็นได้ว่าตอนนี้ตระกูลลู่ขาดคนใช้งานมากแค่ไหน
ลู่ฝานขมวดคิ้วพูดว่า “คนของจวนโจวเจิ้นโส่วมาทำอะไร?”
ลู่หมิงพูดว่า “เหอะ มาอะไรเอาตอนนี้ ไม่มีเรื่องดีแน่นอน”
ลู่ฝานพูดว่า “พาพวกเขาไปห้องโถงรับรองแล้วกัน”
เด็กคนนั้นก็ตอบรับ แล้วรีบวิ่งออกไป ลู่ฝานก็เท้าเดินไปยังห้องโถงรับรอง
หลังจากนั้นช่วงธูปหนึ่งดอก ลู่ฝานก็มาถึงห้องโถงรับรอง ตอนนี้ห้องโถงรับรองที่ตระกูลลู่พูดถึง ได้พังทลายไม่เป็นท่าหมดแล้ว แม้แต่เก้ารับแขกก็ยังไม่เหลือ
มีชายสวมชุดจีน7-8คนยืนอยู่ในห้องโถง ด้วยท่าทางเชิดหน้าชูตา คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าชายพวกนั้น สวมชุดนักบู๊ลายเมฆดำ บนเข็มขัดมีตัวอักษร อู่อาน สีเงินอย่างชัดเจน ตัวอักษรดูยิ่งใหญ่ นี่คือสัญลักษณ์ของทางการในประเทศอู่อาน หรือเรียกว่า เสื้อทางการเมฆดำ สีของเข็มขัดจะแสดงถึงระดับของตำแหน่ง
สีเงิน เป็นสัญลักษณ์ของผู้เฝ้าเมือง
ลู่ฝานเพิ่งได้เจอกับโจวเจิ้นโส่วของเมืองเจียงหลินเป็นครั้งแรก พอมองดูชายวัยกลางคนที่อายุเกินสี่สิบ ลู่ฝานก็ยื่นมือไปหยิบเก้าอี้ขาหักหนึ่งตัวมานั่ง แล้วพูดว่า “โจวเจิ้นโส่ว ขออภัยที่ตระกูลลู่เสียมารยาท แต่คิดว่าโจวเจิ้นโส่วน่าจะรู้ว่าตระกูลลู่ของพวกเราเพิ่งเจอกับเคราะห์ภัยครั้งใหญ่ คงจะไม่ว่ากันหรอกนะครับ”
โจวเจิ้นโส่วเห็นว่าลู่ฝานกล้ามานั่งตรงหน้าแบบนี้ ก็มีสีหน้าโกรธเล็กน้อย เพราะพวกเขายังยืนอยู่เลย
โจวเจิ้นโส่วก็หันไปส่งเสียงพูดกับลู่เฮ่าหราน “คุณท่านลู่ ลูกหลานตระกูลลู่ของพวกคุณไร้มารยาทแบบนี้เลยหรือ?”
พวกนักบู๊ที่ยืนอยู่ข้างๆ โจวเจิ้นโส่วก็ตวาดไปทางลู่ฝานเหมือนกัน “บังอาจ ไอ้หนู เจอโจวเจิ้นโส่ว ยังไม่โค้งคำนับทักทายอีก”
เหล่าลูกหลายตระกูลลู่ก็จ้องมองชายคนนั้น ขอเพียงลู่ฝานออกคำสั่ง พวกเขาก็ไม่เกรงใจที่จะกระทืบหมอนี่ให้พิการไป
ลู่เฮ่าหรานพูดนิ่งๆ ว่า “ต้องขออภัยด้วย โจวเจิ้นโส่ว นี่คือลู่ฝาน หลานของผม ตอนนี้ก็เป็นเจ้าบ้านลู่คนใหม่แล้ว นายมีอะไรก็ถามเขาได้เลยครับ”
โจวเจิ้นโส่วแกล้งทำเป็นตกใจพูดว่า “อ่าวหรือ? ที่แท้ท่านนี้ก็คือลู่ฝาน ยอดอัจฉริยะแห่งเมืองเจียงหลินเรานี่เอง น่าเสียดาย ผมไม่ค่อยได้สนใจเรื่องวิถีบู๊เสียเท่าไรนัก การทดสอบของสถาบันสอนวิชาบู๊ ผมไม่เคยไปดูเลย ก็เลยไม่ได้รู้จักเจ้าบ้านลู่ฝาน”
ลู่ฝานพูดนิ่งๆ ว่า “โจวเจิ้นโส่ว นายมีอะไรก็ว่ามาตรงๆเลย ตอนนี้ผมยุ่งมาก ไม่มีเวลามาเกรงใจกับนาย”
โจวเจิ้นโส่วก็หน้าแดงขึ้นมาทันที
นักบู๊ที่อยู่ข้างๆ ก็ด่าออกมาทันที “ไอ้เด็กคนนี้สมควรตาย พอให้เกียรติหน่อยก็อวดดี จะบอกให้นะ ตระกูลลู่ของพวกนายมาฆ่าคนของจวนผู้เฝ้าเมืองตาย ตอนนี้พวกเราจะมาจับคนร้ายไปเข้าคุก รีบส่งตัวคนนั้นออกมา”
ลู่ฝานก็หน้าบึ้งเล็กน้อย เอานิ้วประสานกันสองมือ แล้วจ้องมองโจวเจิ้นโส่วนิ่งไม่ขยับ
“ที่แท้พวกคุณก็มาด้วยเรื่องนี่หรอกหรือ เหอะ!”