เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 907
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 907
เมื่อพูดจบ คนจำนวนไม่น้อยก็พากันหัวเราะขึ้น
หัวเราะกันเสียงดัง หัวเราะกันอย่างแสบหู หัวเราะกันด้วยความเยาะเย้ย
แม้แต่ปู้เฟยราชากระบี่ใต้ก็ยังหัวเราะด้วย ซึ่งรอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม และพูดขึ้นว่า: “นายพูด? นายพูดนั้นมันจะมีประโยชน์อะไร”
นักบู๊คนหนึ่งก็ได้ออกมาพูดว่า: “ไอ้หนุ่ม นายนึกว่านายเป็นใครกัน”
ชายอ้วนอีกคนหนึ่งก็หัวเราะเสียงดังและพูดขึ้นว่า: “เด็กหนุ่มอย่างนายที่แม้แต่หนอนก็ยังไม่กล้าลงมือฆ่า กลับคิดว่าตนเองแน่จริงขึ้นมาซะอย่างนั้น นายจะทำให้พวกเราหัวเราะท้องแข็งกันหรืออย่างไร? ”
เฝิงอิ่งเองก็แสดงรอยยิ้มที่เหยียดหยามออกมาเช่นกัน
หยวนเจี๋ยมองไปที่ลู่ฝานและพูดขึ้นว่า: “พี่ลู่ฝาน คุณพูดให้น้อยลงบ้างเถอะ”
ลู่ฝานกวาดสายตามองไปที่ทุกคน สุดท้ายก็ไปหยุดอยู่ที่ตัวของลุงชาง
ลุงชางจ้องมองไปที่ลู่ฝานอย่างลึกซึ้ง และพูดขึ้นว่า: “นายแน่ใจเหรอ? ”
ลู่ฝานพูดว่า: “ไม่แน่ใจเท่าไรนัก แต่มันอันตรายอย่างมาก อันตรายอย่างกับที่ท่านเคยประสบพบเจอมาก่อนหน้านี้”
ทั้งสองคนสนทนากันเหมือนกับทายปริศนา ทำให้คนอื่นต่างก็พากันขมวดคิ้วขึ้น ด้วยสีหน้าท่าทางที่ไม่เป็นมิตร
ลุงชางครุ่นคิดชั่วครู่ จึงค่อย ๆ หันหน้ามองไปที่ราชากระบี่ใต้และคนอื่น ๆ พร้อมกับพูดขึ้นว่า: “ราชากระบี่ใต้ แบบนี้ก็แล้วกัน พวกเราเดินหน้าต่อสู้ไปกันอย่างมั่นคงดีกว่าไหม จัดการสังหารไปแถบหนึ่ง แล้วก็ขยับเดินหน้าไปอีกหน่อยหนึ่ง”
ราชากระบี่ใต้ใบหน้าหมองหม่น และพูดขึ้นว่า: “คุณชาง ท่านรู้ไหมว่า นี่เป็นการสิ้นเปลืองเวลาโดยเปล่าประโยชน์”
ลุงชางถูมือไปมาและพูดว่า: “ระมัดระวังสักหน่อยจะดีที่สุด นี่คือคำสอนเตือนใจของพวกเราคนเดินเรือ ในเมื่อมีคนบอกว่ามีอันตราย อย่างนั้นก็จะต้องระมัดระวังเอาไว้บ้าง ขอให้ราชากระบี่ใต้เข้าใจด้วย”
ราชากระบี่ใต้ค่อย ๆ พูดขึ้นว่า: “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นก็ทำตามที่คุณชางว่าก็แล้วกัน เพราะนี่คือคณะของท่าน”
คุณชางยิ้มและพยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า: “ขอบคุณมากที่ราชากระบี่ใต้เข้าใจ ถูซาง พาราชากระบี่ใต้ไปพักผ่อนก่อน”
ถูซางยิ้มและตอบรับ แล้วก็พาทุกคนเดินเข้าไปภายในห้องพัก
ก่อนที่เข้าไปด้านในนั้น นักบู๊จำนวนไม่น้อยก็ยังคงส่งสายตาที่ไม่เป็นมิตรต่อลู่ฝาน
ลู่ฝานไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย แล้วก็หันหน้ามองไปที่รังหนอนนั้น
พลังในมิติ รังไหม พญาหนอน!
ทุกอย่างนี้จะต้องมีความเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน เขาเองก็หวังว่าเขาจะคาดการณ์ผิดไป ไม่อย่างนั้น การเดินทางต่อไปจากนี้ ก็คงจะไม่สงบสุขเป็นแน่เลย
……
ผ่านไปกี่ชั่วโมง คณะก็เริ่มออกเดินทาง
ลุงชางจงใจให้คณะเดินทางกันอย่างช้า ๆ ในขณะเดียวกัน ราชากระบี่ใต้และคนอื่น ๆ ส่วนหนึ่งก็ขึ้นไปบนเรือกระบี่ เพื่อเปิดทางเบื้องหน้า
ราวกับว่าตั้งใจที่จะให้ทุกคนเห็นว่าเขานั้นแข็งแกร่ง ครั้งนี้ราชากระบี่ใต้ได้แสดงกระบวนท่าเพลงกระบี่ที่เสิศล้ำยิ่งกว่า และมีท่วงท่าที่สง่างามกว่าด้วย
ในทุกเพลงกระบี่ทุกกระบวนท่า ราวกับว่าฤดูกาลกำลังผันเปลี่ยนไป
ฤดูใบไม้ผลิมีฝนตก ฤดูร้อนแสงอาทิตย์สว่างจ้า ฤดูใบไม้ร่วงใบไม้ร่วงโรย ฤดูหนาวเต็มไปด้วยหิมะ
นี่ก็คือเพลงกระบี่ของเขา และก็คือวิชากระบี่ของเขาด้วย
ต้องพูดเลยว่า พลังการสังหารนั้นน่าตกใจอย่างมาก
บริเวณที่ผ่าน ไม่มีหนอนเกราะตัวไหนที่สามารถสกัดกั้นกระบี่ของเขาได้ ซึ่งรวมไปถึงพวกหนอนเกราะอากาศธาตุสีเขียวแดงนั้นด้วย
คณะก็ได้เดินทางมุ่งหน้าต่อไปเรื่อย ๆ แล้วก็ค่อย ๆ เข้ามาสู่ภายในของรังหนอน
ความรู้สึกถึงอันตรายของลู่ฝานนั้นยิ่งรุนแรงมากขึ้น
สามวันผ่านไป คณะก็ยังไม่สามารถเดินทางออกมาจากรังหนอนได้ และกลับกลายเป็นว่าหนอนยิ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอีก
เมื่อสังหารพวกหนอนในแถบนี้หมดไปแล้วอีกครั้ง ราชากระบี่ใต้ก็ได้หมุนเวียนเปลี่ยนหน้าที่แล้วกลับไปยังเรือมังกร
ครั้งนี้ ราชากระบี่ใต้อดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว
“คุณชาง คณะไม่สามารถที่จะเดินทางกันชักช้าแบบนี้ต่อไปได้อีกแล้ว นี่เท่ากับว่าสิ้นเปลืองเวลา และสิ้นเปลืองพลังงานโดยสิ้นเชิง พวกเราต้องเร่งความเร็ว และมุ่งหน้าสังหารไปตลอดทาง หากว่ายังคงชักช้า สังหารจำนวนหนึ่งแล้วเคลื่อนไปข้างหน้านิดหนึ่งอยู่ล่ะก็ อีกสิบวัน พวกเราก็ยังคงออกไปจากรังหนอนไม่ได้”
ราชากระบี่ใต้ตะโกนพูดขึ้นเสียงดัง
พวกนักบู๊ที่ผลัดเปลี่ยนหน้าที่สังหารกับราชากระบี่ใต้นั้นก็เริ่มเกิดความโมโหขึ้นบ้างแล้ว พวกเขามีความคิดที่เหมือนกับราชากระบี่ใต้ หากว่าเคลื่อนที่ไปอย่างเชื่องช้าแบบนี้ เท่ากับเป็นการสิ้นเปลืองเวลาไปโดยปริยาย
ลุงชางเองก็จำใจพูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงมองไปยังชายผู้ที่ยืนอยู่บนหัวเรือและหันหน้ามองไปด้านนอกเป็นเวลาหลายวัน ที่ชื่อว่าลู่ฝาน!