เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 914
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 914
หลังจากที่พักผ่อนกันมาหนึ่งวันแล้ว ขบวนเรือกับรังหนอนก็ประจัญหน้ากันอยู่ในระยะไกล
เป็นไปได้ที่อาจจะหวาดกลัวหลังจากเคยถูกลู่ฝานลงมือทำร้ายแล้ว พวกหนอนเหล่านั้นจึงไม่ได้บุกเข้าโจมตีขบวนเรือ แต่มองสังเกตมาจากระยะไกล ขณะเดียวกันก็กำลังเร่งจัดเตรียมรังไหมอยู่
ทางด้านลู่ฝาน พวกนักบู๊ก็กำลังเร่งฟื้นฟูพลังของตนเอง แต่ละคนต่างก็นั่งบำเพ็ญฝึกฝนอยู่ที่หัวเรือ พลังปราณแผ่ซ่านไปทั่ว
เมื่อเห็นรังไหมปรากฏขึ้นเป็นจำนวนมาก ทุกคนต่างก็เกิดความกังวลใจขึ้น
นั่นเป็นเพราะรังไหมเหล่านี้ ถึงได้ทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายกันเป็นจำนวนมาก มีนักบู๊บางคน ที่ถึงกับต้องเสียชีวิตลงท่ามกลางการระเบิดของพวกหนอนเหล่านี้
ลุงชางเองก็ขมวดคิ้วขึ้น เพราะการสู้รบในครั้งนี้นั้น เกรงว่าจะไม่ง่ายดายนัก
“คุณชาง! ”
ด้านหลังมีเสียงตะโกนเรียกดังขึ้น
ลุงชางหันหลังกลับไปมอง ก็เห็นปู้เฟยราชากระบี่ใต้เดินเข้ามาหา
ลุงชางขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังพูดกับปู้เฟยด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มว่า: “ผู้อาวุโสปู้ มีธุระอะไรเหรอ? ”
ราชากระบี่ใต้มีสีหน้าที่ย่ำแย่ เพราะก่อนหน้านี้ ลุงชางมักจะเรียกเขาราชากระบี่ใต้มาโดยตลอด
แต่ในวันนี้ ลุงชางกลับเรียกว่าผู้อาวุโสปู้
แม้ว่าจะแค่เปลี่ยนแปลงการเรียกขาน แต่ก็สามารถแสดงออกได้อย่างชัดเจนถึงท่าทีของลุงชางที่มีต่อเขา
แต่ราชากระบี่ใต้ก็ไม่ได้พูดอะไร และพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า: “ที่ฉันมาวันนี้ ก็แค่ต้องการเตือนลุงชางเท่านั้นว่า เส้นทางเบื้องหน้า ไม่สามารถที่จะเดินทางต่อไปได้แล้ว มีพญาหนอนอยู่ พวกเรายากที่จะผ่านพ้นไปได้ ยังไงก็รอให้ถึงปีหน้า ทางราชสำนักก็จะส่งกำลังทหารมาปราบปรามเอง”
ลุงชางสีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง และพูดขึ้นว่า: “ความหวังดีของผู้อาวุโสปู้ ฉันรับไว้ด้วยใจ แต่ว่าคณะจะเดินหน้าต่อไปหรือไม่นั้น ก็ไม่ใช่ว่าฉันคนเดียวจะเป็นคนตัดสินใจได้”
ขณะที่พูด ลุงชางก็หันหน้ามองไปยังนักบู๊คนอื่น
ส่วนนักบู๊คนอื่นนั้น ก็ไม่มีใครที่จะแสดงสีหน้าที่ดีให้กับราชากระบี่ใต้เลย
เวลานี้หยวนเลี่ยได้ลุกยืนขึ้นและพูดว่า: “ท่านราชากระบี่ใต้ ตอนแรกคนที่ต้องการจะเร่งเดินทางก็คือท่าน แต่วันนี้คนที่ให้พวกเราถอยกลับก็คือท่านอีก ท่านว่าพวกเราควรจะรับฟังหรือไม่รับฟังดีล่ะ”
ราชากระบี่ใต้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และพูดเสียงดังว่า: “ช่วงเวลาต่างกันสถานการณ์ก็ต่างกัน หลักเหตุผลนี้พวกนายไม่เข้าใจกันหรืออย่างไร? หรือว่าพวกนายมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะพญาหนอนตัวนั้นได้? แม้แต่ฉันเองก็ยังรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ แล้วพวกนายไปนำความกล้าหาญมาจากไหนกัน”
นักบู๊อีกคนหนึ่งลุกขึ้นพูดว่า: “ผู้อาวุโสปู้ไม่มีความกล้าหาญ ก็ไม่ใช่ว่าพวกเราจะไม่มีความกล้าหาญด้วย”
คำพูดเยาะเย้ยถากถางนี้ ทำให้ราชากระบี่ใต้อับอายจนแทบจะไม่รู้เอาหน้าไปไว้ที่ไหนเลย
ราชากระบี่ใต้มองไปที่นักบู๊คนนี้ แล้วก็นำกระบี่ออกมา
ในขณะนั้นเอง ประตูของห้องพัก ก็พลันเปิดออก แล้วเปลวไฟก้อนหนึ่ง ก็พุ่งปะทะใส่จนปราณกระบี่ของราชากระบี่ใต้แหลกสลายไป
“ท่านราชากระบี่ใต้ หากว่าท่านยังมีแรงพลังอยู่ ก็เก็บเอาไว้ฆ่าพวกหนอนนั้นเถอะ การที่มาลงมือทำร้ายพวกเดียวกันเองนั้น ช่างเป็นการกระทำที่ชั่วช้าเกินไปหรือเปล่า? ”
ลู่ฝานค่อย ๆ เดินออกมาจากห้องพัก หลังจากที่ได้พักผ่อนมาหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม ๆ ตอนนี้เขามีสภาพจิตใจและพละกำลังที่ดีอย่างที่สุด
เมื่อเห็นลู่ฝานเดินออกมา นักบู๊ทุกคนก็มีชีวิตชีวากันขึ้น
สิบสามที่เดินตามหลังลู่ฝานออกมานั้น ได้มองไปยังราชากระบี่ใต้ด้วยสายตาที่เย็นชา
เพราะว่าจากร่างกายของลู่ฝานนั้น เขาสัมผัสได้ถึงเจตนาสังหารที่มีต่อราชากระบี่ใต้ เป้าหมายที่เจ้านายต้องการสังหาร สิบสามเองก็จับจ้องตาเขม็ง เพียงแค่เจ้านายสั่งการ สิบสามก็จะพุ่งเข้าไปสังหารในทันที
สายตาของราชากระบี่ใต้ก็มองมาที่ร่างของลู่ฝาน สบตาซึ่งกันและกัน โดยที่ในแววตาของทั้งสองฝ่ายก็เต็มไปด้วยเจตนาสังหาร
ราชากระบี่ใต้พูดว่า: “ลู่ฝานใช่ไหม? ชื่อของนายนี้ ฉันจดจำไว้แล้ว เป็นฉันเองที่ประเมินนายต่ำเกินไป คิดไม่ถึงว่านายจะเป็นเด็กหนุ่มที่ชอบแกล้งทำเป็นอ่อนแอเพื่อฉวยโอกาสลงมือ”
ลู่ฝานพูดว่า: “ขอบคุณมากที่ราชากระบี่ยังคงนึกถึง ชื่อของฉันนั้น ไม่ควรที่จะพูดถึงหรอก หากว่าราชากระบี่ใต้คิดว่าพวกเราไม่มีทางที่จะสามารถฝ่าด่านรังไหมนี้ไปได้ อย่างนั้นท่านก็สามารถถอยร่นกลับไปก่อนเองได้เลย ทำไมจะต้องมาพูดมากอะไรด้วยล่ะ? ”