เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 685
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 685
เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมอู่คงหลิงถึงกระทำแบบนี้
หลังจากที่จูบกันเสร็จแล้ว อู่คงหลิงก็พูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า: “ลู่ฝาน นี่คือสิ่งที่ฉันต้องการก่อนที่จะจากไป”
เมื่อพูดจบ เสื้อผ้าบนร่างกายของอู่คงหลิงก็พลันหายสูญไป
เหลือเพียงแต่เรือนร่างอันงดงามปรากฏอยู่ภายใต้แสงจันทร์
ลู่ฝานรู้สึกเพียงว่าเปลวไฟที่ลุกโชนขึ้นมาจากบริเวณท้องน้อยนั้นได้เผาทำลายทุกอย่างลง
จากนั้น เขาก็โอบกอดร่างของอู่คงหลิงเอาไว้
ภายใต้แสงจันทร์ที่อร่าม บรรยากาศที่เป็นสุข
ค่ำคืนที่เงียบเหงา และมีสายลมพัดโชยอย่างอ่อนโยน
ผสมผสานเข้าด้วยกัน พร้อมกับเสียงอันแผ่วเบา
จนกลายเป็นท่วงน้ำนองเพลงอันไพเราะอย่างที่สุดในค่ำคืนนี้
ลำแสงปราณชี่ในร่างของลู่ฝานได้ปกคลุมทั้งสองคนเอาไว้
ปราณชี่ที่กำลังขยายตัว ยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้น จนลำแสงค่อย ๆ สว่างไสวมากกว่าแสงจันทร์ และส่องสว่างไปทั่วทั้งลานกว้าง
……
เช้าวันรุ่งขึ้น ลู่ฝานนอนเปลือยกายอยู่ที่ลานกว้าง
โดยมีเสื้อผ้าปิดอยู่ที่ร่างกายส่วนล่าง ส่วนร่างกายส่วนบนที่กำยำนั้นปรากฏอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์
เมื่อลืมตาขึ้นแล้ว ลู่ฝานก็ลุกขึ้นพร้อมกับลูบคลำศีรษะไปมา ไม่นานนักเขาก็นึกขึ้นได้ถึงความบ้าคลั่งที่เกิดขึ้นในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา
แต่เมื่อหันหน้าไปมอง ก็พบว่าอู่คงหลิงนั้นได้หายตัวไปแล้ว
ข้างกายมีจดหมายอยู่หนึ่งฉบับ โดยกระดาษจดหมายเป็นสีดำ ตัวอักษรเป็นสีขาว แสดงออกถึงความแตกต่างจากคนอื่น
ลู่ฝานหยิบจดหมายนั้นขึ้นมาดูอย่างละเอียด โดยด้านในจดหมายได้เขียนเอาไว้อย่างบรรจงว่า
“ลู่ฝาน ฉันได้นำเอาจิตอัคคีของนายไปแล้ว รวมถึงหยกแขวนจิตบู๊ของนายนั้น ฉันเองก็ได้นำเอาไปแล้วด้วย ต้องขอโทษอย่างมาก ที่ฉันโกหกหลอกลวงนาย เมื่อฉันได้ครอบครองร่างกายของนายแล้ว นายเองก็คงไม่สามารถที่จะเพิ่มพลังความสามารถได้มากขึ้นอีกเท่าไร แต่กลับกลายเป็นว่าพลังของนายนั้น ได้ถูกฉันดูดซับมาไม่น้อย จำไว้นะว่าต่อไปอย่าได้หลงเชื่อในพลังความสามารถของตนเองเกินไป มีบางอย่างที่อาจจะไม่ใช่ยาพิษ แต่กลับร้ายแรงหนักกว่ายาพิษเสียอีก ลืมฉันเสียเถอะ หวังว่าต่อไปพวกเราคงจะไม่พบเจอกันอีก ฉันไม่อยากที่จะลงมือฆ่านายด้วยมือของฉันเอง ในวันใดวันหนึ่ง นายเป็นคนดี หวังว่านายจะยังคงเป็นคนดีต่อไปตลอดชีวิต”
ลายมือตัวอักษรสวยงาม ราวกับตัวของอู่คงหลิงเอง
ลู่ฝานยิ้มเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้แสดงออกถึงความแตกต่างจากคนอื่นโดยสิ้นเชิง
ตอนที่อยู่ในห้องหินเธอพูดว่าประวัติความเป็นมาของเธอนั้นเป็นเรื่องเท็จ?
ลู่ฝานกลับไม่คิดอย่างนั้น เมื่อเรามองว่าเรื่องเท็จนั้นคือเรื่องจริง เรื่องจริงก็อาจจะกลายเป็นเรื่องเท็จก็ได้ ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จ ก็ยากที่จะแบ่งแยกอย่างชัดเจน
ลู่ฝานก็ยังคงเต็มใจเชื่อสาวน้อยที่มีประวัติความเป็นมาที่น่าสงสารในห้องหินคนนั้น
พลิกกระดาษจดหมายอีกหน้าหนึ่ง ก็ยังมีอักษรข้อความอยู่อีก
“การพบเจอกันเทียบไม่ได้กับความคิดถึง เมื่อคิดถึงก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพบเจอกัน! ”
ลู่ฝานอ่านไปมาอยู่หลายรอบ จากนั้นก็เกิดเปลวไฟขึ้นในมือ กระดาษจดหมายก็ถูกเผาไหม้กลายเป็นผุยผงลงในพริบตา
เวลานี้ เสียงของเจดีย์เสวียนเก้ามังกรก็ดังขึ้นในร่างของเขา
“เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ ท่านตื่นขึ้นมาแล้ว โดยสถานการณ์เมื่อคืนวานนี้ฉันได้บันทึกเอาไว้ทั้งหมดแล้ว ท่านต้องการจะรับชมอีกครั้งไหม? ”
ลู่ฝานอ้าปากค้างโดยพลัน จากนั้นก็พูดตวาดในใจว่า: “อะไรนะ นายบันทึกอะไรไว้เหรอ? รีบลบทิ้งไปเดี๋ยวนี้เลย ช้าก่อน อย่าเพิ่งลบทิ้งไปก่อน ช่างมันเถอะ เก็บมันไว้ก่อนก็ได้”
ลู่ฝานสีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แล้วพลันกัดฟันพูดว่า: “ไอ้เก้า เมื่อคืนวานฉันถูกมอมยาใช่ไหม ทำไมนายถึงไม่ยอมช่วยฉันล่ะ”
เจดีย์เสวียนเก้ามังกรพูดขึ้นว่า: “เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ เรื่องแบบนี้คงไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือหรอกนะ ตอนนั้นไอ้เซียนสือฟางต้องการอย่างมากแต่ก็ไม่เห็นจะได้เลย ฉันมองว่าหญิงสาวคนนั้นงดงามมาก อีกทั้งไม่ได้ใช้กลิ่นหอมอะไรที่ทำให้หลงใหล แต่มันคือกลิ่นหอมบริสุทธิ์จากร่างกายของเธอทั้งหมด ร่างกายของเธอมีเสน่ห์น่าหลงใหลโดยกำเนิด ไม่มีพิษมีภัยอะไร ดังนั้นฉันจึงไม่ได้ยื่นมือเข้าช่วย”
ลู่ฝานขมวดคิ้วและพูดขึ้นว่า: “ร่างกายมีเสน่ห์น่าหลงใหลโดยกำเนิด? ”
เจดีย์เสวียนเก้ามังกรพูดขึ้นว่า: “ใช่สิ ร่างกายมีเสน่ห์น่าหลงใหลโดยกำเนิด มีแรงดึงดูดธรรมชาติ เป็นผู้ฝึกชั่วร้ายที่มีสภาพร่างกายชั้นยอด อนาคตน่าจะประสบความสำเร็จอย่างไม่ธรรมดาเลย! ”
ลู่ฝานไม่คิดที่จะถามต่อว่าแรงดึงดูดนั้นคืออะไรแล้ว เขาพอที่จะคาดเดาออกบ้างแล้ว
“ไอ้เก้า ต่อไปหากพบเจอเรื่องแบบนี้อีก นายจะต้องแก้พิษให้ฉันทันที จากนั้นก็หลบหลีกไป หลบหลีกไปนายเข้าใจไหม? หากว่านายไม่เข้าใจ ฉันก็จะจับนายโยนทิ้งไปเดี๋ยวนี้”