เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 51
หวูเฉินประคองลู่ฝานขึ้นมาจากพื้น ปัดฝุ่นที่อยู่บนตัวลู่ฝานออก
“ลู่ฝาน ตั้งแต่นี้ไป นายจะต้องเดินบนเส้นทาง ที่ไม่เคยมีใครเดินมาก่อน สิ่งที่ฉันช่วยได้ คือพวกวิชาผู้ฝึกชี่ ส่วนที่เหลือ ขึ้นอยู่กับตัวนายเอง”
ลู่ฝานพยักหน้าเข้าใจ
“โอเค ทุกอย่างก้าวหน้าอย่างราบรื่น เราไปหาอุกกาบาตจิตเย็นกันต่อ นายจะได้ถือโอกาสลองประสิทธิภาพพลังปราณด้วย ต้องแข็งแกร่งกว่าพลังปราณทั่วไป หรือพลังชี่อย่างแน่นอน”
หวูเฉินยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความปลาบปลื้ม
ลู่ฝานยิ้มเช่นกัน จากนั้นพูดว่า “ผมก็รอไม่ไหวแล้ว ถ้าตอนนี้ ให้ผมเจอเต่าเกล็ดมังกรอีกครั้ง ผมต้องซัดมันล้มด้วยหมัดเดียวแน่นอน”
ลู่ฝานกำหมัด รู้สึกถึงพลังที่พลุ่งพล่านในตัว พูดอย่างมั่นใจ
แต่ขณะนั้น จู่ๆ สีหน้าหวูเฉินเคร่งขรึม ดึงลู่ฝาน แล้วเด้งตัวขึ้นไปบนกิ่งไม้ข้างๆ หวูเฉินพูดอย่างร้อนใจ “อย่าพูด มีคนมา”
ทันใดนั้น ลู่ฝานรู้สึกว่ารอบๆ ทั้งหมด เปลี่ยนไปเหมือนภาพลวงตา แสงขมุกขมัวในมือหวูเฉิน ใช้วิชาร่างผสานฟ้าดิน และพาลู่ฝานเข้าไปในนั้นด้วย
ลู่ฝานรีบรวบรวมสติ แม้ไม่รู้ว่าทำไมอาจารย์ถึงมีท่าทางเหมือนเจอศึกใหญ่ แต่บอกได้เลยว่าวิชาร่างผสานฟ้าดินมหัศจรรย์จริงๆ เมื่ออยู่ด้านใน ลู่ฝานรู้สึกว่าลมพัดผ่านเข้าไปในตัว เหมือนเขาเป็นวิญญาณตัวหนึ่ง
ต่อมา ลำแสงหนึ่งพาดผ่านมาจากขอบฟ้า ตกลงตรงริมฝั่งทันที
ลำแสงกระจายออก เห็นเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งกับเด็กคนหนึ่ง
ผู้อาวุโสผมและเคราขาว สวมชุดนักบู๊ขาวดำทั้งตัว มีพลานุภาพยิ่งใหญ่สูงส่งแผ่ออกมา
ผู้หญิงอายุเท่าลู่ฝาน ใบหน้าเนียนละเอียด มัดผมหางม้า สวมชุดนักบู๊สีแดงเพลิงทั้งตัว หน้าตาดูมีราศี ในมือมีลำแสงที่กลายเป็นมีดสั้น
ลู่ฝานกลั้นหายใจ เห็นได้ชัดว่าผลการฝึกตนของสองคนนี้ ไม่ธรรมดา
ในทวีปปราณบู๊ คนที่สามารถสวมชุดนักบู๊ขาวดำได้ มีเพียงเซียนบู๊แดนหยินหยางในตำนานเท่านั้น
ตั้งแต่นักบู๊เริ่มฝึกพลังปราณออกมาได้ จะแบ่งเป็น ปราณใน ปราณนอก ปราณชีวิต ปราณดิน ปราณฟ้า ห้าระดับใหญ่ เมื่อผ่านห้าระดับนี้ ถึงจะเป็นแดนหยินหยาง
นักบู๊แดนหยินหยางในตำนาน มีความสามารถขนาดที่ปิดท้องฟ้าด้วยมือเดียว เบิกฟ้าเบิกดิน ตัวกลายเป็นลำแสง ไปได้ไกลร้อยลี้ในพริบตา นี่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของนักบู๊แดนหยินหยาง
เมื่อมาถึงระดับนี้ จะถูกมนุษย์เรียกว่า เซียนบู๊!
ลู่ฝานเพิ่งเคยเจอนักบู๊แดนหยินหยางเป็นครั้งแรก รู้สึกตื่นเต้นไปหมด เด็กผู้หญิงที่อยู่ข้างผู้อาวุโส ดูมีพละกำลังไม่ธรรมดาเช่นกัน พลังปราณกลายเป็นอาวุธ นี่เป็นพละกำลังที่ปราณในชั้นสุดยอดถึงจะทำได้ นักบู๊แดนปราณในชั้นสุดยอดที่อายุประมาณ 18 ปี ไม่สามารถจินตนาการได้จริงๆ
“อาจารย์โง่เขลา ดูสิหาผิดอีกแล้วใช่ไหม ที่นี่ไม่มีอะไรเลย”
เด็กผู้หญิงเบะปาก พูดอย่างไม่พอใจ
ผู้อาวุโสขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า “เป็นไปไม่ได้ รู้สึกถึงพลังงานเคลื่อนไหวอยู่ที่นี่แท้ๆ อีกทั้งยังไม่ได้จางหายไปด้วย”
พูดพลาง ผู้อาวุโสยกมือขึ้นสะบัด มีแสงเหมือนดวงดาวระยิบระยับ เกิดขึ้นบนทะเลสาบพระจันทร์เลือด
แสงกะพริบหลากหลายสีสัน ผู้อาวุโสพูดต่อ “มีพลังของพลังปราณ และมีพลังของพลังชี่ แปลกมาก มีคนฝึกวิชาพิเศษได้ที่นี่ หรือมีสมบัติล้ำค่าออกมาสู่โลกกันแน่!”
ผู้อาวุโสกำลังครุ่นคิด เด็กผู้หญิงข้างๆ เตะผู้อาวุโสอย่างไม่เกรงใจ แล้วพูดว่า “อาจารย์โง่ ไม่มีอะไรเลย ยังดูอะไรอีก รีบทำเรื่องสำคัญสักที บอกว่าจะมาหาสมบัติล้ำค่าไม่ใช่เหรอ”
ผู้อาวุโสโดนขัดความคิด พูดอย่างเหนื่อยใจว่า “โอเคๆๆ เราไปหาสมบัติล้ำค่า ยัยเด็กนี่ ไม่มีความอดทนสักนิด รอให้แกฝึกถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของปราณนอก ดูสิแกจะผ่านมันไปยังไง”
เด็กผู้หญิงยิ้มบางๆ จนเห็นฟันเขี้ยวน่ารักสองอัน แล้วพูดว่า “มีอาจารย์อยู่ไม่ใช่เหรอ ฉันจะกลัวอะไรล่ะ”
ผู้อาวุโสส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ กลายเป็นลำแสงขึ้นไปอีกครั้ง พาเด็กผู้หญิงหายไปตรงขอบฟ้า
ลู่ฝานพูดช้าๆ ว่า “อาจารย์ พวกเขาเป็นใคร”
หวูเฉินพูดเสียงเบาว่า “อย่าพูด”
ลู่ฝานไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ฟังคำพูดของอาจารย์ ยืนบนต้นไม้ ไม่ขยับไปไหน
รออยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้น ลำแสงโผล่ออกมาจากป่าอีกครั้ง ผู้อาวุโสเมื่อครู่ พาเด็กผู้หญิงมาที่ริมฝั่งอีกครั้ง
ผู้อาวุโสกวาดตามองไปรอบๆ แล้วพูดอย่างผิดหวัง “ดูเหมือนจะไปไกลแล้ว น่าเสียดายจัง ถ้าผู้รักสันโดษท่านใดอยู่ที่นี่จริง อยากสู้วิชากับเขาสักหน่อย”
เด็กผู้หญิงเบะปาก แล้วพูดว่า “อาจารย์โง่รู้จักแต่ต่อสู้ ต่อสู้ไปต่อสู้มา ไม่เห็นอาจารย์จะก้าวหน้าถึงแดนหยินหยางได้เลย”
ผู้อาวุโสพูดด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน “แดนหยินหยาง ฝ่าฟันได้ง่ายขนาดนั้นซะที่ไหนกันล่ะ รอให้แกเข้าสู่แดนหยินหยางเมื่อไร แกจะรู้เอง ช่างเถอะ จะพูดเรื่องพวกนี้กับแกไปทำไม ไปกันเถอะ หาสมบัติกัน”
ทั้งสองเดินเข้าไปในป่า ครั้งนี้ไม่ได้กลายเป็นลำแสงออกไป