เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 60
ผ่านไปไม่กี่ชั่วยาม ดวงดาวระยิบระยับเต็มฟ้า
หม้อไฟบุ๋นวางอยู่ข้างๆ เจ้าดำยืนอยู่ด้านบน
ภายใต้การบังคับของหวูเฉิน เจ้าดำพ่นเปลวไฟดำออกมาอย่างยากลำบาก ย่างสัตว์ป่ากับสมุนไพรที่ได้มาใหม่
ลู่ฝานนั่งบนพื้น วางกระบี่หนักบนพื้น ยิ้มแหยๆ แล้วพูดว่า “อาจารย์ นี่คือสิ่งที่จะสอนมันเหรอ ให้เจ้าดำรู้จักการย่างนะ”
หวูเฉินยิ้มแล้วพูดว่า “ทำไม นี่เป็นงานฝีมือเหมือนกัน นายต้องเอาทุกวินาทีมาฝึกฝน เรื่องการย่าง ล่าสัตว์ ที่รบกวนชีวิตแบบนี้ ให้เป็นหน้าที่เจ้าดำ ฉันว่ามันมีความเข้าใจมาก เรียนการย่างไม่ใช่ปัญหา เจ้าดำ ไฟแรงแล้ว!”
หวูเฉินทำท่ากดมือลง เจ้าดำเห็นการกระทำของหวูเฉิน ก็รีบลดเปลวไฟให้เล็กลง
ลู่ฝานเห็นดังนั้น จึงพูดอะไรไม่ออก สมาธิทั้งหมดอยู่บนกระบี่หนักด้านหน้า
ตั้งแต่วันแรกที่ได้กระบี่หนักและทื่อ ลู่ฝานเอาแต่ครุ่นคิดถึงตัวอักษรบนตัวกระบี่
แม้ตอนนี้ยังไม่ได้อะไร แต่ลู่ฝานรู้สึกว่าตัวเองมองอะไรออกนิดหน่อย
ลู่ฝานรวบรวมสมาธิ มองตัวอักษรบนตัวกระบี่ไปมา
วันนี้รู้สึกแปลกไปเล็กน้อย มองไปมองมา ในหัวของลู่ฝาน “มองเห็น” กระบี่หนักฟันออกไป
กระบี่นี้ธรรมดาไม่หรูหรา โจมตีด้วยการฟันออกไปแบบธรรมดาๆ แต่กลับทำให้ลู่ฝานรู้สึกเหมือนฟ้าถล่มดินทลาย
ราวกับว่าเมื่อฟันลงไป ไม่มีอะไรที่ขัดขวางการล้างทำลายได้ ไม่มีอะไรที่ทำลายไม่ได้
ลู่ฝานสั่นไปทั้งตัว ละสายตาออกมาจากกระบี่เล่มนั้น
ตอนนี้ลู่ฝานเพิ่งรู้สึกว่าเหงื่อออกเต็มตัว
หวูเฉินเห็นลู่ฝานตั้งสติได้ จึงถามว่า “เข้าใจอะไรได้บ้าง”
ลู่ฝานพูดว่า “วิชากระบี่หนึ่งท่า แค่ท่าเดียว”
หวูเฉินยิ้มแล้วพูดว่า “เข้าใจวิชากระบี่ได้หนึ่งท่า นับว่าไม่เลวแล้ว ตั้งใจทำความเข้าใจ ไม่แน่ ต่อไปท่านี้ อาจเป็นท่าไม้ตายของนายก็ได้”
ลู่ฝานพยักหน้า แล้วพูดว่า “ผมรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน ท่าที่แข็งแกร่ง พลานุภาพอันน่ากลัว”
สายตามองไปยังตัวอักษรบนกระบี่อีกครั้ง ทันใดนั้น ลู่ฝานเห็นการเขียนของตัวอักษรตัวแรก ทำไมถึงให้ความรู้สึกเหมือนท่ากระบี่ในหัวเมื่อครู่
ทันใดนั้น ลู่ฝานมองออกแล้ว การเขียนตัวอักษรนี้ แฝงไปด้วยกลิ่นอายและความมีชีวิตชีวาของวิชากระบี่ ที่ผุดขึ้นมาในหัวเขาเมื่อครู่
ลู่ฝานหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง เจ้าของเดิมของกระบี่เล่มนี้ คืออัจฉริยะจริงๆ ใช้วิธีนี้เก็บรักษาเคล็ดวิชาบู๊ของตัวเองเอาไว้”
เมื่อจับต้นชนปลายได้ ลู่ฝานมีความสุขมาก มีตัวอักษรนี้เป็นสิ่งอ้างอิง ต่อไปเขารู้แล้ว ว่าควรฝึกฝนอย่างไร
แค่เขาสามารถเคลื่อนไหวกระบี่หนักเล่มนี้ได้……
ตอนนี้ เจ้าดำย่างเนื้อเสร็จแล้วเช่นกัน หวูเฉินเอาเนื้อย่างออกมา แม้มีบางส่วนที่โดนย่างจนเกรียม แต่ส่วนอื่นยังกินได้
ฉีกชิ้นใหญ่ให้เจ้าดำก่อน ส่วนที่เหลือหวูเฉินแบ่งกับลู่ฝาน
เจ้าดำกินเนื้อที่ตัวเองย่างอย่างมีความสุข หรี่ตาโตทั้งสองข้างลง
หวูเฉินหันไปมองท่าทางของเจ้าดำ จึงหัวเราะแล้วพูดว่า “ลู่ฝาน นายว่าต่อไปมันจะยิ่งขยันย่างเนื้อไหม”
ลู่ฝานพูดว่า “ดูจากท่าทางการกินของมัน แน่นอนอยู่แล้วครับ”
ลู่ฝานลุกขึ้นยืน จากนั้นแบกกระบี่ใหญ่ไว้ด้านหลัง พูดขึ้นมาว่า “พักผ่อนเสร็จแล้ว ฝึกฝนกันต่อ อย่างน้อยต้องตวัดกระบี่เล่มนี้ได้อย่างตามใจชอบ ก่อนเทศกาลเซ่นไหว้ประจำปีนี้ ผมอยากสอบเข้าสถาบันสอนวิชาบู๊”
หวูเฉินพยักหน้าข้างๆ แล้วพูดว่า “ถูกต้อง นายต้องไปสถาบันสอนวิชาบู๊ อีกทั้งทางที่ดี ต้องเข้าคณะหนึ่งเดียว”
ลู่ฝานถามว่า “ทำไมเหรอครับ”
หวูเฉินยิ้มแล้วพูดว่า “เพราะว่าถ้าฉันจำไม่ผิด ต่อไป วิชาที่เหมาะกับคนที่ฝึกทั้งบู๊และพลังชี่แบบนาย คือเพลงเต๋าหนึ่งเดียวของคณะหนึ่งเดียวเท่านั้น”
ลู่ฝานยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “เหรอครับ งั้นก็พยายามต่อ เพื่อเพลงเต๋าหนึ่งเดียว”
ลู่ฝานยืดหลังตรง หัวเราะออกมาเสียงดัง เจ้าดำที่อยู่ข้างๆ ก็เงยหน้าคำรามออกมาด้วยเช่นกัน