เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 744
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 744
งูขนาดประมาณหนึ่งฟุตมีเกือบร้อยตัว น่าขยะแขยงเป็นอย่างมาก
หลิงเหยาเดินเข้ามาดู “วิชาคุมวิญญาณ นี่เป็นวิชาของผู้ฝึกฝนชั่วร้าย ลู่ฝาน เขาโดนคนควบคุมด้วยวิธีนี้ เขาเป็นแค่หุ่นเชิดร่างคนเท่านั้น”
ลู่ฝานขมวดคิ้ว เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้
ป้ายจิตใจเต๋าสำนักมารที่อยู่ในแหวนเริ่มสั่นไปมา
เห็นได้ชัดว่าออร่าชั่วร้ายบนตัวสิบสามรุนแรงมาก ไม่ใช่วิธีธรรมดา
“นายโดนคนควบคุม ไม่สามารถทำอะไรได้เหรอ”
ลู่ฝานถามออกมา
สิบสามตอบว่า “ใช่”
ลู่ฝานคิดถึงวันที่อยู่ในคุกใต้ดิน ภาพที่นักบู๊พวกนั้นสู้พวกเขาไม่ได้แท้ๆ แต่ยังเข้ามาสู้สุดชีวิต ขนาดนักบู๊ที่โดนหานเฟิงกดอยู่บนพื้นแล้วยังขัดขืน
ลู่ฝานถามต่อ “คนอื่นก็เหมือนกันเหรอ”
สิบสามตอบว่า “ใช่”
ลู่ฝานทอดถอนใจ มองสิบสามแล้วพูดว่า “ที่แท้นายเป็นแค่คนที่น่าสงสาร หน่วยกล้าตายหรือไม่ก็เครื่องมือที่โดนคนชุบเลี้ยงขึ้นมา”
สิบสามไม่พูดอะไร มองลู่ฝานด้วยแววตาว่างเปล่า
ในแววตาของเขา ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย ไม่ร้องขอชีวิต ไม่ร้องขอความตาย
ลู่ฝานมองงูกับรอยแผลเป็นบนตัวเขา แล้วครุ่นคิดเงียบๆ
วิธีที่ดีที่สุดคือการฆ่าเขา เมื่อแก้ไขปัญหาหลักได้ ปัญหาอื่นก็จะสิ้นสุดลงไปด้วย แต่ลู่ฝานคิดว่าตัวเองทำไม่ได้
ถ้าเขาไม่รู้ว่าสิบสามที่อยู่ตรงหน้าเป็นแค่คนที่น่าสงสาร ไม่แน่เขาอาจตบอีกฝ่ายตายด้วยฝ่ามือเดียว แต่ตอนนี้ลู่ฝานไม่มีความคิดนั้นแล้ว
ลู่ฝานหันมาพูดกับหลิงเหยาว่า “หลิงเหยา เธอคิดว่าไง”
หลิงเหยากัดปากพูดว่า “เขาดูน่าสงสารมาก อีกทั้งตอนจับฉัน เหมือนเขาไม่ได้ทำอะไรฉัน พวกเลวคนอื่น รวมไปถึงซ่งจง คิดไม่ดีกับฉัน แต่เขาเอาแต่ยืนเงียบอยู่ตรงมุม”
ลู่ฝานพอเข้าใจความคิดของหลิงเหยา
ผ่านไปนาน ลู่ฝานพูดว่า “เจ้าดำ ขังเขากับตาเฒ่าคนนั้นเอาไว้ ทำลายแขนขาของเขา โยนเข้าไปในห้องเก็บฟืน”
พูดจบ ลู่ฝานมองตาสิบสาม พูดอีกว่า “จะเป็นหรือตายขึ้นอยู่กับตัวนายเอง ถ้านายมีอะไรอยากพูดกับฉันก็รีบพูด ฉันจะสืบว่าเจ้าสำนักของนายคือใคร”
สิบสามก้มหน้า ยังไม่พูดอะไร
เจ้าดำเด้งตัวลงจากไหล่ลู่ฝาน ลากสิบสามออกไป แล้วโยนเข้าไปในห้องเก็บฟืนแคบๆ
เมื่อจัดการเสร็จ เจ้าดำหันมายิ้มสอพลอให้ลู่ฝาน ลูบพุงกลมของตัวเอง
ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “หิวแล้วเหรอ ไปทำอะไรกินเองสิ”
เจ้าดำมองซ้ายมองขวา วิ่งเข้าไปในห้องครัวของบ้านหลิงเหยา
เมื่อพูดเรื่องกิน เหมือนหลิงเหยานึกอะไรได้ เธอดึงลู่ฝานไปข้างนอกแล้วพูดว่า “ลู่ฝาน นายมากับฉันหน่อย”
ลู่ฝานไม่รู้ว่าหลิงเหยาจะทำอะไร แต่ก็เดินตามหลิงเหยาไป
เมื่อออกจากห้อง หลิงเหยาเข้าไปในห้องผุๆ ที่อยู่ข้างๆ
ถ้าพูดว่าที่อยู่ของหลิงเหยาเป็นชุมชนแออัด งั้นที่นี่ยิ่งกว่าถนนที่เต็มไปด้วยคนไร้บ้าน
“คุณย่า หนูกลับมาแล้ว”
หลิงเหยาเรียกเบาๆ แล้วเดินมาข้างเตียง
ลู่ฝานมองไป เห็นหญิงชราคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียง เธอลืมตาขึ้นช้าๆ
“กลับมาแล้วเหรอหลิงเหยา”
มีน้ำตาไหลตรงหางตาของหญิงชรา ลู่ฝานยืนมองเงียบๆ อยู่ด้านข้าง
หลิงเหยารีบเอายาให้หญิงชรากิน จากนั้นหันมาพูดว่า “ลู่ฝาน นี่คือคุณย่าที่เลี้ยงฉันมาจนโต คนสนิทคนสุดท้ายของฉัน”
ลู่ฝานยิ้มแล้วพยักหน้า เดินเข้ามาเรียกว่า “คุณย่า”
หญิงชราอมยิ้มแล้วพยักหน้า ขณะนั้นลู่ฝานเห็นมือขวาของหญิงชราที่เป็นสีดำเล็กน้อย
ลู่ฝานขมวดคิ้วขึ้นทันที
สีดำแบบนี้ ทำให้เขานึกถึงฝ่ามือของอาจารย์ตัวเอง