เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 86
เถ้าแก่เป็นคนรูปร่างอ้วน ตาทั้งสองข้างถูกใบหน้าที่อวบอ้วนบีบจนตาตี่ เหลือช่องให้มองเห็นเล็กน้อย
มองดูเหรียญทอง10อันบนโต๊ะ แล้วก็มองลู่หมิงกับลู่ฝาน พร้อมยิ้มพูดว่า “นกเมฆที่บินได้วันละหมื่นลี้ เงินเท่านี้ไม่พอหรอก อย่างน้อยต้องใช้เหรียญทอง20อัน”
เถ้าแก่ยื่นนิ้วอ้วนๆ ออกมาสองนิ้ว แต่ลู่หมิงไม่มีใจคิดจะหยิบเงินออกมาเพิ่ม เลยพูดว่า “ผมได้หลงเชื่อไปครั้งหนึ่งแล้ว จะไม่มีทางหลงเชื่ออีกแน่ เหรียญทอง10อัน ไม่มีอะไรต้องมาต่อรองกันแล้ว”
เถ้าแก่อ้วนทำหน้าบู้บี้ พูดว่า “พวกนายเป็นนักเรียนของสถาบันสอนวิชาบู๊ใช่ไหม? เอาเถอะๆ สมัยนี้หาเงินนิดหน่อยก็ยากลำบากขนาดนี้ นกเมฆบินได้หมื่นลี๊2ตัว ลงเชื่อประทับลายนิ้วมือก็แล้วกัน”
หยิบหลักฐานการซื้อออกมา แล้วเขียนชื่อประทับลายนิ้วมือไป เถ้าแก่อ้วนก็ให้ลูกน้องพาพวกเขาเข้าไปยังลานสัตว์ทางด้านหลัง
ลู่หมิงเดินนำหน้าไป ลู่ฝานตามหลังไปติดๆ
แต่ในตอนนี้เอง เถ้าแก่อ้วนก็เห็นเจ้าดำที่อยู่บนหัวไหล่ของลู่ฝาน ดวงตาตี่ๆ ก็เบิกโตขึ้นมา แล้วก็ลากตัวลู่ฝานไว้
“คุณชายท่านนี้ ช้าก่อนๆ”
ลู่ฝานหยดฝีเท้าลงอย่างสงสัย เถ้าแก่อ้วนกระโดดข้ามโต๊ะบัญชีจากด้านหลังออกมาเลย
ตัวอ้วนเกือบจะกลมแบบนี้ แต่ดูคล่องแคล่วไม่เบา ดูเหมือนว่าเถ้าแก่อ้วนก็จะฝึกวิชามาเหมือนกัน
เดินวนรอบตัวลู่ฝานไปหนึ่งรอบ หลังจากที่เถ้าแก่อ้วนจ้องมองเจ้าดำอย่างละเอียดแล้วนั้น ก็พูดว่า “คุณชายท่านนี้ สัตว์อสูรบนหัวไหล่นี่ขายไหม?”
ลู่ฝานก็พูดอย่างระแวงขึ้นมาทันที “ไม่ขาย นายคิดจะทำอะไร?”
เถ้าแก่อ้วนลูบมือตัวเองพูดว่า “อย่ามั่นใจขนาดนี้ ผมสามารถเสนอราคาที่ไม่เลวให้เลยนะ 1000เหรียญทองเป็นไง?”
ลู่ฝานพูดว่า “ไม่ขาย ให้เป็นหมื่นก็ไม่ขาย”
“อย่างนั้นก็หนึ่งหมื่น เป็นไง”
ลู่ฝานอึ้งเล็กน้อย จะซื้อเจ้าดำด้วยราคาหมื่นเหรียญทองงั้นหรือ? เขาไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเจ้าดำจะมีราคาขนาดนี้
แต่ว่าลู่ฝานก็ยังส่ายหัว แล้วก็เตรียมจะเดินหนีไป
“เราคุยกันได้ ดูเหมือนว่าสัตว์ตัวน้อยนี้จะสนิทกับนายไม่น้อย เงินไม่อาจสั่นคลอนจิตใจนายได้ เอาอย่างนี้
ลู่ฝานปัดมือของเถ้าแก่อ้วน พูดว่า “ผมบอกแล้วไงว่าไม่ขายๆ”
ตอนนี้เจ้าดำก็ดูค่อนข้างฉลาด แยกเขี้ยวใส่เถ้าแก่อ้วน แล้วก็พ่นเปลวไฟดำออกมา
เถ้าแก่อ้วนตกใจจนถอยไปหลายก้าว แล้วรีบดับเปลวไฟดำบนตัวทันที
แต่ว่าท่าทางของเขาทำให้ลู่ฝานเห็นแล้วต้องอึ้งไป เปลวไฟดำของเจ้าดำไม่ใช่จะดับได้ง่ายๆ เถ้าแก่อ้วนคนนี้มีพลังไม่ธรรมดา เมื่อครู่นี้ ลู่ฝานมองเห็นปราณชี่ที่ปล่อยออกมาด้านนอก
แดนปราณนอก อย่างน้อยก็เป็นพลังของระดับแดนปราณนอก
เอามือตีดับไฟได้ เถ้าแก่อ้วนไม่เพียงไม่โกรธ แต่สายตากลับเป็นประกายมากกว่าเดิม
เถ้าแก่อ้วนก็พูดกับลู่ฝานว่า “คุณชายท่านนี้ สัตว์อสูรของนาย ไม่ใช่คนธรรมดาจะเลี้ยงดูได้ นายอย่ามองว่าตอนนี้มันจะดูเชื่องดี รอมันโตขึ้นมาอีกหน่อย ก็จะเป็นเหมือนสัตว์ร้าย พอถึงตอนนั้นนายก็จะมีอันตรายถึงชีวิต ไม่สู้เอามาขายให้ผมเลยดีกว่า เรื่องราคาคุยกันได้ จะเอาเงินผมก็มีให้ จะเอาวิชาฝึกฝนผมก็มีให้ จะเอาเคล็ดวิชาบู๊ก็มีให้ นายชอบยาไหม?
เถ้าแก่อ้วนยิ่งพูดยิ่งตื่นเต้น แต่ลู่ฝานกลับพูดอย่างหนักแน่นว่า “ไม่ได้”
เจ้าดำก็เหมือนจะรับรู้ได้ว่าลู่ฝานโกรธขึ้นเรื่อยๆ มันก็เลยจ้องเถ้าแก่อ้วนคนนั้นไม่ละสายตา
สองฝ่ายจ้องมองกัน พักใหญ่ สีหน้าของเถ้าแก่อ้วนก็เย็นชาขึ้นมา
“ในเมื่อนายไม่ยอมขายให้ผม งั้นก็ช่างเถอะ แต่ว่านายพาสัตว์อสูรเข้าไปด้วย จะทำให้นกเมฆที่พวกเราเลี้ยงไว้ตกใจได้ ดังนั้นพวกเราไม่สามารถจะขายนกเมฆให้พวกนายเดินทางกันได้แล้ว เงิน10เหรียญทอง ยินดีคืนให้หมด ขออภัยที่ไม่ไปส่ง”
สะบัดมือ เถ้าแก่อ้วนโยนเงิน10เหรียญทองกลับมา
ลู่ฝานรับเอาไว้ สีหน้าโมโหๆ ลู่หมิงรีบเดินกลับมาพูดว่า “เซ็นสัญญากันไปแล้ว จะเปลี่ยนใจได้อย่างไร”
เถ้าแก่อ้วนพูดว่า “ผมเป็นเถ้าแก่ของที่นี่ ผมบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้ พวกนายกลับกันไปได้แล้ว”
ลู่หมิงจะลงมือไปอย่างโมโห ลู่ฝานรีบไปขวางเขาไว้ที่ด้านหน้า
ลู่ฝานพูดเสียงต่ำว่า “อย่าวู่วาม เขาเป็นนักบู๊แดนปราณนอก”
ลู่หมิงก็สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย แล้วสองคนก็เดินออกจากหอฝึกสัตว์
สายตาของเถ้าแก่อ้วนมองไปยังเจ้าดำตลอดเวลา พอพวกลู่ฝานเดินพ้นสายตาไป เถ้าแก่อ้วนก็เรียกบอดี้การ์ดคนหนึ่งเข้ามา “จับตาดูพวกมันสองคนไว้ ไปสืบให้ดีว่าพวกมันพักอยู่ที่ไหน แล้วรีบกลับมารายงาน”
บอดี้การ์ดรีบตามไปติดๆ เถ้าแก่อ้วนก็ยืนกุมมือ สายตาเย็นชา
ด้านนอก ลู่หมิงกัดฟันพูดว่า “ซวยจริงๆ มาเจอเรื่องแบบนี้ได้ เมืองตงซานไม่มีหอฝึกสัตว์ร้ายอื่นแล้ว ลู่ฝาน สัตว์อสูรของนายมีราคาขนาดนี้ นายรู้ที่มาของมันไหม?”
ลู่ฝานพยักหน้าพูดว่า “ถือว่าพอรู้บ้างนิดหน่อย แต่ฉันก็พอรู้ว่าเจ้าดำมีราคามาก ลู่หมิง พวกเราพักก่อนสักวันหนึ่งก่อนก็แล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยวางแผนกันต่อ อย่างมากก็แค่เช่ารถม้าสองคันไปก็ได้ ไปเมืองอื่นค่อยหานกเมฆใหม่ เอาร้านนี้ก็แล้ว โรงเตี๊ยมพาโชค ชื่อนี้ไม่เลว”
ลู่หมิงพูดว่า “ก็ต้องเป็นแบบนี้ไปก่อน เฮ้อ ดูเหมือนว่าต้องไปถามคนที่นี่ดูว่า เมืองไหนมีนกเมฆให้นั่งได้บ้าง”
สองคนเดินเข้าโรงเตี๊ยมไป เปิดห้องที่ชั้นบน บอดี้การ์ดที่ตามมาไม่ไกล พอเห็นชื่อของโรงเตี๊ยม ก็รีบเดินกลับไปทันที
และพอทั้งสองคนเข้าโรงเตี๊ยมไปไม่นาน ผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่งก็เดินเข้ามาด้วยเหมือนกัน
ผมถักเปียด้านหลัง สวมชุดนักบู๊สีแดงเหมือนไฟ ถ้าหากว่าตอนนี้ลู่ฝานยังอยู่ที่ห้องโถงด้านล่างล่ะก็ จะต้องจำได้แน่นอน
ผู้หญิงคนนี้ก็คือคนที่เขาประมือกับที่เขาซีซาน!