เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 921
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 921
หลังผ่านไปไม่กี่วัน ทีมเรือออกมาจากรังหนอนได้สำเร็จ
พูดขึ้นมาขอบเขตของรังหนอนนี้ก็ใหญ่จริงๆ ใช้เวลาตั้งหลายวันกว่าจะออกมาได้
มองอุโมงค์ข้ามมิติที่ไม่มีสิ่งกีดขวางด้านหน้า ทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งอก แม้ไม่มีพญาหนอน แค่โจมตีหนอนตัวอื่นก็หนีกันหมด แต่ฆ่าหนอนทั้งวัน ก็ไม่ใช่เรื่องที่สนุก วันนี้ทุกอย่างได้สิ้นสุดลงสักที
ลุงชางยืนอยู่ที่หัวเรือ ยื่นแก้วเหล้าให้ลู่ฝานแล้วพูดว่า “น้องลู่ฝานมาชิมสิ เหล้าเกล็ดน้ำแข็งชั้นดีของฉันเอง คนทั่วไปหาดื่มไม่ได้นะ”
ลู่ฝานรับเหล้ามา จิบเบาๆ หนึ่งอึก
เหล้าผ่านลำคอ เย็นถึงกระดูก เย็นยะเยือกจนลู่ฝานสดชื่นตื่นเต็มตา แต่หลังจากมันลงไปในท้อง กลับรู้สึกอบอุ่นไปหมด
“เหล้าดี!”
ลู่ฝานเอ่ยชม ลุงชางหัวเราะแล้วพูดว่า “ต้องเป็นเหล้าดีอยู่แล้ว ไม่งั้นฉันจะถนอมรักษามันเอาไว้ทำไมล่ะ”
ลู่ฝานดื่มเหล้าที่เหลือรวดเดียวจนหมด แล้วพูดว่า “ลุงชาง ได้ยินว่าราชากระบี่ใต้ โดนลุงขังเอาไว้จริงเหรอ”
ลุงชางพยักหน้าพูดว่า “ใช่ คนแบบนี้ต้องขังไว้ให้ดี รอให้ถึงจุดเสริมถัดไป ฉันจะพาเขาออกไป ประกาศเรื่องที่เขาทำสักหน่อย”
ลู่ฝานพูดว่า “ไม่กลัวโดนแก้แค้นเหรอ”
ลุงชางหัวเราะคิกคักแล้วพูดว่า “ฉันไม่ได้เป็นคนประกาศเองสักหน่อย ถึงเพื่อนสนิทของเขามาหาถึงที่ ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน”
พูดพลาง ลุงชางชี้นักบู๊คนอื่นบนเรือ ยิ้มแล้วพูดว่า “บนเรือยังมีคนอีกตั้งเยอะ”
ลู่ฝานยกยิ้มมุมปากกับท่าทางการวางตัวที่เจ้าเล่ห์ของลุงชาง
ลู่ฝานพยักหน้าแล้วพูดว่า “ดูเหมือนราชากระบี่ใต้คงอยู่ได้ไม่นานแล้วสิ”
ลุงชางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เขาตายแน่นอน ใครใช้ให้เขาคิดทำลายทีมเรือของฉันล่ะ นี่คือทุกอย่างของฉันเลยนะ น้องลู่ฝานจะพูดขอร้องแทนเขาเหรอ”
ลู่ฝานพูดว่า “ผมไม่ได้ชอบอวดรู้ถึงขั้นนั้น แค่คิดว่านักบู๊แดนปราณดิน ไม่ควรตายอย่างไร้ค่าเช่นนี้”
ลุงชางหัวเราะเศร้าๆ แล้วพูดว่า “แค่แดนปราณดินเท่านั้น ไม่นับประสาอะไร ยังไงก็ต้องหยุดความอวดดีเอาไว้ ยังไม่เข้าสู่แดนปราณฟ้า ล้วนเป็นเพียงคนกระจอกเหมือนมด ไม่รู้จักเขตวิถี ล้วนเป็นเพียงคนธรรมดา”
ลู่ฝานครุ่นคิดคำพูดของลุงชางอย่างละเอียด แล้วขมวดคิ้วเป็นปม
ลุงชางถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง เหมือนนึกถึงอดีตที่เจ็บปวดขึ้นมาได้
ลุงชางโบกมือไปมาแล้วพูดว่า “ไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้ว น้องลู่ฝาน ฉันมีเรื่องจะขอร้อง”
ลู่ฝานพูดว่า “เรื่องอะไร”
ลุงชางดูลำบากใจที่จะพูดออกมา อ้าปากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ฉันอยากขอของอย่างหนึ่งจากนาย”
ลู่ฝานกลอกตาไปมา ก็รู้ทันทีว่าลุงชางต้องการอะไร
“ที่ตรวจจับเหรอ”
ลุงชางหัวเราะร่าแล้วพูดว่า “น้องลู่ฝานเป็นคนฉลาด ของสิ่งนี้สำหรับคนวิ่งส่งสินค้าในอากาศเวิ้งว้างมาหลายปีอย่างพวกเรา มีประโยชน์มากจริงๆ ต่อไปถ้าเจอหนอนอีก อย่างน้อยก็ไม่โดนซุ่มโจมตี”
ลู่ฝานเอาที่ตรวจจับออกมาเส้นหนึ่งโดยไม่ลังเล ยื่นให้ลุงชางแล้วพูดว่า “อ่ะนี่”
ลุงชางอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “น้องลู่ฝานเป็นคนตรงไปตรงมาจริงๆ ฉันเป็นเพื่อนกับน้องลู่ฝานแล้วนะ ต่อไปแค่เป็นเรื่องในอากาศเวิ้งว้าง ขอแค่นายเรียกฉัน ฉันมาได้ทุกเมื่อ”
พูดพลาง ลุงชางเอาของออกมาสองชิ้น ยัดใส่เข้าไปในมือลู่ฝาน
ชิ้นแรกคือยันต์หยก อีกชิ้นคือลูกแก้ว
ลุงชางชี้ยันต์หยกแล้วพูดว่า “ยันต์หยกคือเครื่องหมาย บีบมันให้แตก ฉันก็จะรู้ว่านายอยู่ที่ไหน ติดต่อได้ทั่วทั้งโลกไม่มีพลาด ส่วนลูกแก้วนี่คือผลึกมิติ”