เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 91
ข้างหูมีเสียงลมพัด ในโลกแห่งความมืดเริ่มมีแสงสว่างขึ้นมาเล็กน้อย
จากภวังค์อันเวิ้งว้างสู่แสงสว่าง ลู่ฝานค่อยๆ ลืมตาขึ้น
ฟ้าสีครามเมฆสีขาว สายลมเอื่อยๆ พัดโบกมากระทบชายเสื้อปลิวไสว
“ในที่สุดนายก็ฟื้นแล้ว รู้สึกไม่สบายตัวเลยใช่ไหมล่ะ”
ภาพที่เข้ามาในสายตาก็คือรอยยิ้มอันซุกซนของฮ่วนเย่ว์ ลู่ฝานก็ตกใจ แล้วรีบลุกขึ้น
แต่ตอนที่เขาลุกขึ้นนั้น เท้าก็ยืนไม่มั่นคง ท่อนล่างอ่อนแรงเหมือนขนนก ลมพัดแรงหน่อยก็พัดเขาปลิวได้เลย ยังมีกระบี่หนักไม่คมด้านหลังที่หนักพออยู่แล้วด้วย ทำให้ลู่ฝานไม่ได้ถูกพัดไปเลยทันที แต่ขับเคลื่อนปราณชี่ แล้วปราณชี่ก็ยืนได้อย่างมั่นคง
จ้องตาไปมอง ลู่ฝานก็พบว่า ตอนนี้ตนเองกำลังอยู่บนหลังของนกยักษ์ตัวหนึ่ง
เมฆสีขาวพาดผ่านร่างกายไป มองไปไกลๆ ภูเขาที่ไกลออกไปกำลังหายลับสายตาไปอย่างรวดเร็ว
เห็นได้ชัดว่า ความเร็วของนกยักษ์นั้นเร็วมาก ฮ่วนเย่ว์ดึงให้ลู่ฝานนั่งลงบนหลังของนก
“วางใจเถอะ ฉันจะไม่ลงมือกับนายตอนนี้หรอก บัญชีของเราเอาไว้ค่อยคิดกัน”
ใบหน้าของฮ่วนเย่ว์ยิ้มระรื่น เผยฟันเขี้ยวน่ารักๆ ออกมาสองข้าง
ด้านหลัง ก็มีเสียงของลู่หมิงดังเข้ามา
“ลู่ฝาน ฟื้นสักทีนะ หลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ น่าจะพักผ่อนพอแล้วนะ”
ลู่หมิงพูดไปแล้วก็เข้ามานั่งข้างๆ จากนั้นยื่นเหล้าปลาอาหารมาให้ลู่ฝาน
พอได้กลิ่นหอมของอาหาร ลู่ฝานก็รู้สึกค่อนข้างหิวขึ้นมาทันที พอแกะกล่องอาหาร ลู่ฝานก็หวนคิดขึ้นมา ว่าตนเองได้สลบไปตอนที่สู้กับเถ้าแก่อ้วนคนนั้น
มองไปรอบๆ อย่างร้อนใจ แล้วก็ถามว่า “เจ้าดำล่ะ?”
ทันใดนั้นเอง ลู่ฝานก็เห็นเจ้าดำนอนหงายเหยียดแข้งเหยียดขาอยู่ตรงนั้น เสียงกรนดังสนั่น เห็นได้ชัดว่ากำลังพักผ่อนอยู่เหมือนกัน
ฮ่วนเย่ว์ยิ้มพูดว่า “นายนี่นะ พอตื่นขึ้นมา ก็ไม่สนใจอาการของตนเองเลย เป็นห่วงสัตว์อสูรของนายเหลือเกินนะ เฮ้อ นายชื่อลู่ฝานใช่ไหม ฉันชื่อฮ่วนเย่ว์ ต่อไปก็เรียกฉันว่าพี่ฮ่วนเย่ว์แล้วกัน”
ลู่ฝานยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย ฮ่วนเย่ว์ตรงหน้าก็ดูไม่แก่กว่าเขา แต่กลับให้เขาเรียกว่าพี่สาว
ยิ้มไปเบาๆ แล้วลู่ฝานก็ไม่พูดอะไร เริ่มกินเหล้าปลาอาหารไป
ลู่หมิงพูดอยู่ข้างๆ ว่า “ลู่ฝาน คุณหนูฮ่วนเย่ว์เป็นคนช่วยพวกเราหาสัตว์อสูรบินได้นะ และเพราะเธอนี่แหละ นายถึงไม่ถูกหน่วยป้องกันเมืองของเมืองตงซานเอาตัวไป คุณหนูฮ่วนเย่ว์ก็จะไปสถาบันสอนวิชาบู๊เหมือนกัน ไม่แน่ว่าวันข้างหน้าจะได้เป็นศิษย์สำนักเดียวกัน”
ลู่ฝานได้ยินดังนั้นก็อึ้งๆ ผู้หญิงที่เจอหน้ากับตนเองทีไรแล้วต้องสู้กันทุกรอบคนนี้ เป็นมิตรได้ด้วยหรือนี่?
ฮ่วนเย่ว์เงยหน้าพูดว่า “ทำไมล่ะ รับความช่วยเหลือจากคนอื่น ไม่คิดจะขอบคุณกันสักคำเลยหรือไง?”
“ลู่ฝานวางถุงเหล้าลง แล้วกลืนเนื้อในปากลงไป พร้อมพูดว่า ‘ขอบคุณคุณหนูฮ่วนเย่ว์มากเลย’”
ฮ่วนเย่ว์ยิ้มพูดว่า “ค่อยยังชั่วหน่อย แต่นายอย่าคิดนะว่าเรื่องที่แย่งของล้ำค่าของฉันไปมันจะจบได้ง่ายๆ พอไปถึงสถาบันแล้วรอให้นายฟื้นฟูพลังกลับมา ฉันจะไปคิดบัญชีกับนาย”
ลู่ฝานหัวเราะแหยๆ รู้อยู่แล้วว่าเด็กผู้หญิงสวยตรงหน้าไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ แน่ แต่ว่าเด็กผู้หญิงที่ชื่อฮ่วนเย่ว์คนนี้ ก็ไม่เลวเหมือนกัน ทำอะไรเปิดเผย ตรงไปตรงมา
ครุ่นคิดสักพัก ลู่ฝานก็พูดว่า “คุณหนูฮ่วนเย่ว์ เรื่องของล้ำค่านั้น ผมไม่มีทางคืนคุณได้จริงๆ เอาอย่างนี้ เดี๋ยวผมเอายาชดใช้ให้”
ฮ่วนเย่ว์พูดอย่างตกใจว่า “นายมียาด้วยงั้นหรือ? รู้อย่างนี้ ตอนที่นายสลบ ฉันค้นตัวเสียให้หมดก็ดี ว่ามา มียาอะไรบ้าง ยาธรรมไม่นับนะ ฉันรู้ว่าของล้ำค่านั่นมันดีมากๆ นายอย่าเอาของไม่ดีมาหลอกฉันนะ”
ลู่ฝานหันตัวหลบเลี่ยงสายตาของฮ่วนเย่ว์กับลู่หมิง แล้วก็หยิบขวดน้อยออกมาจากแหวน
“ยากลั่นซ้ำ ถือว่าเป็นยาระดับห้า ถือว่าผมชดใช้ให้ก็แล้วกัน”
พอได้ยินคำว่า ยากลั่นซ้ำ ลู่หมิงก็พูดออกมาว่า “คุณผู้ชายเถ่เมี่ยนให้ไว้ใช่ไหม?”
ลู่ฝานพยักหน้าเบาๆ สายตาของลู่หมิงมีทั้งอิจฉาและริษยา วันนั้นที่ประลองวิชายากันหน้าประตูตระกูลลู่ จริงๆ แล้วลู่หมิงก็แอบเบียดเสียดเข้าไปดูด้วยเหมือนกัน สำหรับตัวคุณผู้ชายเถ่เมี่ยนนั้น ลู่หมิงก็นับถืออย่างมาก ตอนนี้ได้เห็นยากลั่นซ้ำที่คุณผู้ชายเถ่เมี่ยนกลั่นออกมาวันนั้น มาอยู่ในมือของลู่ฝาน ในใจลู่หมิงอิจฉาแค่ไหนคิดดูก็รู้
ไม่นาน ลู่หมิงก็พูดว่า “ที่แท้เธอก็สนิทกับคุณผู้ชายเถ่เมี่ยนดีนี่เอง”
“แค่ยาระดับห้าเอง ฉันก็นึกว่าจะเป็นยาดีอะไรเสียอีก”
ฮ่วนเย่ว์ค่อนข้างไม่ตื่นเต้นอะไร หยิบขวดยามา แล้วก็ดมเบาๆ
“ถือว่าได้อยู่ คุณภาพธรรมดา แต่ว่าคิดดูแล้วตอนนี้นายก็น่าจะเอาของดีอะไรมาชดใช้ไม่ได้แล้ว ฉันรับยานี้ไว้ก็แล้วกัน ถือว่านายชดใช้ไปแล้วหนึ่งในสิบส่วน ต่อไปถ้ามีของดีอะไร เดี๋ยวฉันค่อยขูดเลือดขูดเนื้อเอาจากนายก็แล้วกัน”
ลู่ฝานพูดในใจว่า เธอก็รู้เหมือนกันนี่ว่าเป็นการขูดเลือดขูดเนื้อ
ฮ่วนเย่ว์ยิ้มตาหยีหยิบเอายาใส่ไว้ในถุงผ้าสีแดงที่เอวของเธอ จากนั้นก็พูดว่า “เอาเถอะ ลู่ฝานตอนนี้ฉันมีคำถามจะถามนาย นายจะต้องตอบฉันมาตามตรง”
ลู่ฝานพูด “ถามอะไร”
ตอนนี้ฮ่วนเย่ว์ก็ขยับเข้าไปใกล้อีก จ้องตาของลู่ฝานพูดว่า “เรื่องแรก กระบี่ของนายมันเป็นอย่างไรกันแน่ มันหนักมากเลย ด้วยพลังของฉันก็แทบจะยกไม่ขึ้น บอกฉันมา พละกำลังของนายแค่ปราณในขั้นต้น กวัดแกว่งกระบี่ที่หนักแบบนั้นได้อย่างไร?”
ลู่ฝานค่อยๆ พูดว่า “คำถามนี้ไม่ตอบได้ไหม? มันเกี่ยวข้องกับทักษะวิชาบู๊ของผม”