เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 877
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 877
อาจารย์เต้ากวงพูดว่า “ถือว่าพวกนายชนะแล้ว”
เมื่อคำนี้ออกมา นักเรียนคณะหนึ่งเดียวต่างมีสีหน้าแค้นเคืองใจเป็นอย่างมาก
หลัวตานขมวดคิ้วพูดว่า “น่าเบื่อ คณะหนึ่งเดียวก็แค่นั้น”
คำพูดของเขา ทำให้ไฟโกรธของหานเฟิงลุกโชน เขาชี้หน้าหลัวตานแล้วพูดว่า “ไอ้โง่หลัว นายพูดอะไร กล้าก็พูดอีกรอบสิ”
หลัวตานโดนคนเรียกว่าไอ้โง่หลัว เขาหน้าเปลี่ยนสีทันที
ฉายานี้คนในบ้านชอบแกล้งเรียกเขาตอนเด็กๆ ในคณะฟ้าร้องมีคนรู้น้อยมาก ถึงรู้ก็ไม่กล้าเรียกต่อหน้าทุกคนแบบหานเฟิง
หลัวตานพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันบอกว่าคณะหนึ่งเดียวของนาย ก็แค่ชื่อเสียงไม่สมคำร่ำลือ ก็แค่ชนะได้เป็นอันดับหนึ่งของคณะเมื่อปีที่แล้วครั้งเดียวเท่านั้น ทำเหมือนรู้สึกว่าเป็นผู้นำของสถาบันสอนวิชาบู๊ อันที่จริงพละกำลังก็แค่งั้นๆ”
“พอแล้ว!”
อาจารย์ฮั่วซานขัดคำพูดของหลัวตาน ยิ้มแล้วพูดว่า “หลัวตาน ชนะแล้วยังด่าคนอื่น มันไม่ดีนะ”
หลัวตานคำนับแล้วพยักหน้า มองหานเฟิงอย่างดูหมิ่น แล้วหันหลังเดินกลับไป
หานเฟิงก่นด่าออกมาว่า “ไอ้โง่หลัว มีปัญญาก็อย่าหนีสิ มาสู้กับฉันสักสามร้อยรอบ!”
ฉู่เทียนที่อยู่ข้างๆ รีบรั้งเขาไว้ แล้วพูดเบาๆ ว่า “ศิษย์น้องหานเฟิง อย่าโวยวาย นายก็คงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลัวตานเหมือนกัน”
หานเฟิงพูดเสียงดังว่า “กลัวอะไร แค่วิชาสายฟ้าฟาดห้าธาตุธรรมดาๆ เขาคิดว่าเขาเจ๋งมากเหรอ ผมเห็นมาเยอะแล้ว ศิษย์พี่ฉู่เทียนปล่อยผมนะ ผมจะซัดเขาให้แบนเลย!”
แต่คำพูดของเขา ทำได้เพียงเรียกเสียงหัวเราะของนักเรียนคณะอื่น
“เฮ้อ ทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ ฉันนึกว่าคณะอันดับหนึ่งไร้เทียมทานของสถาบัน จะเก่งขนาดไหน”
“ใช่ อันที่จริงก็แค่เท่านี้ ฉันว่าเราสองสามคณะมาด้วยกัน เป็นการให้ค่าคณะหนึ่งเดียวเกินไปหน่อย”
“อันที่จริงฉันคิดว่าคณะฟ้าร้องมาแค่คณะเดียวก็พอแล้ว”
“คณะหนึ่งเดียวคณะอันดับหนึ่ง คงรักษาไว้ไม่ได้แล้ว ฮ่าๆ นั่งรอการต่อสู้จัดอันดับคณะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ”
…..
นี่เรียกว่ามีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น นี่เรียกว่าได้ทีขี่แพะไล่
ถ้าครั้งนี้คณะหนึ่งเดียวสู้กับคณะชั้นนำต่างๆ และรักษาชัยชนะเอาไว้ได้ พวกเขาคงไม่กล้าพูดอะไรมาก
แต่ตอนนี้ การประลองสี่รอบ เสมอสามรอบ แพ้หนึ่งรอบ
สิ่งสำคัญที่สุดคือ รอบที่แพ้คือความพ่ายแพ้ของศิษย์พี่ใหญ่คณะหนึ่งเดียว
หนึ่งปีมานี้ ภายนอกของนักเรียนคณะหนึ่งเดียวกำลังจะเปลี่ยนไป
อาจารย์เต้ากวงแค่ถอนหายใจยาวออกมา ส่ายหน้าไม่พูดอะไร
หานเฟิงโกรธจนกัดฟันกรอด เขาผลักศิษย์พี่ฉู่เทียนออก เตรียมจะก่นด่าออกมา
แต่ขณะนั้น เงาใครคนหนึ่งเดินขึ้นมาบนบันไดหินช้าๆ
กระบี่หนักใหญ่เหมือนบานประตู สวมชุดนักบู๊ทั้งตัว สายตาแน่วแน่ สีหน้าเฉยชา
เมื่อคนคนนี้ปรากฏตัว สายตาทุกคนที่อยู่ในนี้ พากันมองไปที่เขา
“ลู่ฝาน!”
“ศิษย์น้องลู่ฝาน!”
เสียงตกใจดังขึ้น ศิษย์พี่หานเฟิงหัวเราะเสียงดัง
หลัวตานและคนอื่นสีหน้าตกใจ จ้องหน้าลู่ฝานเขม็ง
เป็นเขา เป็นเขาจริงๆ เขากลับมาแล้ว!
ลู่ฝานกวาดตามองรอบๆ พูดอย่างเฉยชาว่า “คึกคักจริงๆ”
ลมพัดผ่านจนเสื้อปลิว
“เขาคือศิษย์พี่ลู่ฝานเหรอ ว้าว กระบี่ของเขาใหญ่กว่าที่ฉันจินตนาการไว้อีก”
“ศิษย์พี่ลู่ฝานกลับมาแล้ว ครั้งนี้พวกคณะฟ้าร้องคงอวดดีไม่ได้แล้ว”
“ศิษย์พี่ลู่ฝานหล่อมาก โอ๊ย เขามองมาแล้ว เขามองฉัน ประคองฉันหน่อย ฉันจะเป็นลมแล้ว”
“ลู่ฝานออกมาได้ยังไง เขาโดนขังไว้ในคุกใต้ดินไม่ใช่เหรอ อย่าบอกนะว่าท่านผอ.ปล่อยเขาออกมาแล้ว”