เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 918
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 918
ราชากระบี่ใต้ได้ถามต่อว่า: “แล้วทำไมฉันต้องได้รับการดูถูกเหยียดหยามจากพวกท่านด้วย? ทำไมพวกท่านจะต้องทำกับฉันแบบนี้”
ลุงชางมองไปที่ราชากระบี่ใต้แล้วพูดว่า: “ผู้อาวุโสปู้ไม่รู้จริง ๆ อย่างนั้นเหรอ? ”
ราชากระบี่ใต้พูดว่า: “ฉันทราบดี คือฉันได้ทอดทิ้งพวกไอ้กระจอกนั่น แล้วตนเองก็หลบหนีเอาตัวรอดใช่ไหม? นี่มันก็สมควรอยู่แล้ว ฉันมีพลังความสามารถมากที่สุด และก็หลบหนีด้วยตนเอง ใครจะว่าอะไรได้ หรือว่าจะต้องให้ฉันตายลงไปพร้อมกับกับพวกเขาด้วยน้ำมือของไอ้พวกหนอนนั่น ถึงจะถูกต้องอย่างนั้นใช่ไหม? ”
ลุงชางส่ายศีรษะและพูดว่า: “มีเหตุผลและก็ไม่มีเหตุผล ราชากระบี่ใต้ ในเมื่อคิดว่าพวกเขาเป็นไอ้กระจอก และคิดว่าตนเองไม่ได้ทำผิดอะไร แล้วทำไมจะต้องกลับมาด้วยล่ะ? ”
ราชากระบี่ใต้พูดว่า: “เพราะฉันต้องการเห็นพวกแกตายลงไปทั้งหมดด้วยตาตนเอง”
ลุงชางหันหน้ามองไปที่ลู่ฝานกับคนอื่น ๆ ที่กำลังต่อสู้กับพญาหนอนอยู่ ยิ้มและพูดว่า: “เกรงว่าพวกเราจะสามารถฝ่าด่านไปได้แล้ว”
ราชากระบี่ใต้ค่อย ๆ ชูกระบี่ขึ้นและพูดว่า: “ฉันพูดแล้วว่า พวกนายไม่มีทางฝ่าด่านไปได้ พวกนายก็จะไม่มีทางฝ่าด่านไปได้อย่างเด็ดขาด”
จากคำพูดของราชากระบี่ใต้ ลุงชางฟังออกถึงเจตนาสังหารเล็กน้อย จึงขมวดคิ้วขึ้น และพูดว่า: “ราชากระบี่ใต้จะฆ่าพวกเราอย่างนั้นเหรอ? ”
ราชากระบี่ใต้ยิ้มและพูดว่า: “เวลานี้มาเรียกฉันว่าราชากระบี่ใต้ก็คงจะไร้ประโยชน์แล้ว ฉันไม่สามารถปล่อยให้พวกนายออกไปทำลายชื่อเสียงของฉันได้ หากว่าปล่อยให้พวกนายไปป่าวประกาศว่าฉันเป็นคนเลวแล้วล่ะก็ คงจะต้องยุ่งยากเป็นแน่”
ลุงชางเองก็หัวเราะขึ้น โดยหัวเราะด้วยความเยาะเย้ย
“ดังนั้น นายคิดว่าชื่อเสียงของนายนั้น สำคัญมากกว่าชีวิตของพวกเราใช่ไหมล่ะ”
ราชากระบี่ใต้พูดขึ้นอย่างเด็ดขาดว่า: “ถูกต้อง! ”
ลุงชางพยักหน้าอย่างเข้าใจ เวลานี้จึงได้ค่อย ๆ ยกมือขึ้นแล้วพูดว่า: “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นก็เชิญเลย”
ราชากระบี่ใต้เห็นว่าลุงชางคิดที่จะลงมือกับตนเอง จึงแสยะยิ้มและพูดว่า: “นายจะลงมือกับฉันงั้นเหรอ? ไม่กลัวตายเหรอไง? ด้วยพลังความสามารถของนายแล้ว หากจะหลบหนี ฉันก็ไม่แน่ใจว่าจะขัดขวางเอาไว้ได้หรือไม่”
ลุงชางพูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า: “พวกเราที่ประกอบอาชีพนี้ อย่างแรกคือไม่กลัวตาย อย่างที่สองคือไม่กลัวตายอย่างมาก! หากราชากระบี่ใต้ไม่ลงมือ อย่างนั้นฉันก็จะลงมือแล้ว! ”
เมื่อพูดจบ ลุงชางก็ชี้นิ้วไปที่ราชากระบี่ใต้ ลำแสงที่เบาบางก็พุ่งตรงไปที่ไหล่ของราชากระบี่ใต้ทันที
ราชากระบี่ใต้ตอบสนองกลับอย่างรวดเร็วโดยได้ปล่อยปราณเกราะของตนเองออกมาทันที แต่ลำแสงที่ลุงชางปล่อยออกมานั้น ก็ยังทำลายปราณเกาะของราชากระบี่ใต้ลงได้อย่างง่ายดาย
ขณะนั้น ราชากระบี่ใต้สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก ท่ามกลางความตื่นตระหนก จึงได้กวัดแกว่งกระบี่โจมตีลุงชาง
แม้ว่าจะลงมืออย่างกระทันหัน แต่ลำแสงกระบี่ก็ยังคงไม่อาจจะมองข้ามได้
บนเรือมังกร นักบู๊หลายคนก็พากันอุทานขึ้นว่า: “ระวัง! ”
แต่ต่อมา ร่างของลุงชางก็ประกายแสงสีทองขึ้น
แสงเรืองรองนี้ รวมตัวกันเป็นเกราะ ปกคลุมลุงชางเอาไว้ภายในอย่างแน่นหนา
แสงกระบี่ของราชากระบี่ใต้ได้ฟาดฟันไปบนเกราะของลุงชาง โดยที่ไม่เกิดผลอะไรแม้แต่น้อย และถึงขนาดที่ไม่ได้ทำให้ร่างกายของลุงชางสั่นไหวอะไรเลยด้วย
“แดนปราณดิน! คิดไม่ถึงว่านายก็เป็นนักบู๊แดนปราณดินด้วยเหมือนกัน! ”
ราชากระบี่ใต้อุทานเสียงหลง
เวลานี้รอยยิ้มอ่อนหวานบนใบหน้าของลุงชางนั้นก็สูญหายไปแล้ว ที่มาทดแทนก็คือ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเจตนาสังหาร
ลุงชางพูดขึ้นอย่างเรียบง่ายว่า: “น่าจะเป็นเพราะปกติฉันลงมือน้อยจนเกินไป คนจำนวนมากถึงได้หลงลืมฉันไปแล้ว ชื่อของฉันไม่โด่งดัง ไม่มีความหมายอะไร แต่สมญานามของฉันนั้น นายคงเคยจะได้ยินมาบ้าง มาทำความรู้จักอีกสักครั้งหนึ่งแล้วกัน ฉันคือผีแสง! ”
ทันใดนั้น ราชากระบี่ใต้ก็มีท่าทางที่หวาดหวา สีหน้าย่ำแย่
แสงสีทองประกายเรืองรองไปทั่วอากาศธาตุ!