เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 47
บนเขาซีซาน เรื่องราวในโลกหล้า ล้วนเปลี่ยนแปลง ไม่เที่ยงแท้แน่นอน
ภูผาเขียวขจี สายน้ำไหล
หลังผ่านไปสองเดือน ในป่าลึก มีเสียงต่อสู้ดังออกมาไม่หยุด
“เสือดาวปีศาจเลวๆ แกคิดว่าแบบนี้จะเผาฉันตายได้เหรอ ฮ่าๆ ฉันจะดูสิว่าพวกแกยังมีอีกเท่าไร”
ตามมาพร้อมเสียงตะโกน เสือดาวตัวหนึ่งที่มีเกล็ดและกระดองสีดำทั้งตัว โดยต่อยจนกระเด็น กระแทกต้นไม้จนหัก และหล่นลงบนพื้น หลังจากเสียงคำรามโอดครวญ เสือดาวปีศาจ ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีก
ในป่ายังมีเสือดาวแบบมัน นอนตายอยู่บนพื้นห้าตัว
พละกำลังของเสือดาวปีศาจโตเต็มวัยแบบนี้ ทัดเทียมกับนักบู๊ระดับแดนฝึกร่างชั้นเก้า มีพละกำลังไม่ธรรมดา กรงเล็บแหลมคมมาก สิ่งสำคัญคือ เมื่อถึงช่วงวิกฤต เสือดาวปีศาจสามารถพ่นเพลิงปีศาจออกมาเผาคู่ต่อสู้ได้ นักบู๊แดนปราณในขั้นหนึ่งที่เพิ่งฝึกพลังปราณออกมาได้ อยากฆ่าพวกมันโดยไม่บาดเจ็บ เรียกว่ายากลำบาก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะจัดการฝูงเสือดาวปีศาจด้วยตัวคนเดียวเลย
แต่วันนี้ คู่ต่อสู้ที่พวกมันเจอ เหนือความคาดหมายอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งตัวลู่ฝานมีเปลวไฟลุกโชนขึ้นมา จับเสือดาวปีศาจตัวสุดท้ายด้วยมือข้างเดียว
ลู่ฝานเนื้อตัวดำมอมแมม บนหน้ายังมีคราบเลือดด้วย นั่นเป็นรอยเล็บที่เสือดาวปีศาจทิ้งไว้ให้เขา
เกล็ดและกระดองบนตัวเสือดาวปีศาจ ไม่สามารถต้านทานเปลวไฟในมือลู่ฝานได้ มองเสือดาวปีศาจ ที่ดิ้นไปมาไม่หยุด ลู่ฝานมีสีหน้าโมโห เพราะพวกมันไม่เพียงแต่จะเผาเสื้อผ้าชุดสุดท้ายของเขา อีกทั้งยังเผาผมเขาจนเสียหายด้วย
สมควรตาย เปลวไฟบนตัวเขา ยังไม่เผาผมเขาจนเสียหาย แต่เสือดาวพวกนี้ กลับมาช่วยจัดแต่งทรงผมให้เขา
ใช้แรงที่ฝ่ามือ ในแขนมีลำแสงสีขาวสว่างขึ้นมา นี่คือลางบอกว่า ใกล้จะฝึกพลังปราณได้แล้ว
ลู่ฝานบีบเสือดาวปีศาจตัวนี้จนตาย จากนั้นดึงดอกอำพันมังกรข้างๆ ขึ้นมา
“อาจารย์ ดอกอำพันมังกรเหนือธรรมชาติจริงๆ แค่ปักเอาไว้ บริเวณรัศมีสิบลี้ สัตว์อสูรจะวิ่งเข้ามาทันที ผมไม่รู้เลยว่าบนทิวเขาซีซาน จะมีสัตว์อสูรเยอะขนาดนี้ ฆ่าไปสองเดือนแล้ว จำนวนสัตว์อสูรไม่เพียงแต่จะไม่ลดลง หนำซ้ำยิ่งฆ่ายิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ”
พูดจบ ลู่ฝานพลิกมือคว้าไปในอากาศ กระแสน้ำปรากฏขึ้นในมือเขา จากนั้นลู่ฝานกลืนมันเข้าไป ตอนนี้วิชาแปรชี่เป็นห้าธาตุของเขายิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ ล้วนเป็นผลของการฝึกวิชาเทพยอดกลั่นยาอู๋จี๋ ที่ฝึกมาหลายวันมานี้
หวูเฉินที่ยืนดูการต่อสู้ ตั้งแต่ต้นจนจบ ยิ้มแล้วพูดออกมาว่า “ช่วงนี้ถือว่านายดวงไม่เลวนะ ไม่ได้เจอสัตว์อสูรที่ร้ายกาจมากกว่านี้ ถ้าดอกอำพันมังกร เรียกเต่าเกล็ดมังกรออกมา นายซวยแน่”
ได้ยินคำว่าเต่าเกล็ดมังกร ลู่ฝานหนังตากระตุก นั่นเป็นสัตว์อสูรที่เขาใช้ดอกอำพันมังกรเรียกออกมา เมื่อหนึ่งเดือนก่อน ทั้งตัวเหมือนกับหิน แข็งจนน่ากลัว ตอนนั้นลู่ฝานไม่ใช่คู่ต่อสู้ จำต้องวิ่งหนี
แท้ๆ แต่ไม่มีสัตว์อสูรโจมตีเขาสักตัว ลู่ฝานถามอยู่นาน จึงได้คำตอบ ที่แท้นี่เป็นวิชาหนึ่ง เรียกว่า
สองสามวันนี้ ลู่ฝานก็เรียนตามอยู่ระยะหนึ่ง แต่ประสิทธิภาพไม่ชัดเจนมาก
ลากศพเสือดาวปีศาจทั้งหมดเข้ามา ลู่ฝานเริ่มชำแหละด้วยมือเปล่า ดูว่าด้านในมีแก้วหินอสูรที่เขาต้องการหรือเปล่า
โดยทั่วไปแล้ว สัตว์อสูรขนาดเล็กแบบนี้ โอกาสมีแก้วหินไม่ค่อยมาก จากที่อาจารย์พูด ต้องเป็นอสูรกายอย่างพวกเต่าเกล็ดมังกร ที่ทัดเทียมกับนักบู๊แดนปราณในขึ้นไป ถึงจะมีแก้วหิน
ลู่ฝานชำแหละ 5-6 ตัวเต็มๆ เพิ่งเห็นแก้วหินขนาดเท่าหัวแม่มือหนึ่งเม็ด
ส่งให้หวูเฉินมองอย่างละเอียด หวูเฉินถอนหายใจออกมา “ไม่มีอุกกาบาตจิตเย็น ดูเหมือนว่าจะต้องเดินเข้าไปข้างในเรื่อยๆ”
ลู่ฝานถอนหายใจ แล้วพูดว่า “ใช้ของอย่างอื่นแทนไม่ได้เหรอครับ”
แต่ประสิทธิภาพที่กลั่นออกมา จะไม่ดี อุกกาบาตจิตเย็นคู่กับหินผนึกกำลัง เป็นการรวมตัวกันที่ดีที่สุด ไม่เพียงแต่จะมีประโยชน์ ในการควบคุมพลังฝึก อีกทั้งยังมีพลังดูดซึมฟ้าดินรวดเร็วขึ้นด้วย
ลู่ฝานพยักหน้า แล้วพูดว่า “โอเค งั้นหาต่อ อาจารย์ ผมรู้สึกว่าตัวเองสามารถก้าวหน้าได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะพลังปราณของผม ใกล้จะออกจากตัวแล้ว”
หวูเฉินตอบว่า “ฉันรู้ แต่ตอนนี้นายต้องระงับเอาไว้ พลังชี่กับพลังปราณต้องสมดุลกัน ก้าวหน้าพร้อมกัน ถึงจะเป็นโอกาสดีที่สุด”
ลู่ฝานพูดว่า “งั้นผมจะพยายามระงับไว้ พลังชี่ก็ใกล้จะออกมาแล้ว ผมเห็นกระแสลมที่ไหลอยู่ในจุดตันเถียน เป็นสี่สี มีอีกหนึ่งสี ก็จะได้แล้ว”
หวูเฉินอมยิ้ม แล้วพูดว่า “ถูกต้อง มีอีกแค่หนึ่งสี ก็จะได้แล้ว ฉันคิดไม่ถึงว่า นายฝึกด้านพลังชี่ จะมีความก้าวหน้าเร็วขนาดนี้เหมือนกัน”
ลู่ฝานพูดว่า “ผมอาจจะมีพรสวรรค์ด้านการฝึกชี่มั้งครับ”
พูดพลาง ลู่ฝานเอาหม้อไฟบุ๋นออกมาจากแหวน ใส่ชี่เข้าไป หม้อใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นลู่ฝานเอาเสือดาวโยนเข้าไปข้างใน บวกกับสมุนไพรที่ตัวเองเก็บมาบางส่วน จากนั้นจึงเริ่มเผา
ลู่ฝานโยนเปลวไฟในมือซ้ายเข้าไปในหม้อ ไม่นาน กลิ่นสมุนไพรบวกกับกลิ่นย่างเนื้อ ลอยออกมาพร้อมกัน