เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 590
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 590
ตลาดตงเซียนในตระกูลลู่
เมื่อลู่ฝานพาลู่หาวกลับมา ทำให้ลูกหลานทั้งหมดของตระกูลลู่ ต่างมารวมตัวกันที่ลานหน้าบ้านและยืนดูอย่างเงียบๆ
เดิมทีลูกหลานตระกูลลู่ควรดีใจมากๆที่ได้ย้ายเข้ามาอยู่ในเมือง แต่ตอนนี้สีหน้าของพวกเขามีแต่ความโศกเศร้า โดยเฉพาะตอนนี้พวกเขามองเห็นลู่ฝานได้รับบาดเจ็บ และลู่หาวที่บาดเจ็บสาหัส ทำให้พวกเขารู้สึกแย่มากๆ ความรู้สึกแบบนี้ได้แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของทุกคน
ลู่เฮ่าหรานยังรู้สึกดีหน่อย เขาสั่งให้ลูกหลานของตระกูลลู่เข้าไปประคองลู่หาวเอาไว้
ลู่ฝานมองเห็นสีหน้าของทุกคน เขาไม่เอ่ยปากพูดอะไรอีก
เขารู้ตัวดี ตอนนี้พูดอะไรก็คงไม่มีประโยชน์แล้ว
“แยกย้ายได้แล้ว พวกเจ้าแยกย้ายได้แล้ว!”
ลู่เฮ่าหรานบอกให้ทุกคนลงไปพักผ่อน ทุกคนจากไปอย่างเงียบๆ
ลู่ฝานถามเบาๆ:”สถานการณ์เป็นยังไง มีคนในตระกูลเสียชีวิตกี่คน”
ลู่เฮ่าหรานเอ่ยปากพูด:”เสียชีวิตไปสามคน พวกเขาต่างเป็นเด็กหนุ่มสายตรงของตระกูล”
ลู่ฝานรู้สึกเจ็บปวดมากๆและพูด:”เรื่องนี้เป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่ควรเรียกพวกคุณมาที่นี่ในเวลานี้”
จู่ๆลู่เฮ่าหรานก็จับหัวไหล่ของลู่ฝาน และจ้องดวงตาของลู่ฝานแล้วพูด:”ลู่ฝาน ตอนนี้คุณคือผู้นำตระกูล คุณจะพูดแบบนี้ออกมาไม่ได้”
ลู่ฝานอึ้งไปเลย ลู่เฮ่าหรานตบไหล่ของลู่ฝานอย่างแรงและพูด:”คิดจะทำการใหญ่ มันต้องเกิดการสูญเสียอยู่แล้ว ตระกูลลู่ของพวกเราเป็นเพียงแค่ตระกูลเล็กๆ ถ้าอยากจะย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองใหญ่ๆอย่างเมืองตงหวานั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆอยู่แล้ว โดนกลั่นแกล้ง ทุกข์ทรมาน มันเป็นเรื่องที่พวกเราคาดคิดไว้แล้ว”
สายตาของลู่ฝานแน่วแน่มั่นคงมากขึ้น เขากัดฟันพูด:”แต่ความทุกข์ทรมานแบบนี้ อันที่จริงพวกเราสามารถหลีกเลี่ยงได้”
ลู่เฮ่าหรานส่ายหัวและพูด:”คุณคิดผิดแล้ว ความทุกข์ทรมานนั้นไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นๆ นายดูตัวนายเอง ถ้าไม่มีความทุกข์ทรมานในวัยเด็ก นายจะประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้เหรอ ถ้าไม่ใช่เพราะนายโดนกลั่นแกล้งมาโดนตลอด นายจะเป็นกระบี่หนักลู่ฝานในวันนี้เหรอ”
ลู่เฮ่าหรานนิ่งเงียบไปสักพัก จากนั้นก็พูดอีก:”ตระกูลลู่ก็เหมือนกัน ถ้าไม่เคยเจอความทุกข์ทรมาน คนในตระกูลจะรู้เหรอว่าการย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองใหญ่ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย ความทุกข์ทรมานพวกนี้สำหรับคนๆหนึ่งและตระกูลหนึ่งแล้ว อันที่จริงมันเป็นเรื่องดี นายเข้าใจไหม?”
ลู่ฝานพยักหน้า
ลู่เฮ่าหรานดึงมือกลับมา จากนั้นก็ถอนหายใจยาวๆและพูด:”ลู่ฝาน ตระกูลลู่ของพวกเรา ตอนนี้ใครก็สามารถตายได้ มีเพียงนายเท่านั้นที่ห้ามตาย เมืองตงหวาแห่งนี้พวกเราไม่คุ้นเคยเลย คนที่พวกเราสามารถพึ่งได้ก็มีเพียงนายเท่านั้น ถ้านายยังไม่มีความมั่นใจกับตัวเอง แล้วตระกูลลู่ของพวกเราควรทำยังไงดี พวกเราควรกลับไปบ้านเกิดเหรอ พวกเราคงจะโดนคนในบ้านเกิดดูถูกอย่างแน่นอน”
ลู่ฝานกับลู่เฮ่าหรานสบตากันและหัวเราะออกมา
“วางใจได้ ฉันไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว เดี๋ยวให้ลูกหลานทั้งหมดของตระกูลลู่มารวมตัวกัน”
ลู่เฮ่าหรานมองเห็นลู่ฝานที่มีความมั่นใจในตัวเองอีกครั้ง เขาพยักหน้าและเข้าใจแล้ว
หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ลูกหลานทุกคนในตระกูลลู่ก็มารวมตัวกันในห้องโถงใหญ่
ลู่ฝานนั่งอยู่ด้านบนสุดด้วยท่าทางเคร่งขรึม
ด้านล่าง ลูกหลานของตระกูลลู่ยืนมองดูลู่ฝานอย่างเงียบๆ
เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ลู่ฝานในเวลานี้ มีความสง่างามและน่าเกรงขาม นี่ไม่ใช่เพราะเขามีพลังที่แข็งแกร่ง แต่มันคือจิตใจของลู่ฝานได้เปลี่ยนไปแล้วต่างหาก
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เขาสัมผัสได้ถึงภาระอันหนักอึ้งที่อยู่บนบ่าของตัวเอง
เขาในฐานะผู้นำตระกูล เขาต้องพาตระกูลลู่รุ่งเรืองมากขึ้น
ลู่ฝานค่อยๆลุกขึ้นมา
“ลูกหลานทุกท่านในตระกูลลู่ ลุงๆป้าๆทุกท่าน วันนี้ฉันมีคำพูดที่จะบอกให้พวกคุณทราบ”
ถึงแม้น้ำเสียงของลู่ฝานจะนิ่งสงบมากๆ แต่น้ำเสียงของเขาทรงพลังมากๆ ทำให้สายตาของทุกคนมองมาที่ใบหน้าของลู่ฝาน
“ฉันรู้ดี วันนี้ตระกูลลู่ของพวกเราสูญเสียครั้งใหญ่ ความผิดไม่ได้อยู่ที่พวกเขา ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง ฉันในฐานะผู้นำตระกูล แต่กลับทำให้ตระกูลลู่ต้องได้รับความเดือดร้อน ฉันขอใช้โอกาสนี้ กล่าวขอโทษทุกคนด้วย”