เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 713
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 713
ดวงอาทิตย์ส่องแสงบนตัวของชายชราตามทางเข้าถ้ำ
หายใจเข้าลึกๆ ชายชราก็กระโดดขึ้น
ทันทีที่เขากระโดดออกมา สัตว์อสูรทุกตัวในป่ารกร้างโดยรอบก็จ้องมองมาที่เขา
สัตว์อสูรเหล่านี้ ทั้งหมดสูงเกินสิบฟุต ถือไม้กระบองยักษ์ และหัววัวร่างเป็นคน และแข็งแรงราวกับภูเขา
ทันทีที่เห็นชายชรากระโดดออกมาก็คำรามพร้อมเพรียงกัน ต่อมามองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และกรวดใต้ฝ่าเท้าก็รวมตัวกันอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นเกราะปกคลุมอยู่บนตัวของพวกมัน
เสียงคำรามดังมาก สัตว์อสูรหัววัวเหล่านี้ แต่ละตัวมีความแข็งแกร่งที่ไม่อ่อนแอไปกว่านักบู๊แดนปราณดิน
ชายชราลอยอยู่ในกลางอากาศ เพียงแค่กวาดสายมองพวกมันแวบหนึ่ง
ต่อมาก ชายชราก็โบกมือเบาๆ ลมก็พัดอย่างรุนแรง ฟ้าถล่มดินทลาย
มือยักษ์ข้างหนึ่งตกลงมาจากท้องฟ้า และกดลงอย่างรุนแรง
ราวกับพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ทำลายล้างโลก ทำลายทุกสิ่งในพริบตา
……
เมืองตงหวา
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา หุ่นเชิดตัวหนึ่งได้มาถึงที่ตระกูลลู่ภายใต้การดูแลของทหารกลุ่มหนึ่ง
ลู่ฝานยืนอยู่ที่หน้าประตูห้อง รอเป็นเวลานานแล้ว เมื่อเห็นหุ่นเชิดตัวนี้ สีหน้าของลู่ฝานก็กลายเป็นเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
“ส่งตัวของเขาไปที่สวนหลังบ้าน ไปเชิญพ่อของฉัน และคุณปู่ไปที่สวนหลังบ้านด้วยกัน!”
ลู่ฝานไม่ค่อยพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังในบ้าน
เมื่อเห็นว่าลู่ฝานดูอาฆาตแค้น ทุกคนไม่กล้าที่จะหายใจแรง และส่งตัวหุ่นเชิดที่มีแขนข้างเดียวไปที่สวนหลังบ้านอย่างรวดเร็ว
คนกลุ่มหนึ่งก็วิพากษ์วิจารณ์กัน เห็นได้ชัดว่าไม่เข้าใจลู่ฝานจะทำอะไรกับหุ่นเชิดตัวนี้
พูดตามตรง ขนาดคนในตระกูลอี่ว์ก็ไม่เข้าใจ ทำไมคนของจวนหัวหน้าเขตมาสืบคดี จะต้องย้ายหุ่นเชิดตัวนี้ออกไปด้วย
พ่อบ้านกลับรู้เรื่องอะไรบางอย่าง และตั้งใจขัดขวาง
แต่น่าเสียดายมาก หลังจากที่ผู้เฝ้าเมืองจางกับหัวหน้าเขตอี้ว์ออกหน้า เขาก็ไม่ได้พูดอะไร
หัวหน้าเขตอี้ว์ก็ไม่อยากที่จะมองหุ่นเชิดตัวนี้ ไม่ว่าลู่ฝานจะทำอะไรกับหุ่นเชิดตัวนี้ เขาก็ไม่อยากถามมากเกินไป
เขาขอแค่ลู่ฝานไม่มาถือโอกาสซ้ำเติมคนที่กำลังประสบเคราะห์ร้ายที่ตระกูลอี่ว์ก็พอ
ก่อนหน้าที่หัวหน้าเขตอี้ว์จะมา ได้อ่านข้อมูลของลู่ฝานมาอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยเฉพาะในช่วงการสังหารตระกูลหมู่ เขาได้อ่านซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง
ในสวนหลังบ้านของตระกูลลู่ ลู่หาวกับลู่เฮ่าหรานต่างก็รีบวิ่งไป
ทั้งสองคนไม่เข้าใจลู่ฝานเรียกพวกเขามาทำอะไรในเวลานี้ แต่พวกเขาก็มาแล้ว
เพราะพวกเขารู้ดีว่า ถ้าหากไม่มีเรื่องสำคัญ ลู่ฝานไม่มีทางให้พวกเขามาอย่างแน่นอน
“พวกคุณมากันเถอะ!”
เขาโบกมือให้ลูกหลานของตระกูลลู่ออกไป สวมหลังบ้านทั้งหมดก็เหลือแค่ลู่ฝาน ลู่หาว ลู่เฮ่าหรานทั้งสามคนและหุ่นเชิดตัวหนึ่ง
ลู่หาวพูดขึ้นมาว่า: “ลู่ฝาน นายเรียกพวกเรามาทำไม? หุ่นเชิดนี้มีประโยชน์อะไร สำคัญมากเหรอ?”
ลู่ฝานพยักหน้าพูดขึ้นมาว่า: “ก็ไม่ถือว่าสำคัญหรอกครับ อันที่จริง ผมตั้งใจทำลายเขา”
จากนั้น ลู่ฝานก็ฉีดปราณชี่เข้าไปในหุ่นเชิด
วินาทีต่อมา เลือดจางๆก็ปรากฏขึ้นบนร่างของหุ่นเชิด จากนั้นหุ่นเชิดก็ลืมตาทั้งสองขึ้น และยืนขึ้นมา
“ลู่ฝาน!”
หุ่นเชิดสั่นเทาไปทั้งตัว ต่อมาก็หันหลังจะวิ่ง!
ลู่ฝานเตะร่างกายส่วนล่างของหุ่นเชิดให้แหลกด้วยการเตะหนึ่งครั้ง ต่อมาจ้องมองดวงตาทั้งสองข้างของหุ่นเชิดอย่างไม่วางตาแล้วพูดขึ้นมาว่า: “กวนหาน ไม่เจอกันนานเลยนะ”
ได้ยินกวนหานสองคำนี้ ลู่หาวกับลู่เฮ่าหรานต่างก็ตกตะลึง
“กวนหาน? กวนหานของสำนักโลหิตพิฆาต เขาตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ลู่หาวอุทานออกมา
ลู่ฝานพูดอย่างใจเย็นว่า: “ใช่ ผมทำลายร่างกายของเขาไปแล้ว แต่เขายังมีชีวิตรอดด้วยวิธีนี้ กวนหาน แกคิดว่าจะซ่อนตัวตลอดไปได้จริงเหรอ?”
กวนหานพูดด้วยน้ำเสียงของกลไกว่า: “ลู่ฝาน นายฆ่าฉันไม่ได้ นายฆ่าฉันไม่ได้เด็ดขาด”
ลู่ฝานยกมือขึ้น และพูดเสียงดัง: “งั้นฉันก็จะลองดู”
กวนหานตะโกนเสียงดังว่า: “นายฆ่าฉันแล้ว ฉันก็จะให้ทั้งตระกูลลู่ของแกฝังไปด้วยกัน!”