เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 724
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 724
เมื่อได้ยินคำว่า “พาฉันไป” ผู้เฝ้าเมืองซ่งไม่มีความโกรธอีกแล้ว
เขาพยักหน้าพาลู่ฝานกับหานเฟิงเดินออกไปข้างนอก
มีองครักษ์ตามอยู่ข้างหลัง แต่ดูจากการสั่นของพวกเขา มีหรือไม่มีพวกเขาก็เหมือนกัน
ออกจากจวนผู้เฝ้าเมือง ผู้เฝ้าเมืองซ่งสะกดความกลัวของตัวเองได้แล้ว จากนั้นพูดออกมาว่า “ท่านผู้ตรวจการ ผมคิดว่าระหว่างเรามีเรื่องเข้าใจผิดกันเล็กน้อย หวังว่าหลังจากผมช่วยคุณหาคนเจอ ท่านผู้ตรวจการจะปล่อยผมไปสักครั้ง เพราะผมเป็นคนที่มาจากจวนหัวหน้าเขต มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับหัวหน้าเขตอี้ว์ หัวหน้าเขตคนปัจจุบัน”
ลู่ฝานปรายตามองผู้เฝ้าเมืองซ่ง แล้วพูดว่า “เชื่อฉันสิ ฉันก็เจอหัวหน้าเขตอี้ว์มาไม่น้อยเหมือนกัน ถ้าหาเจอคน ฉันจะปล่อยนาย ถ้าหาคนไม่เจอ นายก็รู้ผลอยู่แล้ว”
ผู้เฝ้าเมืองซ่งหางตากระตุก พยักหน้าอย่างทำอะไรไม่ได้
สภาพสังคมนี้ ใครมีพละกำลังมากก็คือทุกอย่าง ป้ายคำสั่งอะไรนั่นไม่ได้ใช้งานอะไรเลย
ผู้เฝ้าเมืองซ่งเดินนำ กลุ่มคนเดินอยู่บนถนน
ทางที่เดินผ่าน เกิดความวุ่นวาย ผู้คนพากันหลีกทางให้
ผู้เฝ้าเมืองซ่งสีหน้าอึมครึมเหมือนพ่อตาย สีหน้าไม่ดีเป็นอย่างมาก
ผู้คนเมืองหยุนไห่พากันถกเถียงกันเบาๆ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เดินอ้อมเลี้ยวไปเลี้ยวมา
เหมือนผู้เฝ้าเมืองซ่งจงใจพาลู่ฝานกับหานเฟิงเดินอ้อม โผล่มั่วไปมาบนถนนเมืองหยุนไห่
ลู่ฝานมีความอดทน จึงไม่ได้ถามมาก แต่บนมือเขามีปราณชี่สว่างขึ้นมา
ถ้าผู้เฝ้าเมืองซ่งกล้าล้อหลอกเขา เขาจะจัดการผู้เฝ้าเมืองซ่งทันที
เดินจากเมืองทางใต้มาเมืองทางเหนือ เข้ามาในถนนที่ดูไร้ผู้คน ผู้เฝ้าเมืองซ่งจึงเดินช้าลง
นี่คือแบบฉบับของแถบชายแดนเมือง มีคนยากจนแออัดกัน เห็นคนสวมเสื้อผ้าบางๆ ร่างกายซูบผอม ก็รู้สภาพความเป็นอยู่ของคนที่นี่
ผู้เฝ้าเมืองซ่งชี้ที่พักผุพังแห่งหนึ่ง แล้วพูดว่า “ท่านผู้ตรวจการ นั่นเป็นบ้านของหลิงเหยา”
ศิษย์พี่หานเฟิงอึ้งไป จากนั้นตะโกนว่า “นายล้อฉันเล่นหรือไง นี่จะเป็นที่อยู่ของศิษย์น้องหลิงเหยาได้ยังไง ให้ตายเถอะ กล้าหลอกฉัน นายอยากตายฉันไหม”
ศิษย์พี่หานเฟิงดึงกระบี่ฟ้าครามออกมา พลังธาตุทองของธาตุทั้งห้าสว่างขึ้นบนตัว
ตอนนี้ผู้เฝ้าเมืองซ่งรู้แล้วว่าเด็กที่เขาจะฆ่าเมื่อกี้ เป็นยอดฝีมือระดับไหน!
พระเจ้า นักบู๊แดนปราณชีวิต!
ในเมืองเล็กๆ แบบนี้ นักบู๊แดนปราณนอกถือเป็นจุดสูงสุดแล้ว นักบู๊แดนปราณชีวิต มีอำนาจมากมายจริงๆ
อีกทั้งนักบู๊แดนปราณชีวิตคนนี้ยังอายุน้อยขนาดนี้
อำนาจที่สามารถบ่มเพาะอัจฉริยะแบบนี้ออกมาได้ ต้องเหนือกว่าตระกูลซ่งของพวกเขาแน่นอน
ผู้เฝ้าเมืองซ่งรู้สึกวิงเวียน ขาอ่อนไปหมด
เมื่อเห็นว่ากระบี่ของอีกฝ่ายกำลังจะถึงคอตัวเอง ผู้เฝ้าเมืองซ่งรีบพูดว่า “ผมไม่ได้หลอกพวกคุณ ผมจะหลอกพวกคุณทั้งสองคนได้ยังไง นี่คือที่พักของหลิงเหยาจริงๆ ทั้งเมืองหยุนไห่ มีใครไม่รู้จักปีศาจสาวหลิงเหยาบ้างล่ะ นี่คือที่พักของเธอ”
“ปีศาจสาวเหรอ”
ลู่ฝานขมวดคิ้ว หลิงเหยาในความทรงจำของเขา ควรเรียกว่าเซียนสาวสิถึงจะถูก!
หานเฟิงดึงคอเสื้อผู้เฝ้าเมืองซ่งเดินไปข้างหน้า
เมื่อมาถึงประตู ห้องผุพัง ประตูเหลืออยู่ข้างเดียว
เมื่อผลักประตู บ้านคนจนตามแบบฉบับ มองแวบเดียวก็เห็นทุกอย่าง
“หลิงเหยา!”
ลู่ฝานเรียกออกมา ไม่มีใครตอบกลับ
เมื่อเดินเข้ามาในห้อง ลู่ฝานเห็นโต๊ะ เก้าอี้ เตียงนอนธรรมดาๆ อีกทั้งเสื้อผ้าที่วางเป็นระเบียบอยู่บนหัวเตียง!
ลู่ฝานหยิบขึ้นมาหนึ่งตัวแล้วให้เจ้าดำดม เจ้าดำพยักหน้าแล้วเห่าออกมา
“เป็นของหลิงเหยา!”
ลู่ฝานหันไปพูดกับหานเฟิง
หานเฟิงขมวดคิ้วพูดว่า “พระเจ้า ศิษย์น้องหลิงเหยาอยู่ในที่แบบนี้ เหลือเชื่อจริงๆ เธอฝึกเคล็ดวิชาบู๊ออกมาได้ยังไง ฝึกบู๊ก็ต้องเสียเงินนะ!”
ลู่ฝานถอนหายใจ เขาก็ไม่เคยคิดว่าสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวหลิงเหยาจะเป็นแบบนี้ มิน่าล่ะตอนเขาให้เลือดมังกรกับหลิงเหยาหนึ่งขวด หลิงเหยาจึงร้องไห้ออกมา
ผู้เฝ้าเมืองซ่งพูดว่า “เธอเป็นเด็กสาวซนๆ วันที่เธอเกิดในฤดูหนาว พ่อแม่ก็ตาย เติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูของเพื่อนบ้าน ใครจะรู้ว่ายัยเด็กคนนี้จะเรียนเคล็ดวิชาบู๊ที่นั่น อีกทั้งยังสอบผ่านการทดสอบของสถาบันสอนวิชาบู๊ นับว่าเธอเป็นคนมีชื่อเสียงของเมืองหยุนไห่ ท่านผู้ตรวจการ ผมว่าเธอต้องออกไปแล้ว ผมส่งคนของจวนผู้เฝ้าเมืองออกไปช่วยคุณหาดีกว่า เชื่อว่าไม่นานก็หาเจอ”
ลู่ฝานครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้าให้หานเฟิง
หานเฟิงปล่อยมือแล้วพูดว่า “ถ้าหาศิษย์น้องหลิงเหยาไม่เจอ ฉันจะทำให้นายพรุนทั้งตัว”
ผู้เฝ้าเมืองซ่งตัวสั่น จากนั้นพูดอย่างนอบน้อมว่า “หาเจอแน่นอนครับ”
พูดจบ ผู้เฝ้าเมืองซ่งพาองครักษ์ออกไป แอบได้ยินเสียงตะโกนของเขาอยู่เล็กน้อย