เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 72
ลู่ฝานเพิ่งรู้เป็นครั้งแรกว่าในสถาบันสอนวิชาบู๊ มีผู้ฝึกชี่ด้วย
เห็นลู่เฮ่าหรานสีหน้าเป็นกังวล ลู่ฝานมีความคิดอยากบอกพวกเขาว่า ตัวเองก็เป็นผู้ฝึกชี่เหมือนกัน
แต่เขาอดกลั้นเอาไว้ ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อใจปู่กับพ่อ แต่เรื่องใหญ่มาก เกี่ยวพันไปถึงความลับปราณชี่ด้วย ลู่ฝานจึงไม่ได้พูดออกมา
ตอนนี้ลู่เฮ่าหรานเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ยิ้มแล้วพูดกับลู่ฝานว่า “ลู่ฝาน นายอายุ 18 ปีบริบูรณ์แล้ว หาภรรยาให้นายก่อนดีไหม นายบอกมาก่อน ว่ามีคนที่ชอบหรือเปล่า”
ลู่ฝานกำลังกินอยู่ เกือบสำลักออกมา พูดอย่างกระอักกระอ่วนเล็กน้อยว่า “ยังไม่มีคนที่ชอบครับ แต่ไม่จำเป็นต้องรีบขนาดนี้หรอกครับ ผมยังไม่ได้เตรียมตัวแต่งงานเลย”
ลู่เฮ่าหรานหัวเราะออกมา แล้วพูดว่า “นายไม่ต้องเตรียมอะไรเลย นายแค่เลือกผู้หญิงหนึ่งคน จากที่ฉันหาให้ก็พอแล้ว ช่วงนี้นายฝึกฝนอยู่บนเขา อาจไม่รู้ว่า คนที่มาขอนายแต่งงาน มากันจนธรณีประตูตระกูลลู่ จะพังแล้ว นายก็ควรจะแต่งภรรยาได้แล้ว รีบแต่งงานมีลูก จะได้มีคนสืบสกุลต่อไป”
ลู่ฝานส่ายหน้าไปมาเหมือนกลองป๋องแป๋ง แล้วพูดว่า “ไม่จำเป็นๆ ผมไม่อยากแต่งงาน ตอนนี้ไม่อยากแต่งงานเลย ลู่หมิงยังไม่แต่งเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
ขณะที่ทำอะไรไม่ถูก ลู่ฝานทำได้เพียงเอาลู่หมิงมาเป็นโล่กำบัง
แต่ขณะนั้น ลู่เฟิงพูดว่า “ลู่ฝาน นายเอาลู่หมิงมาพูด ลู่หมิงเลือกภรรยาเอาไว้แล้ว อีกฝ่ายชื่อสวี่หัง เป็นลูกสาวของนักธุรกิจร่ำรวยตระกูลสวี่ จะแต่งงานในช่วงงานเทศกาลเซ่นไหว้ประจำปีในปีหน้า ไม่งั้นนายก็ทำอะไรให้เร็วสักหน่อย แต่งงานพร้อมกันกับลู่หมิงไปเลย”
ลู่ฝานอ้าปากค้าง แล้วพูดว่า “ไม่ครับ ผมไปหาในสถาบันสอนวิชาบู๊ดีกว่า ในสถาบันสอนวิชาบู๊ต้องดีกว่านิดหน่อยแน่นอน”
ลู่ฝานทำได้เพียงเอาคำพูดนี้มารับมือ ไม่มีใครรู้ว่าในสถาบันสอนวิชาบู๊เป็นยังไง แค่พูดไปมั่วๆ แล้วค่อยว่ากัน
ลู่เฮ่าหรานพูดว่า “ก็ได้ หาผู้หญิงในสถาบันสอนวิชาบู๊มาเป็นคู่ครองได้ ดีที่สุดอยู่แล้ว โอเค วันนี้ไม่บังคับนายแล้ว”
ลู่เฮ่าหราน ลู่หาวและลู่เฟิงเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของลู่ฝาน จึงหัวเราะออกมาเสียงดัง
งานเลี้ยงเทศกาลเซ่นไหว้ประจำปีที่เพลิดเพลิน สิ้นสุดลงท่ามกลางความเพลิดเพลิน
วันต่อมา ลู่ฝานเตรียมจะออกจากเมืองไปเขาซีซานตั้งแต่เช้า
พูดกันตามเหตุผล วันนี้ยังถือว่าเป็นเทศกาลอยู่ อาจารย์ก็หยุดเหมือนกัน แต่คนที่ฝึกจนเสพติดอย่างลู่ฝาน ไม่ให้เขาฝึกหนึ่งวัน รู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างไป เรื่องเทศกาลไม่เหมาะสมกับเขา ผ่อนคลายคืนเดียวก็พอแล้ว
สิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้น แม้เมื่อวานพ่อบอกว่าไม่บังคับเขาแต่งงาน แต่ไม่แน่วันนี้ อาจเอาลูกสาวตระกูลอื่นมาให้เขาดูก็ได้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ลู่ฝานรู้สึกขนหัวลุก หลบไว้ดีกว่า
เดินบนถนน วันนี้ร้านเปิดน้อยมาก กำลังอยู่ในบรรยากาศยินดีปรีดา
เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูเมือง จู่ๆ ลู่ฝานได้ยินเสียงต่อสู้
เลี้ยวไปถนนอีกเส้นหนึ่ง ลู่ฝานเห็นเงาที่คุ้นเคย
นี่มันลูกหลานตระกูลลู่ไม่ใช่เหรอ พวกเขามาทำอะไรที่นี่
คนที่เป็นผู้นำเป็นลู่เทียนกัง ลูกหลานตระกูลลู่ที่ลู่ฝานรู้จัก แต่ตรงข้าม เป็นลูกหลานตระกูลโม่ ซึ่งลู่ฝานไม่รู้จัก
แยกคนทั้งสองฝ่ายได้ง่ายมาก เพราะสวมเครื่องแต่งกายของตระกูลตัวเอง มีทั้งหมดสิบกว่าคน สู้กันบนถนน ไม่มีท่าทีจะแยกออกจากกัน
แต่ซอยเล็กๆ แบบนี้ เดิมทีไม่มีคนอยู่แล้ว บวกกับเป็นช่วงเทศกาลด้วย ดังนั้นบนถนน เหลือแต่สิบคนนี้ กำลังต่อสู้กัน คนอื่นพากันเปิดหน้าต่างดู เหมือนมองดูเรื่องสนุก
ในสถานที่ที่ให้ความสำคัญกับบู๊แบบนี้ มีเรื่องต่อสู้กันบนถนนทุกวัน แต่การเห็นลูกหลานสองตระกูลใหญ่ทะเลาะกันแบบนี้ เห็นได้ไม่บ่อย
“ลู่เทียนกัง ครั้งก่อนซัดนายไปยกหนึ่ง นายยังไม่ยอม ครั้งนี้ฉันจะซัดให้อีกยก ดูเหมือนปีนี้ นายคงอยากใช้ชีวิตบนเตียง”
พูดพลาง ลูกหลานตระกูลโม่คนหนึ่ง ถือกระบี่ยาวในมือ ฟันลงไปที่แขนลู่เทียนกังสองที
ลู่เทียนกังโดนซัดจนถอยหลัง ลูกหลานตระกูลลู่คนอื่น ท่าจะไม่ค่อยดีเช่นกัน
เหมือนลูกหลานตระกูลโม่พวกนี้ จะมีผลการฝึกตนสูงกว่าลูกหลานตระกูลลู่หนึ่งขั้น ลู่ฝานขมวดคิ้ว แม้ตอนแรกเขาจะมีเรื่องขัดแย้งกับลู่เทียนกัง แต่ยังไงคนพวกนี้ ล้วนเป็นลูกหลานตระกูลลู่
เห็นว่าลูกหลานตระกูลลู่ จะสู้ไม่ไหวแล้ว เพราะผลการฝึกตนสูงกว่าหนึ่งขั้น แสดงว่าพละกำลัง ความเร็ว ความสามารถในการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
บวกกับที่ตระกูลโม่ เป็นตระกูลบู๊ เคล็ดวิชาบู๊ไม่ได้ด้อย สองฝ่ายต่อสู้กัน พละกำลังเท่ากัน ลูกหลานตระกูลลู่ ใช่ว่าจะได้เปรียบ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ผลการฝึกตนสูงกว่าหนึ่งขั้น
ลู่ฝานรีบเดินเข้ามา ร่างกายเหมือนกับสายลม ชกไอ้คนที่จะฟันใส่ลู่เทียนกัง
แม้ลู่ฝานไม่ได้ใช้พละกำลังมากเท่าไร แต่ไอ้คนนั้นเหมือนโดนหินขนาดใหญ่กระแทกใส่ กระเด็นไปไกลกว่าร้อยฟุต กระแทกลงกับพื้นอย่างแรง
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
ลู่ฝานแผดเสียงออกมา กวาดตามองไปรอบๆ
ทันใดนั้น ทุกคนชะงักการกระทำ
“ลู่ฝาน พี่ลู่ฝาน”
พวกลูกหลานตระกูลลู่ เห็นลู่ฝาน ราวกับเห็นผู้ช่วยชีวิต รีบไปยืนหลังลู่ฝานทันที
ลูกหลานตระกูลโม่ฝั่งตรงข้าม รวมกลุ่มเช่นกัน กัดฟันมองลู่ฝาน พวกเขารู้ดีว่า ตัวเองสู้ไม่ได้
แต่ขณะนั้น มีเงาหนึ่งโผล่ออกมา
“ลู่ฝาน ท่าทางยิ่งใหญ่ดีนี่”
คนที่ออกมาพร้อมกับเสียงคือ โม่หลิน พ่อของโม่หยุนเฟย
โม่หยุนเฟยยืนอยู่ข้างโม่หลิน เดิมทีพวกเขามองดูอยู่ตั้งนานแล้ว
โม่หยุนเฟยรีบไปดู คนที่โดนลู่ฝานชกจนกระเด็น ส่วนโม่หลินเดินเข้ามาพูดว่า “ลู่ฝาน นายกล้าทำร้ายลูกหลานตระกูลโม่”
ลู่ฝานพูดอย่างราบเรียบว่า “แล้วยังไง”