เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 812
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 812
แม้เสียงลู่ฝานราบเรียบ แต่มีความอาฆาตอันน่ากลัว
อาจารย์เต้ากวงมองแผ่นหลังลู่ฝาน จู่ๆ เขารู้สึกเหมือนตัวเองไม่รู้จักลู่ฝานไปแล้ว
ความอาฆาตอันน่ากลัว เขาเคยเห็นแค่บนตัวนักบู๊ที่ผ่านการฆ่าฟันแบบนองเลือด
ลู่ฝานผ่านอะไรมากันแน่ ถึงมีความอาฆาตระดับนี้
“ไม่ได้ พวกนายไปไม่ได้ ศิษย์พี่ใหญ่พวกนายยังสู้เขาไม่ได้ พวกนายไปแล้วจะทำอะไรได้”
อาจารย์เต้ากวงไม่เห็นด้วยกับลู่ฝานและหานเฟิง
ในความทรงจำของเขา ลู่ฝานกับหานเฟิง เป็นแค่นักบู๊แดนปราณนอกเท่านั้น
แต่ต่อมา บนตัวหานเฟิงมีพลังห้าธาตุสว่างขึ้นมา
“อาจารย์เต้ากวง เชื่อผมสิ ผมจะจัดการเอี๋ยนชิงให้แบนเลย”
หานเฟิงพูดพลางกำหมัด แล้วกัดฟันพูดออกมา
ตอนนี้ลู่ฝานกำลังรักษาให้ศิษย์พี่ใหญ่ รู้สึกว่าพิษถูกดูดออกไปพอประมาณแล้ว ลู่ฝานลุกขึ้นพูดว่า “ศิษย์พี่หานเฟิง ผมบอกแล้วว่านี่เป็นเรื่องของผมคนเดียว!”
ลู่ฝานหันมา สีหน้าไร้อารมณ์ แต่แววตาเย็นชา
หานเฟิงพูดว่า “โอเค แต่ศิษย์น้องลู่ฝาน ฉันจะตามนายไป ฉันจะดูเอี๋ยนชิงโดนนายจัดการจนแบนด้วยตาตัวเอง”
ลู่ฝานส่ายหน้าพูดว่า “เขาไม่มีทางแบนหรอก เขาจะกลายเป็นศพ!”
เมื่อพูดจบ ลู่ฝานเดินออกไป ขณะเดียวกันก็พูดกับสิบสามและเจ้าดำว่า “พวกนายอยู่นี่”
สิบสามมองลู่ฝานอย่างนอบน้อม ไม่พูดอะไรสักคำ เหมือนเจ้าดำจะกังวล แต่ก็ไม่ได้ตามไป
อาจารย์เต้ากวงอยากรั้ง แต่ไม่รู้จะพูดยังไง
อาจารย์เต้ากวงรีบดึงหานเฟิงแล้วพูดว่า “นายแน่ใจเหรอว่าลู่ฝานสู้ได้”
หานเฟิงพูดว่า “อาจารย์ ศิษย์น้องลู่ฝานแข็งแกร่งกว่าผม”
พูดจบ หานเฟิงยังเห็นสีหน้ากังวลของอาจารย์เต้ากวง จึงพูดอีก
“อย่าลืมสิ เขาเป็นคนที่ได้ป้ายผู้ตรวจการชั้นกลางเชียวนะครับ”
อาจารย์เต้ากวงสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย แม้ยังไม่อยากเชื่อเล็กน้อย แต่เขาปล่อยมือที่จับหานเฟิงแล้ว
ทั้งสองเดินลงเขา ครั้งนี้สุ่ยเชียนโหรวไม่ได้ตามมา เพราะเธอรู้ว่าหานเฟิงจะกลับมาอีก
สุ่ยเชียนโหรวเหมือนคนไม่เป็นอะไร เดินไปที่ห้องไม้ของลู่ฝาน เพราะจากความรู้ของเธอ เธอมองออกว่าห้องไม้นี้ใช้วัสดุพิเศษ น่าจะดีที่สุด
อาจารย์เต้ากวงเพิ่งเห็นว่าคนที่ตามหานเฟิงกับลู่ฝานกลับมา ยังมีคนแปลกหน้าอีกสองคน
เมื่อเห็นว่าสุ่ยเชียนโหรวกำลังจะเดินเข้าไปในห้องลู่ฝาน อาจารย์เต้ากวงรีบเรียกเธอไว้
“คุณผู้หญิงจะทำอะไร เธอเป็นเพื่อนพวกลู่ฝานเหรอ”
สุ่ยเชียนโหรวตอบกลับอย่างราบเรียบ “ไม่ใช่ ทำของกินมาให้ฉัน! ฉันจะเอาชาน้ำค้าง น้ำค้างต้องเป็นของวันนี้ ชาต้องเป็นใบชาชั้นดีที่เพิ่งเก็บ ดื่มแล้วต้องชุ่มคอดับกระหาย เหลือกลิ่นหอมในปาก อาหารที่มีเนื้อสัตว์สามอย่าง อาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์สามอย่าง เพิ่มซุปโสมอีกหนึ่ง ใช้ภาชนะเป็นเครื่องลายคราม อย่าใช้ทองและเงิน ฉันเกลียดทองและเงินที่สุด ซุปต้องเคี่ยวให้ถึง 48 ชั่วโมง ถ้าเวลาไม่พอก็ใช้พลังปราณช่วย เร็วๆ หน่อย”
พูดจบ สุ่ยเชียนโหรวเข้าไป
อาจารย์เต้ากวงอึ้งไป รู้สึกงงไปหมด
นี่เป็นคุณหนูจากไหนกัน!
อาจารย์เต้ากวงหันมามองสิบสาม แล้วพูดว่า “แล้วนายเป็นใคร”
“สิบสาม!”
“นายรู้จักลู่ฝานกับหานเฟิงเหรอ”
“อืม”
“พวกเขาพานายมาสถาบันสอนวิชาบู๊เหรอ”
“อืม”
“อย่าเอาแต่ให้ฉันถามนายได้ไหม นายแนะนำตัวเองสิ”
“อืม”
“นอกจากคำว่าอืม นายพูดอย่างอื่นเป็นไหม”
“อื้ม”
“.…..”
คณะหยินหยาง
หลังจากเงียบสงบได้ไม่กี่ชั่วโมง คณะหยินหยางเริ่มกลับมามีชีวิตชีวา
แม้ผลกระทบจากการต่อสู้จัดอันดับของสถาบันครั้งก่อนยังไม่หายไป แต่คณะหยินหยางได้มีการปรับปรุงครั้งใหญ่ ห้องกับถนนที่โดนซัดจนเละ ตอนนี้ซ่อมแซมไปพอประมาณแล้ว ทั้งคณะหยินหยางดูมีสง่าราศี