เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 909
เสียงค่อย ๆ ดังก้องมากขึ้น สั่นสะเทือนจนหลายคนรีบปิดกั้นการได้ยิน
สายตาที่มองเห็นนั้น พวกหนอนได้หมอบคลานอยู่บนพื้นเป็นระนาบ ราวกับว่ากำลังรอต้อนรับราชาของพวกมันที่กำลังจะมาถึง
ทุกทิศโดยรอบ เริ่มที่จะเปล่งลำแสงสีแดงเรืองรองออกมา เวลานี้คนจำนวนไม่น้อยก็สังเกตเห็นว่า ท่ามกลางอากาศบริเวณด้านข้างของพวกเขานั้น กลับมีรังไหมแอบซ่อนอยู่เต็มไปหมด
เวลานี้พวกรังไหมเหล่านี้เหมือนจะมีชีวิตกลับคืนมาอีกครั้ง เปล่งประกายแสงสีแดงไปทั่ว
เสียงกรีดร้องพลันหยุดลง จากนั้นก็ปรากฏหลุมดำขึ้นตรงที่ด้านหน้า
หนอนตัวใหญ่กำลังแทรกตัวออกมาจากภายใน เพียงแค่ส่วนหัว ก็มีขนาดใหญ่กว่าสามสิบเมตรแล้ว
“นี่มันคืออะไร? ”
ราชากระบี่ใต้ตะโกนเสียงดัง
ลู่ฝานมองไปยังหนอนตัวใหญ่ที่มีหนวดเป็นโลหะ ลำตัวสีทอง และคู่ดวงตาสีแดงเลือด พร้อมกับพูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า: “พญาหนอน!”
เมื่อได้ยินคำว่าพญาหนอนแล้ว ทุกคนรวมไปถึงราชากระบี่ใต้ก็แสดงสีหน้าท่าทางตะลึงงัน
ทางด้านหลัง เมื่อลุงชางมองเห็นพญาหนอนปรากฏตัวขึ้น ก็ตะโกนเสียงดังว่า: “ถอยหลัง รีบถอยหลังเร็ว! ”
คณะเรือได้รีบถอยหลังกลับโดยเร็ว ส่วนลู่ฝานนั้นก็ได้ชักกระบี่หนักไร้คมของตนเองออกมาแล้ว
ในที่สุดพญาหนอนก็แทรกตัวออกมาจากหลุมดำนั้นจนสำเร็จ ร่างกายขนาดใหญ่โตนั้น มองดูแล้วเหมือนกับว่าเป็นตะขาบยักษ์ ที่มีเกล็ดทองทั่วทั้งตัว ระยิบระยับเรืองแสงอย่างที่สุด
จากนั้น ขาจำนวนมากมายของมันก็ขยับเคลื่อนไหว แสงสีทองแผ่ซ่านกระจายไปทั่ว
“คุ้มกัน! ”
ลู่ฝานตะโกนเสียงดัง ปราณชี่ในร่างกายก็ปะทุขึ้น
กระบี่หนักตั้งตรง เสียงระเบิดตูมตามก็พลันดังขึ้น
แสงสีทองทั่วบริเวณนี้ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นปราณกระบี่ที่ทรงอานุภาพหนักหน่วงอย่างนับไม่ถ้วน
เวลานี้ราชากระบี่ใต้เองก็ตั้งสติขึ้นได้แล้ว และใช้เกราะปราณปกคลุมร่างกาย เขาก็เหมือนกับเป้าซ้อมดาบรูปทรงคนอย่างไรอย่างนั้น สกัดกั้นแสงสีทองเอาไว้ได้
นักบู๊ที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนัก
ลู่ฝานมองไปยังพญาหนอนท่ามกลางแสงสีทอง คู่ดวงตาขนาดใหญ่นั้น กลับแสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกอย่างกับมนุษย์อย่างไรอย่างนั้น
อารมณ์ความรู้สึกนี้มีชื่อว่า ยั่วยวน!
ลู่ฝานนึกอะไรขึ้นได้ จึงรีบหันมองไปยังรังไหมที่อยู่โดยรอบ
“ถอย! ”
ราชากระบี่ใต้ต้านทานแสงกระบี่สีทองเอาไว้ได้ แต่ตนเองก็เหมือนจะบาดเจ็บเล็กน้อยด้วย
มีเลือดไหลบริเวณมุมปาก เกราะปราณก็เกิดมีรอยแตกร้าวขึ้นบ้าง
เขาตะโกนเสียงดังขึ้น พร้อมกับสั่งการให้เรือกระบี่เคลื่อนถอยหลังกลับไป
แต่ในเวลานี้ ลู่ฝานกลับตะโกนขึ้นว่า: “ถอยหลังไปไม่ได้! ”
ทุกคนต่างก็ตกตะลึงกันอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้พวกเขาไม่ได้เยาะเย้ย ไม่ได้คัดค้าน เพราะพลังปราณที่แข็งแกร่งบนร่างของลู่ฝานนั้น ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเขาแล้ว
เวลานี้ พวกเขาพบว่า คนที่พวกเขาเยาะเย้ยถากถางนั้น เป็นยอดฝีมือคนหนึ่งอย่างแท้จริง เมื่อครู่ที่กระบี่หนักตั้งตรงนั้น สามารถต้านทานแสงสีทองได้มากกว่าทางราชากระบี่ใต้เสียอีก
ลู่ฝานจับไปที่ชายเสื้อของราชากระบี่ใต้และพูดขึ้นว่า: “เวลานี้ถอยหลังไม่ได้ หากถอยหลังก็จะตกหลุมพราง พุ่งโจมตีไปพร้อมกันกับฉันเลย! ”
ราชากระบี่ใต้กัดฟัน แล้วพลันสะบัดมือของลู่ฝานออก และพูดขึ้นว่า: “ไอ้หนุ่ม นายคิดว่าฉันจะเชื่อฟังนายอย่างนั้นเหรอ? ไอ้คนไม่รู้เรื่อง นายต้องการที่จะให้พวกเราตายลงที่นี่ทั้งหมด ฉันบอกว่าให้ถอยหลังกลับเดี๋ยวนี้! ”
ทันใดนั้น เรือกระบี่ก็รีบถอยหลังกลับโดยเร็วทันที
ลู่ฝานเห็นว่าไม่สามารถขัดขวางราชากระบี่ใต้ได้ จึงกระโดดขึ้นไปเพียงคนเดียว
“เจ้าดำ เข้าสิง! ”
เมื่อตะโกนพูดขึ้น เจ้าดำก็กลายร่างเป็นลำแสงพุ่งเข้าไปในร่างของลู่ฝาน ทำให้พลังในร่างกายของลู่ฝานก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า พลังความสามารถของเขาในเวลานี้ ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่านักบู๊แดนปราณดินคนใดเลย
ลู่ฝานกระโดดตรงเข้าใส่พญาหนอนตัวนั้น แล้วใช้ฝ่าเท้ากระโดดย่ำอย่างหนักอยู่กลางอากาศ จนค่ายกลเบญจธาตุขนาดเล็กก็ประกายแสงขึ้นใต้ฝ่าเท้าของเขา
แววตาของพญาหนอนแสดงอาการตกใจออกมาเล็กน้อย เหมือนว่ามันจะคิดไม่ถึงว่ามนุษย์ตัวเล็ก ๆ แบบนี้ จะกล้าถึงขนาดกระโดดพุ่งเข้าโจมตีมันอย่างบ้าคลั่ง
ราชากระบี่ใต้และคนอื่น ๆ ที่กำลังถอยร่นกันอย่างบ้าคลั่งนั้นก็พลันพบว่ารังไหมในอากาศได้ระเบิดขึ้นแล้ว ซึ่งเมื่อเข้าใกล้ หนอนสีแดงตัวหนึ่งก็พุ่งโจมตีออกมา มุ่งเป้าตรงไปยังเรือกระบี่นั้นทันที