เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 481
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 481
ตงหวากว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา
แม้เป็นแค่พื้นที่เขตเดียว แต่กลับครองพื้นที่หลายหมื่นลี้
เป็นไปไม่ได้ที่จะข้ามฟ้าโดยไม่พึ่งความว่างเปล่า ไม่ว่านกตัวไหนก็ต้องบินไปทางทิศใต้
ประชากรเกินร้อยล้าน สัตว์อสูรนับไม่ถ้วน
ทั้งเขตตงหวา นับว่าเป็นเขตใหญ่พันเขตแรก ในเขตมากมายของประเทศอู่อาน
ภายในเขตมีเมืองเล็กใหญ่เต็มไปหมด ที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือเมืองตงหวา เมืองหลักในเขต
ว่ากันว่าผู้นำประเทศอู่อานเคยมาที่เมืองตงหวาหนึ่งครั้ง เมื่อเห็นเมืองตงหวาแวบแรก ก็พูดว่า “เมืองอันยิ่งใหญ่เกิดขึ้นทางทิศตะวันออก เต็มไปด้วยชื่อเสียงรุ่งเรืองทั่วหล้า!”
ประโยคนี้สามารถอธิบายชื่อเสียงของเมืองตงหวาได้
คำคมนี้ยังสลักอยู่บนกำแพงเมืองตงหวาจนถึงตอนนี้เลย
ตอนลู่ฝานกับหานเฟิงเห็นเมืองตงหวาเป็นครั้งแรก ถึงกับยอมรับความยิ่งใหญ่ของมัน
กำแพงเมืองสูงตระหง่านเหมือนขุนเขา สูงประมาณสามร้อยเมตร ล้วนทำมาจากหินศิลาดำ และราดด้วยเหล็กหลอมเหลว ดูทนทาน ดำขลับเหมือนหมึก ส่องแสงสว่างไสวภายใต้แสงอาทิตย์
ประตูเมืองเหมือนไม่ให้คนธรรมดาเข้า เหมือนทำมาเพื่อคนที่มีรูปร่างสูงใหญ่ บนประตูบานใหญ่สีดำแดงทั้งสองด้าน มีลายดอกไม้ซับซ้อนสลักอยู่ เห็นได้ชัดว่าเป็นค่ายกลทั้งป้องกันและโจมตี ระยะทางไกลที่กั้นอยู่ ลู่ฝานสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลที่มาจากประตูเมือง
น้ำในคูเมือง ไหลอย่างรวดเร็ว สะพานเหล็กสิบสะพาน แข็งแกร่งทนทาน
กำแพงเมืองทั้งสองด้าน มียักษ์ยืนตระหง่าน ในมือมีดาบแหลมคม ดวงตาดุดัน
นี่คือหุ่นเชิดคุ้มครองเมืองที่มีชื่อเสียงของเมืองตงหวา เทพมารซ้ายขวา กล่าวกันว่ามีพละกำลังระดับผู้แข็งแกร่งแดนเซียนบู๊ แข็งแกร่งสุดยอด
เข้ามาในเมือง ถนนกว้างใหญ่ รถม้าสิบคันสามารถเดินเรียงกันได้
โรงน้ำชาวางเรียงราย ร้านค้าตึกต่างๆ เต็มไปหมด
เงยหน้ามองไปด้านหน้า หอคอยสูงสี่หอคอยตั้งตระหง่านไปทางทิศเหนือ ใต้ ออก ตกของเมืองตงหวา
นี่เป็นหอคอยเทพคุ้มครองสี่ทิศ ใช้พลังสัตว์เทพทั้งสี่หลอมขึ้นมา แบ่งเป็น มังกรฟ้าแห่งทิศตะวันออก เสือขาวแห่งทิศตะวันตก หงส์แดงแห่งทิศใต้ เต่าดำแห่งทิศเหนือ
ภายในนั้นมีมังกรฟ้าแห่งทิศตะวันออกเป็นหลัก ดูดพลังฟ้าดินเป็นพลังค่ายกล
ถึงเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเซียนบู๊ ก็ไม่กล้ากำเริบเสิบสานในเขตที่มีหอคอยสัตว์เทพคุ้มครองปกคลุมอยู่
คนมากมายเดินไหล่ชนไหล่
มีคนมาค้าขายอย่างต่อเนื่อง รถราวิ่งขวักไขว่ เห็นได้ชัดว่าเมืองรุ่งเรืองมาก
ลู่ฝานยืนมองอยู่หน้าประตูเป็นเวลาประมาณหนึ่งก้านธูป แล้วพูดชมออกมาว่า “เป็นเมืองที่ยิ่งใหญ่จริงๆ”
หานเฟิงหัวเราะแล้วพูดว่า “ศิษย์น้องลู่ฝาน แค่นี้ก็ตกใจแล้วเหรอ ฮ่าๆ ดูเหมือนนายต้องเปิดหูเปิดตาเยอะๆ นะ ถ้าต่อไปนายไปเมืองหลวงของประเทศอู่อาน คงตกใจจนฟันหลุดเลยมั้ง”
เจ้าดำตกใจกับความรุ่งเรืองด้านหน้า เบิกตาโตมองไปรอบๆ เหมือนมันเพิ่งเคยเห็นเมืองของมนุษย์เป็นครั้งแรก มันมีสีหน้าอยากรู้อยากเห็นมาก
ลู่ฝานกลอกตามองบนใส่หานเฟิง “ศิษย์พี่หานเฟิง อย่าบอกนะว่าพี่ไปเมืองหลวงของประเทศอู่อานแล้ว”
หานเฟิงหัวเราะแล้วพูดว่า “ศิษย์น้องลู่ฝาน ดูถูกฉันเกินไปแล้ว อย่างน้อยฉันก็เจอโลกมาเยอะ รู้ไหมว่าอะไรคือโลก นั่นก็คือ……โลกที่กว้างใหญ่มากๆ ฉันไม่ได้โม้ใส่นายนะ ศิษย์พี่เจอเมืองใหญ่มาเยอะแล้ว”
ลู่ฝานพูดอย่างราบเรียบว่า “ผมรู้แค่ว่าถ้ามีใครมาพูดกับผมว่า ฉันไม่ได้โม้นะ ประโยคต่อไปเขาต้องโม้แน่นอน”
หานเฟิงอึ้งไป จากนั้นพูดว่า “นายต้องเชื่อฉันสิ วันหลังฉันกลับตระกูล จะเอาของดีมาให้นาย นายก็จะรู้ว่าสิ่งที่ออกมาจากเมืองใหญ่มันแตกต่างกัน”
ลู่ฝานขี้เกียจสนใจศิษย์พี่หานเฟิง อุ้มเจ้าดำที่หดตัวเล็ก เดินเข้าไปข้างใน