เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 663
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 663
แดดแรงมาก
เมื่อลู่ฝานกับอู่คงหลิงลืมตาขึ้นอีกครั้ง พวกเขากลับมาอยู่ข้างนอกแล้ว
นี่เป็นทางเดินเล็กๆ เมื่อลู่ฝานเห็นทางเดินนี้ก็หัวเราะออกมา เขาเคยมาที่นี่ เป็นทางเดินไปทะเลสาบน้ำแข็งไม่ใช่เหรอ
อย่าบอกนะว่าทางเดินเล็กๆ นี้ คือให้คนเดินออกมาแบบนี้
มีคนโดนเหวี่ยงออกมาจากก้นทะเลสาบทีละคน!
เจ้าดำกอดขาลู่ฝาน มันสั่นงันงก ตัวหดจนเหลือเล็กนิดเดียว
ลู่ฝานอุ้มเจ้าดำขึ้นมา ตอนนี้ขนาดตัวของเจ้าดำกลับไปเป็นตอนแรกที่พวกเขาเจอกันครั้งแรก
ลู่ฝานลูบหัวเจ้าดำ เจ้าดำนิ่งลงเยอะมาก
เจ้าดำทำท่าทางใส่ลู่ฝาน ลู่ฝานขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ทำไม เขาใส่อะไรให้แก”
เจ้าดำส่ายหัวเพื่อบอกว่าตัวเองก็ไม่รู้
แต่เมื่อมันอ้าปาก กลับพ่นเปลวไฟสีขาวดำออกมา
แค่พ่นออกมาครั้งเดียว ลู่ฝานเห็นพลังฟ้าดินรอบๆ พังทลายอย่างรวดเร็ว ภายใต้เปลวไฟที่พ่นออกมาเพียงครั้งเดียว ทำให้พลังฟ้าดินรอบๆ เหมือนผ้าใบพังลงมา เห็นพื้นที่สีดำข้างใน
“ทำลายธาตุ!”
อู่คงหลิงพูดอย่างตกใจขึ้นข้างๆ
ลู่ฝานเห็นแล้วก็อึ้งไป เจ้าดำเก่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร
แค่พ่นไฟออกมาครั้งเดียว กลับมีความสามารถทำลายธาตุได้แล้ว ลู่ฝานจำได้ว่าในบรรดาสัตว์อสูร สัตว์อสูรที่มีความสามารถทำลายธาตุ ล้วนเป็นสิ่งที่แข็งแกร่ง
ความสำเร็จของเจ้าดำในภายภาคหน้า คงก้าวหน้าเป็นอย่างมาก!
แต่หลังจากพ่นไฟออกมา เจ้าดำดูหงอยลงไม่น้อย
ลู่ฝานถามว่า “แกจะกลับไปพักผ่อนไหม”
เจ้าดำพยักหน้า จากนั้นมุดเข้าไปในเข็มขัดของลู่ฝาน เข้าไปในจวนอากาศธาตุ
ในจวนมีสมุนไพรกับยาเม็ดเป็นกอง เจ้าดำชอบที่นี่มาก
อู่คงหลิงแววตาเป็นประกาย “ลู่ฝาน นายมีอสูรวิเศษ ที่ต่อไปอาจเป็นอมตะได้”
ลู่ฝานยิ้มบางๆ “เป็นอมตะเหรอ คงงั้นมั้ง”
อู่คงหลิงยังอยากพูดอะไร แต่จู่ๆ มีเสียงดังขึ้นในป่าทึบ
สายตาลู่ฝานวูบไหว อู่คงหลิงก็มองข้างตัว
ทั้งสองใช้วิชากาย มาถึงจุดที่เกิดเสียงดัง
ตอนนี้ลู่ฝานแตกต่างจนไม่สามารถเอามาเทียบได้แล้ว แขนที่อริยปราชญ์สวรรค์บันดาลให้เขา ทำให้พละกำลังของเขาพุ่งถึงแดนปราณชีวิตแล้ว
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น เพิ่งข้ามแดนมาหนึ่งแดน ต้องใช้เวลาปรับตัวครึ่งเดือน หรือไม่ก็หนึ่งเดือน
แต่ลู่ฝานไม่มีปัญหานี้ เขาสัมผัสด้วยตัวเองในแดนมายามาแล้วว่าวิทยายุทธแดนปราณชีวิตเป็นอย่างไร
ลองใช้สักนิด ก็จะคุ้นเคย
มีเพียงสิ่งเดียวที่แตกต่างหลังจากเข้าสู่แดนปราณชีวิต นั่นก็คือการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
กระดูกแขนข้างหนึ่งของอริยปราชญ์ เหมือนทำให้ร่างกายของเขาเข้าสู่อีกระดับหนึ่ง ตอนขยับแขนขา เหมือนมีวิถีด้วย
ดูเหมือนอู่คงหลิงก็ยกระดับเหมือนกัน วิชากายเร็วขึ้นไม่น้อย พอจะฝืนตามการเคลื่อนไหวของลู่ฝานทัน
ทั้งสองเพ่งมอง เห็นคนสีดำขลับพิงต้นไม้อยู่
ตัวเกรียมทั้งตัว เหมือนบาดเจ็บสาหัส
เมื่อเห็นใบหน้าของเขา ลู่ฝานกับอู่คงหลิงหัวเราะออกมา
“อี่ว์เทียนซี! นายยังไม่ตายเหรอ!”
อี่ว์เทียนซีลืมตาช้าๆ ขยับตัวเล็กน้อย หญ้าชื้นด้านล่างตัวมีเสียงออกมา
“พวกนาย พวกนายยังไม่ตาย!”
อี่ว์เทียนซีมองทั้งสองคน พูดด้วยสีหน้าและแววตาโหดเหี้ยม
ลู่ฝานมองเขาอย่างราบเรียบ
“นายยังไม่ตาย แล้วเราจะตายได้ไงล่ะ”
อี่ว์เทียนซีพูดว่า “น่าเสียดาย กุยวัวตัวนั้นยังไม่แข็งแกร่งพอ ฆ่าพวกนายไม่ได้ ทำไม ลู่ฝาน นายจะฆ่าฉันไหม นายคิดถึงผลที่ตามมาหรือยัง”
ลู่ฝานพูดว่า “ผลที่ตามมาเหรอ นายจะบอกว่าตระกูลอี่ว์ของนายจะแก้แค้นฉันเหรอ เชื่อฉันสิ ถ้าฉันกลัวตระกูลอี่ว์ของพวกนาย ฉันก็ไม่ใช่ลู่ฝานสิ”
อี่ว์เทียนซีหัวเราะออกมา
“ในเมืองตงหวา คนที่เป็นศัตรูกับตระกูลอี่ว์ของเรา ล้วนมีจุดจบไม่ดี พวกนายก็เหมือนกัน”
อู่คงหลิงพูดแทรกขึ้นมาว่า “พอแล้ว ลู่ฝาน รีบฆ่าเขาเถอะ ไม่มีความจำเป็นต้องเสียเวลากับคนตาย”
พูดจบ อู่คงหลิงเดินมาข้างหน้า ปราณชี่รวมตัวเป็นกระบี่ยาว แทงไปที่อกอี่ว์เทียนซีทันที
กระบี่แทงทะลุตัวอี่ว์เทียนซีกับต้นไม้ใหญ่ด้านหลังเขา
อู่คงหลิงสีหน้าราบเรียบ เหมือนเธอทำเรื่องแบบนี้มาเป็นร้อยพันครั้งแล้ว ชินจนไม่รู้จะชินอย่างไรแล้ว สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด
ลู่ฝานมองศพของอี่ว์เทียนซีอย่างเฉยเมย ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เธอว่าเขาให้เราเห็นทำไม ถ้าเขาซ่อนตัวในที่ที่ไม่มีคน ไม่แน่เราอาจคิดว่าเขาตายไปแล้วก็ได้”
อู่คงหลิงพูดว่า “นี่คือสวรรค์ลิขิต”
เพิ่งพูดจบ จู่ๆ พลังฟ้าดินรอบๆ เคลื่อนไหวอย่างประหลาด
แม้การเคลื่อนไหวไม่ได้เห็นชัดเจน แต่ความสามารถในการสังเกตรอบด้านอันเฉียบแหลมของลู่ฝานสัมผัสได้