เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 898
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 898
ลู่ฝานชะงักฝีเท้าลง ปรายตามองเฝิงอิ่งแวบหนึ่ง
อาจเป็นเพราะอารมณ์ของเขาเคร่งขรึมขึ้นอย่างกะทันหัน จึงเป็นเหตุผลที่ค่อนข้างทำให้คนตกใจ เฝิงอิ่งถอยไปข้างหลังสองก้าวโดยไม่รู้ตัว
“เธอชอบยุ่งเรื่องคนอื่นเหรอ”
ลู่ฝานถามขึ้น
เฝิงอิ่งกัดฟัน แต่ไม่ยอมแพ้ เชิดหน้าพูดว่า “นักบู๊มิอาจดูหมิ่น เรื่องนี้ฉันต้องยุ่ง คุณสิบสาม ทำไมนักบู๊อย่างคุณต้องตามเด็กที่นิสัยเสียแบบเขาด้วย ถ้าคุณยอมมาที่ตระกูลเฝิงแห่งเขตเยี่ยน ฉันต้องเคารพคุณเหมือนเทพแน่นอน”
หยวนเลี่ยที่อยู่ข้างๆ ถึงกับเกาหัว ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว
เซี่ยงจู้เงียบไม่พูดอะไร พวกเขาก็คิดว่าเฝิงอิ่งยุ่งจนเกินไป แต่ไม่รู้จะเกลี้ยกล่อมยังไง
ขณะนั้นลู่ฝานหัวเราะออกมา
“เธอให้เขาไปตระกูลเฝิงของเธอเหรอ สิบสาม นายจะไปไหม”
สิบสามส่ายหน้าเบาๆ มองเฝิงอิ่งด้วยสายตาไม่ยินดียินร้าย
เฝิงอิ่งพูดกับสิบสามอีกว่า “คุณสิบสาม เขาทำกับคุณแบบนี้ คุณยังจะติดตามเขาอีกเหรอ คุณเป็นนักบู๊แดนปราณชีวิตผู้ยิ่งใหญ่นะ เป็นนักบู๊ที่เดินไปไหนมาไหนก็มีหน้ามีตา!”
สิบสามยังคงส่ายหน้า หันมาพูดกับลู่ฝานอย่างนอบน้อมว่า “เจ้านาย”
ลู่ฝานเอาสองมือไพล่หลัง แล้วเดินออกไป
เจ้าดำที่อยู่บนไหล่ แลบลิ้นปลิ้นตาใส่เฝิงอิ่ง
เฝิงอิ่งกระทืบเท้าแล้วแอบด่า ไม่เดินตามไปอีก
ขณะนั้นหยวนเลี่ยกับเซี่ยงจู้เดินเข้ามา พูดปลอบใจว่า “เฝิงอิ่ง อย่าโมโหเลย เรื่องของตระกูลเขา เราไม่มีเหตุผลไปก้าวก่าย เธอเกลียดเรื่องวุ่นวายที่สุดไม่ใช่เหรอ จะไปเถียงกับเขาทำไมล่ะ”
“ใช่ อย่าไปโมโหเรื่องหยุมหยิมเลย สิบสามประจบประแจงนอบน้อมขนาดนี้ จิตใจของนักบู๊คงสูญหายไปนานแล้ว เขายอมใช้ชีวิตแบบนี้ ใครก็ทำอะไรไม่ได้ ฉันว่าคงกำหนดไว้แล้ว ว่าเขาคงเป็นแดนปราณชีวิตไปทั้งชีวิต ส่วนลู่ฝาน เด็กนิสัยเสียบ้านรวยชัดๆ เถียงกับคนแบบนี้ไปก็เปล่าประโยชน์”
เฝิงอิ่งยังโมโหไม่หาย เธอกัดฟันพูดว่า “ฉันทนดูเด็กนิสัยเสียบ้านรวย แต่ไร้ความสามารถแบบนี้รังแกนักบู๊ไม่ได้ บนโลกนี้ไม่ได้พูดกันได้เพราะอาศัยสายเลือด หรือเงินทองหรอกนะ บนโลกนี้ล้วนอาศัยพละกำลัง”
เฝิงอิ่งจงใจตะโกนเสียงดังมาก คาดว่าคนทั้งถนนคงได้ยิน
เธอตะโกนให้ลู่ฝานฟัง ตะโกนให้ “เด็กนิสัยเสียบ้านรวย” ฟัง
ลู่ฝานได้ยินเสียงตะโกนของเธอจริงๆ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“เด็กนิสัยเสียบ้านรวยงั้นเหรอ ถ้าพ่อได้ยินว่าฉันได้ฉายานี้ เขาคงดีใจมาก”
ลู่ฝานหัวเราะ พาสิบสามเดินเล่นบนถนน
ผ่านไปนาน รอยยิ้มบนใบหน้าหายไป
ลู่ฝานมองสิบสามแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “ฉันรู้ว่านายมาจากคนที่ฝึกฝนชั่วร้าย ฉันรู้ด้วยว่าการอบรมทั้งหมดที่นายได้รับมา ล้วนทำเพื่อฆ่าคน แต่ตอนนี้ฉันอยากบอกนายว่า นายไม่ใช่คนที่ฝึกฝนชั่วร้ายอีกแล้ว นับตั้งแต่ลายมารบนตัวนายหายไป นายก็มีชีวิตใหม่แล้ว ในเมื่อตอนนี้ยอมรับฉันเป็นเจ้านาย งั้นฉันจะบอกนายว่าจะฆ่าคนตามใจชอบไม่ได้”
สิบสามฟังดูเหมือนเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ประกายในแววตาวูบไหว เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
ลู่ฝานพูดต่อ “ฉันจะพูดอีกรอบ ถ้าอยู่กับฉัน ฉันยังไม่ให้นายฆ่า นายห้ามฆ่าคน ถ้าฝ่าฝืนอีก ฉันคงเก็บนายไว้ไม่ได้จริงๆ ฉันไม่ต้องการคนที่ฝึกฝนชั่วร้าย ที่ฆ่าคนง่ายดายมาติดตามฉันหรอกนะ”
สิบสามพูดอย่างนอบน้อมว่า “ครับ”
ลู่ฝานถอนหายใจ แล้วพูดว่า “สิบสาม ยังไงฉันก็ต้องบอกนาย อันที่จริงนายติดตามฉัน มันไม่ใช่เรื่องดี ฉันรู้ว่านายคิดว่าฉันเป็นผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทาน จึงติดตามฉัน แต่ฉันต้องบอกความจริงกับนาย ฉันไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนที่นายจินตนาการไว้ ฉันอาจให้ในสิ่งที่นายต้องการไม่ได้ ถึงขั้นที่สอนเคล็ดวิชาบู๊อะไรให้นายไม่ได้ด้วย”