เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 79
หลังผ่านไปหนึ่งวัน ที่บ้านตระกูลโม่
โม่เทียนมองโม่หลินกับโม่หยุนเฟย ที่อยู่ข้างหน้า ความโมโหพลุ่งพล่าน
“ฉันเพิ่งเก็บตัวฝึกฝนเล็กๆ สองวัน คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องน่าอายแบบนี้ พวกนายยังไม่บอกฉัน ตอนนี้ทั้งเมืองเจียงหลิน คงไม่มีใครรู้ว่านักบู๊แดนปราณในชั้นเจ็ดผู้ยิ่งใหญ่อย่างโม่หลิน จะแพ้ให้ลู่ฝาน ที่เพิ่งฝึกพลังปราณได้ไม่นาน!”
โม่เทียนตบโต๊ะอย่างแรง โต๊ะแปดเซียนอย่างดี กลายเป็นผงด้วยการตบครั้งเดียว กระจายไปทั่ว
โม่หลินตากระตุก พูดเบาๆ ว่า “โม่หลินไร้ความสามารถ ทำให้พ่อ…..ทำให้ผู้นำตระกูลผิดหวัง”
โม่เทียนพูดว่า “ฉันไม่ต้องการฟังนายพูด โม่หยุนเฟย นายพูดมา ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น”
โม่หยุนเฟยมองโม่หลินแวบหนึ่ง ตอบรับเบาๆ จากนั้นเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นออกมา
ตอนพูดว่าลู่ฝานปะทะหมัดกับโม่หลิน โม่เทียนหันไปมองโม่หลิน แล้วพูดว่า “โม่หลิน หมัดทำลายล้างของนาย สู้วิชาหมัดของลู่ฝานไม่ได้เหรอ ตระกูลลู่ไม่มีวิชาหมัดที่เก่งกาจ เขาใช้วิชาหมัดอะไร”
โม่หลินกลืนน้ำลาย แล้วพูดว่า “คือ…คือหมัดทำลายล้างครับ!”
เมื่อพูดออกมา โม่เทียนพูดอย่างตกใจทันที
“นายพูดอีกรอบนะ”
โม่หลินกัดฟันพูดว่า “ความรู้สึกผมไม่ผิดแน่นอน เป็นหมัดทำลายล้างแน่ๆ แต่หมัดทำลายล้างของเขา เหมือนจะมีพลังกายทองไฟอาบอยู่ด้วย”
โม่เทียนแววตาโมโห จ้องโม่หลินเขม็ง
มองแววตาโม่หลิน เต็มไปด้วยความแน่วแน่ โม่เทียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า โม่หลินกำลังโกหก แต่เห็นได้ชัดว่าโม่หลินพูดความจริง
โม่เทียนสูดหายใจลึก แล้วพูดว่า “จากการที่เพิ่งเข้าสู่แดนปราณใน แต่สามารถเอาชนะแดนปราณในชั้นเจ็ดอย่างนายได้ อาศัยตำราชำรุดเล่มหนึ่ง สามารถฝึกวิชาหมัดที่เก่งกาจกว่าต้นฉบับได้ ลู่ฝาน เป็นอัจฉริยะระดับไหนกันแน่ ตอนนี้ฉันสงสัยมาก เบื้องหลังลู่ฝาน มียอดฝีมือคอยชี้แนะให้หรือเปล่า”
โม่หลินพยักหน้าพูดว่า “มีความเป็นไปได้สูง ลู่ฝานฝึกฝนกลับมาครั้งนี้ แบกกระบี่หนักมาด้วยหนึ่งเล่ม ตอนผมสู้กับเขา รู้สึกว่ากระบี่ของเขา แปลกประหลาดมาก ต้องไม่ใช่ของธรรมดาแน่นอน”
“งั้นคงใช่แล้วล่ะ”
โม่เทียนถอนหายใจออกมา
“สอนวิชาให้ก่อน แล้วค่อยให้อาวุธ นี่เป็นแนวทางการสอนลูกศิษย์ของอาจารย์ผู้มีชื่อเสียง คนตระกูลลู่ คงสั่งสอนอัจฉริยะแบบนี้ออกมาไม่ได้”
โม่หยุนเฟยแอบกัดฟัน ในใจเต็มไปด้วยความริษยา
เขารับไม่ได้ที่สวะอย่างลู่ฝาน ได้รับการชี้แนะจากยอดฝีมือ พลิกตัวกลับมาได้ ส่วนนักบู๊ที่มีพรสวรรค์ไม่เลวอย่างเขา กลับไม่มีโอกาสแบบนี้
โชคดีชะมัด โม่หยุนเฟยแอบพูดในใจ
เขากลับไม่รู้ว่า อันที่จริงพละกำลังของลู่ฝาน ส่วนใหญ่ล้วนมาจากการฝึกฝนอย่างหนัก
ผู้อ่อนแอ เห็นเพียงเกียรติยศและโอกาสของผู้แข็งแกร่ง แต่กลับมองไม่เห็นความเหนื่อยล้าและเจ็บปวด ที่อยู่เบื้องหลังผู้แข็งแกร่ง
ขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน มีเสียงเอะอะดังขึ้นนอกลานบ้าน เสียงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ
“ออกไปดูสิ เกิดอะไรขึ้น น่ารำคาญขนาดนี้ นับวันยิ่งไม่มีกฎเกณฑ์ขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนช่วงนี้ หลังจากพวกนายได้ยา ล้วนได้ใจกันใหญ่
โม่หลินทำได้เพียงพยักหน้า โม่หยุนเฟยรีบเดินออกไป ทันใดนั้น โม่หยุนเฟยพาคนกลับมาหนึ่งคน คนนั้นคือโม่ไห่
สีหน้าโม่หยุนเฟยไม่สู้ดีจนผิดปกติ ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน เขาไม่อยากบอกเรื่องนี้กับปู่จริงๆ
แต่จนปัญญา เรื่องนี้สำคัญมาก ถ้าไม่บอกปู่ รอปู่รู้หลังเกิดเรื่อง จะยิ่งโทษหนักเข้าไปอีก
บนหน้าโม่ไห่มีบาดแผล ใต้จมูกมีคราบเลือด ท่าทางเหมือนต่อสู้แพ้กลับมา
โม่เทียนเห็นสภาพโม่ไห่ ก็โมโหทันที พูดเสียงดังว่า “โม่ไห่ นายไปก่อเรื่องที่ไหนมาอีก”
โม่ไห่พูดอย่างตะกุกตะกัก “ไม่ได้ก่อเรื่องครับ แต่ลู่เทียนกังของตระกูลลู่….เขา….เขา…”
โม่ไห่พูดอึกอักคำว่า “เขา” อยู่นาน ไม่ได้พูดอะไรออกมาต่อ
โม่เทียนเบิกตาโตแล้วพูดว่า “เขาทำไม อย่าบอกนะว่านายสู้เขาไม่ได้”
โม่ไห่สั่นไปทั้งตัว จากนั้นก้มหน้าพูดว่า “ผู้นำตระกูลสายตาหลักแหลม ผมสู้เขาไม่ได้จริงๆ พี่น้องในตระกูลหลายคน โดนพวกเลวตระกูลลู่ ซัดหมดเลยครับ”
โม่เทียนอึ้งไปก่อน จากนั้นแผดเสียงออกมา “นายว่าอะไรนะ แกกินยาไปเสียเปล่าหรือไง”
โม่ไห่โดนตวาดจนปวดหู ถอยหลังไปสองสามก้าว แล้วพูดว่า “ผู้นำตระกูล เดิมทีหลังจากเรากินยา ลู่เทียนกังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเราสักนิด ถ้าครั้งก่อน ไม่ใช่เพราะลู่ฝานช่วย ผม…..”
พูดถึงตรงนี้ โม่หยุนเฟยจ้องโม่ไห่เขม็ง พูดสิ่งที่ไม่ควรพูดจริงๆ เมื่อกี้ปู่กำลังโกรธเรื่องนี้อยู่เลย
โม่ไห่กลืนคำที่จะพูดต่อลงคอ โม่เทียนพูดด้วยความโมโห “พูดต่อ ในเมื่อเดิมทีพวกเขาสู้พวกนายไม่ได้ แล้วครั้งนี้เกิดอะไรขึ้น ลู่ฝานมาช่วยอีกเหรอ เขาว่างจนไม่มีอะไรทำหรือไง วันๆ เอาแต่มาหาเรื่องพวกนาย”
โม่ไห่พูดเบาๆ ว่า “ครั้งนี้ลู่ฝานไม่ได้มาครับ”
“งั้นลู่หมิงช่วยเหรอ”
โม่เทียนถามต่อ
“ไม่ใช่เหมือนกันครับ ครั้งนี้ไม่มีใครช่วย แค่ลู่เทียนกัง เหมือนกินยาอะไรเข้าไป ผลการฝึกตนพุ่งสูงหนึ่งขั้น อีกทั้งพละกำลังแข็งแกร่งกว่าเราด้วย เราถึงได้แพ้อย่างเละเทะ”
พูดถึงสุดท้าย เสียงโม่ไห่เบาจนแทบจะไม่ได้ยิน