เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 506
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 506
ลู่ฝานหันมามองเซี่ยวเอ๋อร์แล้วพูดว่า “ในเมื่อนายแนะนำตำแหน่งแบบนี้ให้ผมได้ แล้วทำไมนายถึงต้องมาสอบผู้ตรวจการล่ะ”
สีหน้าของเซี่ยวเอ๋อร์เปลี่ยนไปทันที เชิดหน้าพูดว่า “นายไม่ต้องสนใจฉัน แค่นายบอกว่ายอมทำหรือเปล่า”
ลู่ฝานส่ายหน้าพูดว่า “ขอโทษด้วย ผมต้องการตำแหน่งข้าราชการ ไม่ใช่เงิน!”
เซี่ยวเอ๋อร์มองหน้าลู่ฝานอย่างละเอียด แล้วพึมพำว่า “นายไม่ขาดแคลนเงิน แต่กลับต้องการตำแหน่งข้าราชการ เป็นความต้องการของตระกูลเหรอ ตระกูลอะไรจะขาดตำแหน่งผู้ตรวจการชั้นล่างล่ะ หรือว่าเป็นความต้องการของคนรักนาย หรือไม่นายก็ต้องทำเรื่องอะไรผิดมา จึงต้องการตำแหน่งข้าราชการมาป้องกันตัว”
เซี่ยวเอ๋อร์เริ่มนับนิ้วทีละข้อๆ
ลู่ฝานขี้เกียจพูดเยอะ
ตอนนี้การต่อสู้สิ้นสุดลงแล้ว แปดคนสุดท้ายหอบหายใจ พวกเขาได้รับชัยชนะ
หนึ่งในนั้นแผลเต็มตัว เกือบจะล้มลงไปแล้ว
ลู่ฝานมองเขาแล้วส่ายหน้าเบาๆ สภาพแบบนี้จะผ่านด่านต่อไปได้ยังไง
การต่อสู้จบลงแล้ว ตัวของผู้อาวุโสปรากฏขึ้นในค่ายกลอีกครั้ง
ลู่ฝานแอบเรียกเจดีย์เสวียนเก้ามังกรในใจ “ไอ้เก้า ออกมาดูสิ ฉันรู้สึกว่าค่ายกลนี้น่าสนใจ เก็บไว้ได้ไหม”
เมื่อเจดีย์เสวียนเก้ามังกรได้ยินว่ามีค่ายกลให้เก็บ ก็ตะโกนออกมาทันที
“ไหนๆ อยู่ไหน เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ ฮ่าๆ ฉันรู้สึกถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของค่ายกล เอ่อ……เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ แน่ใจเหรอว่าจะเก็บค่ายกลนี้ นี่เป็นค่ายกลที่ถูกประทับโดยผู้สูงส่งเลยนะ ถ้าเก็บเอาไว้จะมีรอยประทับไปด้วย เจ้านายแน่ใจว่าจะเก็บไว้เหรอ”
ลู่ฝานขมวดคิ้วพูดว่า “งั้นเหรอ งั้นช่างเถอะ แต่เก็บค่ายกลไม่ได้ พลังก็ไม่สามารถเก็บได้ด้วยเหรอ”
เจดีย์เสวียนเก้ามังกรหัวเราะแล้วพูดว่า “เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ ตอนนี้วิธีของเจ้านายเหมือนฉันแล้ว ฉันกำลังจะพูดเลย แม้ไม่สามารถเก็บค่ายกลได้ แต่เราสามารถจัดการพลังได้ ให้ตายเถอะ ตอนนี้ฉันขาดแคลนพลังจริงๆ”
พูดพลางเจดีย์เสวียนเก้ามังกรอาศัยปราณชี่ของลู่ฝานเป็นพื้นฐาน ก่อตัวเส้นใยเป็นสาย เริ่มดูดซับพลังของค่ายกล
ลู่ฝานรู้สึกว่าพลังบริสุทธิ์เข้าสู่ร่างกายเขา และเข้าไปในมุขเทพ
เพราะเป็นของฟรี ได้เท่าไรก็เอาเท่านั้น
ผู้อาวุโสไม่รู้ว่าพลังของค่ายกลกำลังอ่อนลง เขากวาดตามองสิบคนที่เหลือแล้วพูดว่า “ดีมาก พวกนายสิบคนผ่านการคัดเลือกตาแรกแล้ว ตอนนี้ตามฉันมา”
เมื่อสะบัดมือ แสงค่ายกลสว่างขึ้นมา ลู่ฝานรู้สึกว่าความเร็วการดูดซับพลังของไอ้เก้าที่อยู่ในร่างกาย เร็วขึ้นในพริบตา
ขณะเดียวกัน ดวงดาวบนค่ายกลทั้งเจ็ดดวง มีดวงหนึ่งส่องประกายขึ้นมา
ทันใดนั้น ทุกคนรู้สึกว่าโลกหมุนเคว้ง จากนั้นพวกเขาปรากฏตัวอยู่ในแถบแห้งแล้ง
ทั้งตัวลู่ฝานแปรเปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณ กระตุ้นพลังชี่ฟ้าดินบริเวณรอบๆ
ไม่ใช่ภาพลวงตา แต่สถานที่เปลี่ยนไปจริงๆ
ที่นี่คือที่ไหน
คำถามของลู่ฝาน ก็คือคำถามของคนอื่นเช่นกัน
ผู้อาวุโสปรากฏตัวตามมาติดๆ จากนั้นเขาชี้ไปไม่ไกลแล้วพูดว่า “ด่านที่สองของพวกนาย สถานที่ที่เต็มไปด้วยภยันตราย เขาดาบทะเลเพลิง เมื่อฝ่าไปได้ พวกนายจะได้รับจิตอัคคี เมื่อได้มันแล้ว ถือว่าผ่านด่าน ส่วนคนที่ผ่านไปไม่ได้ ต้องรับผลที่ตามมาเอง ไม่พูดถึงความเป็นตาย พวกนายคิดดูให้ดีก่อน”
ลู่ฝานรีบเพ่งมองไกลๆ เต็มไปด้วยทะเลทราย ท่ามกลางความเลือนราง ลู่ฝานเห็นแสงเหมือนทองส่องแสงแวววาวอยู่ไกลๆ
เมื่อเดินไปข้างหน้าสักพัก ในที่สุดก็เห็นอย่างชัดเจนว่าคืออะไร
อาวุธกำลังลอยอยู่ หมุนวนเหมือนกับพายุทอร์นาโด