เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 747
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 747
วันต่อมา ข่าวที่ผู้เฝ้าเมืองซ่งตายดังไปทั่วเมืองหยุนไห่
คนตระกูลซ่งแบกศพของผู้เฝ้าเมืองซ่งเดินวนในเมืองหนึ่งรอบ จากนั้นฝังศพผู้เฝ้าเมืองซ่งไว้นอกเมือง
ตามกฎหมายของประเทศอู่อาน เมื่อผู้เฝ้าเมืองตาย ให้รายงานต่อหัวหน้าเขต จากนั้นหัวหน้าเขตเป็นคนแนะนำคนให้เลือก ราชสำนักเป็นคนแต่งตั้ง
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด อันดับแรกน่าจะพิจารณาทายาทของผู้เฝ้าเมืองในพื้นที่ ว่ามีคุณสมบัติเป็นผู้เฝ้าเมืองได้หรือเปล่า รองลงมาคือผู้ตรวจการชั้นล่าง และเจ้าหน้าที่จวนหัวหน้าเขต
แต่ครั้งนี้ตระกูลซ่งประกาศว่าจะไม่เข้าร่วมการแนะนำ ส่วนเหตุผลภายในนั้น คนอื่นไม่รู้
แต่ลู่ฝานรู้เป็นอย่างดี ตระกูลซ่งโดนเล่นงานจนกลัว หรืออาจเป็นความคิดของพลเอกเฟิง ถ้าคนตระกูลซ่งยังกล้าเข้าร่วมการแย่งชิงตำแหน่งผู้เฝ้าเมืองหยุนไห่ ลู่ฝานไม่ถือสาที่จะฆ่าคนอีกสักสองคน
เขาจำได้ว่าตระกูลซ่งยังมีคุณชายเลวๆ อีกสองคน
นั่นหมายความว่า นับตั้งแต่วันที่ผู้เฝ้าเมืองซ่งตาย ตระกูลซ่งไม่ใช่ผู้กุมอำนาจในเมืองหยุนไห่อีกต่อไป ตำแหน่งผู้เฝ้าเมืองได้โยกย้ายให้คนอื่นแล้ว
วันนี้เป็นวันที่คนตระกูลซ่งมาร่วมงานศพ แต่เป็นวันที่คนเมืองหยุนไห่มีความสุข
ลู่ฝานเห็นคนจำนวนไม่น้อยเริ่มฉลอง เห็นได้ชัดว่าตระกูลซ่งอยู่ที่นี่ ไม่ได้รับการสนับสนุนค้ำจุนจากประชาชนขนาดไหน
บนร้านน้ำชา ลู่ฝาน หานเฟิงและคุณย่าเฉียน กำลังทานของว่าง
ลู่ฝานเอากระดาษมาเขียนจดหมาย
หลิงเหยาชะโงกหน้าเข้ามาดู “ลู่ฝาน นายรู้จักท่านหัวหน้าเขตด้วยเหรอ”
หานเฟิงหัวเราะแล้วพูดว่า “เขาไม่เพียงแค่รู้จัก เกือบเป็นลูกเขยของหัวหน้าเขตอี้ว์ด้วยนะ”
ลู่ฝานเงยหน้าขึ้นจ้องหานเฟิงทันที
หานเฟิงรู้ตัวว่าพลั้งปากพูด รีบเอาของยัดใส่ปากตัวเอง
หลิงเหยามองลู่ฝาน รอคำอธิบายของลู่ฝานเงียบๆ
ลู่ฝานถอนหายใจแล้วพูดว่า “นั่นเป็นการประลองบู๊หาคู่ที่น่าเบื่อ ฉันชนะ เขาจะยกหลานสาวให้แต่งงานกับฉัน ฉันไม่ได้ตอบตกลง ก็แค่นี้แหละ”
หลิงเหยายิ้มแล้วพูดว่า “ฉันเชื่อนาย”
คุณย่าเฉียนวางของว่างลง ใช้ไม้เท้าหัวงูเคาะลงบนพื้นอย่างแรง “น้อง เอาขาหมูมาหน่อย ของกินแค่นี้เอามาให้ใครกิน”
เสียงดังสนั่น เรียกจนเด็กคอหด ดูไม่ออกเลยว่าเป็นคนแก่ผมขาวเต็มหัว
“ลู่ฝาน นายเขียนจดหมายให้หัวหน้าเขตทำไมเหรอ”
หานเฟิงรีบพูดเปลี่ยนเรื่อง
ลู่ฝานพูดว่า “ผมนึกถึงคนคนหนึ่งได้ อยากแนะนำให้เขามาเป็นหัวหน้าเขตที่เมืองหยุนไห่ ผมคิดว่าตระกูลเขาต้องเต็มใจแน่นอน”
หานเฟิงถามว่า “ใคร”
ลู่ฝานพูดว่า “เจิงหยง”
หานเฟิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง จึงนึกออก “อ๋อ ลูกชายของเจ้าอ้วนเจิงเหรอ ทำไมนายถึงจะแนะนำเขาล่ะ”
ลู่ฝานหัวเราะแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรหรอก แนะนำเพื่อนไม่ดีเหรอ ถือโอกาสตอนที่หัวหน้าเขตอี้ว์เห็นแก่หน้าผม แนะนำเพื่อนไป ให้พวกเขามีอำนาจขึ้นหน่อย ทำการป้องกันก่อนที่เหตุร้ายจะเกิดขึ้นไง”
หานเฟิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง ส่ายหัวไปมาแล้วพูดว่า “มีเหตุผล ศิษย์น้องลู่ฝาน วันหลังถ้าฉันกลับตระกูล นายช่วยฉันออกความคิดหน่อยสิ สมองฉันไม่ได้ดีเหมือนนาย”
ลู่ฝานยิ้มแล้วพยักหน้า
คุณย่าเฉียนมองหานเฟิงแล้วพูดว่า “ตระกูลของพวกนายไม่ต้องใช้สมองหรอก”
หานเฟิงอึ้งไป จากนั้นบ่นขึ้นมา
“คุณย่าจะไปรู้อะไร”
หูของคุณย่าเฉียนขยับเบาๆ เหมือนได้ยิน แต่ไม่ได้ถือสาหาเอาความหานเฟิง
ขณะนั้นศิษย์พี่หานเฟิงมองไปนอกหน้าต่าง จู่ๆ เขาเห็นคนชุดแดง คนชุดเขียว คนชุดขาว คนชุดเหลือง เดินแยกเป็นกลุ่มๆ อยู่ด้านล่าง
“เอ๊ะ ศิษย์น้องลู่ฝาน ดูคนพวกนี้สิ”
ลู่ฝานมองลงไป แล้วขมวดคิ้วเบาๆ
“เหมือนคนพวกนี้ไม่ใช่คนสำนักเดียวกัน”