เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 59
หลังผ่านไปครึ่งเดือน ในป่าทึบ คนสองคนและสุนัขหนึ่งตัว เดินไปข้างหน้าช้าๆ
หวูเฉินหลอมอุกกาบาตจิตเย็น เข้าไปในด้ามกระบี่แล้ว รูปหยินหยางปากว้าสีดำขลับตรงด้ามกระบี่ที่มองไม่เห็น ตอนนี้กลายเป็นสีฟ้า
อุกกาบาตจิตเย็นหลายสิบชั่ง สุดท้ายสามารถใช้บนด้ามกระบี่ได้เพียงนิดเดียว ความสิ้นเปลืองที่ไม่สมดุล ทำให้ลู่ฝานเศร้าใจ แต่หลังจากเขาสัมผัสได้ถึงประโยชน์ของอุกกาบาตจิตเย็น ก็ไม่เศร้าใจอีกแล้ว กลับรู้สึกคุ้มค่า
พลังระหว่างฟ้าดิน โดนอุกกาบาตจิตเย็นดูดซับอย่างต่อเนื่อง กลายรูป จากนั้นกลั่นเป็นพลังบริสุทธิ์ เข้าไปในร่างกายเขา
ไม่ว่าจะเป็นการฝึกพลังปราณของนักบู๊ หรือการฝึกพลังชี่ของผู้ฝึกชี่ ล้วนเป็นกระบวนการดูดซึมพลังฟ้าดิน ปราณชี่ของลู่ฝานก็ไม่ต่างกัน แต่เพราะเดิมที ความเร็วการฝึกของเขาช้านิดหน่อย จากที่อาจารย์พูด เพราะปราณชี่ของเขามีพลังสองชนิดรวมกัน ดังนั้นจึงต้องใช้พลังชี่ฟ้าดินเป็นสองเท่าเช่นกัน จากความเร็วการฝึกฝนของตัวเขา จะใช้ปราณชี่ฝึกจนเป็นรูปเป็นร่างได้ยาก มีเพียงการช่วยเหลือของอุกกาบาตจิตเย็น ความเร็วการฝึกของลู่ฝาน จึงจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
มิน่าล่ะ อาจารย์ถึงต้องหาอุกกาบาตจิตเย็นให้เจอ เพียงแค่นิดเดียว กลับทำให้การค้นหาหลายเดือน คุ้มค่าเป็นอย่างมาก
ลู่ฝานแบกกระบี่หนัก เดินหนึ่งก้าวหยุดหนึ่งก้าว
น้ำหนักอันน่ากลัว กดเขาจนแทบจะยกตัวไม่ได้ สุนัขที่เดินเหมือนคนอยู่ข้างๆ เดินเร็วกว่าเขาอีก ไม่ใช่สิ สุนัขยังแยกเขี้ยวยิงฟันใส่ลู่ฝานด้วย เหมือนกำลังหัวเราะเยาะ ที่ลู่ฝานเดินช้าขนาดนี้
เหงื่อบนตัวไหลออกมาเหมือนฝน ทุกก้าว ลู่ฝานจะเหยียบจนพื้นเป็นรอยเท้าลึก
สายตาของหวูเฉิน อยู่ที่สุนัขตลอดเวลา เขาหัวเราะแล้วถามว่า “ลู่ฝาน นายทำให้มันตามนายมาได้ยังไง สุนัขตัวนี้ ไม่ใช่สิ มังกรตัวนี้ ไม่ธรรมดานะ”
ลู่ฝานย่างเท้าช้าๆ แล้วพูดว่า “มังกร มันเป็นมังกรจริงเหรอครับ ทำไมดูเหมือนสุนัขเลย”
หวูเฉินพูดว่า “ง่ายมาก มันเป็นเลือดผสม แม้บนตัวมีเลือดมังกร แต่ก็มีเลือดสุนัขเหมือนกัน”
ลู่ฝานหัวเราะออกมา แล้วพูดว่า “อาจารย์จะบอกว่า มังกรกับสุนัขยังคบหากันได้เหรอ รูปร่างของพวกมันต่างกันขนาดนี้ จะเป็นไปได้ยังไงครับ!”
ลู่ฝานคิดถึงภาพที่สุนัขกับมังกรอยู่ด้วยกัน อดขำออกมาไม่ได้
หวูเฉินมองลู่ฝานอย่างดูหมิ่น แล้วพูดว่า “ต้องแปลกใจด้วยเหรอ นายไม่เคยเห็นเต่ามังกรที่มีสายเลือดมังกรเหรอ มังกรกับเต่าคบกันได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสุนัขแค่ตัวเดียว”
จู่ๆ ลู่ฝานพูดอะไรไม่ออก เหมือนสุนัขรู้ว่าลู่ฝานกำลังพูดถึงตัวเอง สะบัดขาหน้าสั้นๆ ทั้งสองข้างอย่างตื่นเต้น
“ลู่ฝาน นายยังไม่บอกเลยว่าทำให้มันตามมาได้ยังไง”
หวูเฉินอยากรู้เรื่องนี้มาก ลู่ฝานตอบว่า “แค่เนื้อย่างชิ้นเดียวก็จบแล้ว”
ครั้งนี้ หวูเฉินเป็นฝ่ายตกใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ พูดออกมาว่า “แค่เนื้อย่างชิ้นเดียวเหรอ”
ลู่ฝานพยักหน้าพูด “ใช่ครับ แค่เนื้อย่างชิ้นเดียว”
หวูเฉินส่ายหน้า “เฮ้อ ถ้าพวกผู้ฝึกชี่ที่เลี้ยงสัตว์อสูรโดยเฉพาะมาได้ยินคำนี้ คงต้องอับอายจนฆ่าตัวตาย เป็นมังกรที่เลี้ยงง่ายจริงๆ นายจะตั้งชื่อมันว่าอะไร”
ลู่ฝานคิดไปคิดมา แล้วพูดว่า “มันดำขนาดนี้ ชื่อเจ้าดำละกัน”
หวูเฉินขมวดคิ้ว “นายจะตั้งชื่อมังกรยักษ์ ที่ต่อไปจะตัวยาวเป็นพันฟุต ว่าเจ้าดำจริงเหรอ”
ลู่ฝานพูดว่า “ต่อไปมันจะกลายเป็นแบบไหน ใครจะไปรู้ล่ะครับ แต่ตอนนี้มันทั้งตัวเล็กและดำ ไม่ใช่เหรอครับ”
พูดพลาง ลู่ฝานชะงักฝีเท้าลง เรียกสุนัขสองครั้ง
“เจ้าดำ เจ้าดำ มานี่”
สุนัขได้ยิน ก็วิ่งมาจริงๆ เด้งตัวขึ้นไปบนหัวลู่ฝาน
หวูเฉินพูดอะไรไม่ออก โบกมือไปมาแล้วพูดว่า “ช่างเถอะๆ พอกันทั้งคู่ ตามใจพวกแกละกัน ลู่ฝาน ต่อไปถ้านายเจอผู้ฝึกชี่ที่เลี้ยงสัตว์อสูร นายต้องขอให้เขาสอนเทคนิคการเลี้ยงมังกรเด็กด้วยนะ สัตว์อสูรที่สายเลือดไม่บริสุทธิ์เช่นนี้ ต่อไปจะเป็นสุนัขหรือมังกร หลักๆ คงต้องดูจากการเลี้ยงดู กินอาหารอะไร ทำให้เชื่องอย่างไร ล้วนเป็นสิ่งสำคัญ”
ลู่ฝานพยักหน้าเข้าใจ แล้วพูดว่า “เข้าใจแล้วครับ”
หวูเฉินเงียบครู่หนึ่ง จู่ๆ พูดขึ้นมาว่า “แม้ฉันจะเลี้ยงสัตว์อสูรไม่เป็น แต่ฉันสอนอย่างอื่นให้มันได้ นายบอกว่ามันพ่นไฟได้ไม่ใช่เหรอ”
ลู่ฝานตาเป็นประกาย แล้วพูดว่า “เหรอครับอาจารย์ อาจารย์จะสอนอะไรให้มันครับ”
หวูเฉินยิ้มแล้วพูดว่า “นายคอยดูก็พอแล้ว”
……