เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 936
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 936
ทันใดนั้น คนที่เดินไปมารอบๆ หลีกทางให้หมด ร้านค้าใหญ่ต่างๆ รีบประตูร้าน และรีบเปลี่ยนเอาแผ่นเหล็กมากั้นไว้ข้างนอก ดูท่าแล้วเหมือนไม่ได้เจอเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก
บ่อนพนันก็มีคนพุ่งออกมาสองสามคน ตะโกนเสียงดังว่า “เปิดพนันแล้วๆ นักเรียนสถาบันบู๊องอาจสู้กับนักบู๊ลึกลับ พนันหนึ่งต่อสามๆ!”
สิบสามเอากระบี่ปาดลงบนฝ่ามือตัวเอง ด้วยใบหน้าราบเรียบ จากนั้นยื่นมือออกมา
นี่คือลักษณะการดวลที่เป็นมาตรฐาน แต่นักเรียนในที่นี้เห็นวิทยายุทธของสิบสาม มีใครกล้าเข้ามาสู้อีกล่ะ
หานสงหัวเราะร่า แล้วพูดว่า “รับคำท้าสิ! อย่ากลัว นักเรียนสถาบันบู๊องอาจแบบพวกนาย เจ๋งมากไม่ใช่เหรอ”
นักเรียนสิบกว่าคนมองหน้ากันไปมา ไม่มีใครกล้าเข้ามาสักคน
ช่วยไม่ได้ เห็นความแตกต่างของแดนอยู่ตรงหน้า ไม่มีใครอยากเข้าไปโดนซัดหรอก
“อย่ากลัว ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะลงมือกับเราจริงๆ”
ตอนนี้เว่ยซูจิ้งกัดฟันพูดออกมา
ขณะนี้คนทั้งถนนต่างหันมามอง ถ้าพวกเขากลัว ไม่เพียงแต่ทำให้สถาบันขายหน้า ยังทำให้ตระกูลขายหน้าอีกด้วย!
เมื่อพูดเช่นนี้ เว่ยซูจิ้งเดินออกมาก่อน
เอากระบี่ปาดลงบนมือตัวเอง เว่ยซูจิ้งมองสิบสามแล้วพูดว่า “ฉันจะดูสิว่านายกล้าลง……”
ยังไม่ทันพูดจบ ลมแรงม้วนตัวเธอไป
พลังปราณบนตัวแตกกระจายจนหมด ตรงเอวเว่ยซูจิ้งมีรอยเลือดหนึ่งรอยทันที
เลือดสดพุ่งออกมา เว่ยซูจิ้งตกใจจนช็อกไปแล้ว
สิบสามมองเธอทันที แววตานั่นเหมือนมองศพที่ตายไปแล้ว
เสียงกระทบดังขึ้น เว่ยซูจิ้งล้มลงกับพื้น
เธอคิดว่าการที่ตัวเองมาจากตระกูลเว่ย เป็นนักเรียนแถวหน้าของสถาบันบู๊องอาจ บวกกับเพศที่ได้เปรียบ อีกฝ่ายไม่น่าจะลงมือกับเธอ
แต่ใครจะไปคิด อีกฝ่ายไม่รอให้เธอพูดจบ ก็จู่โจมเธอด้วยกระบี่
กระบี่นี้ขาดแค่นิ้วเดียว ก็จะทำลายตันเถียนของเธอ นี่ต้องยกความดีความชอบให้หยกชีวิตตรงตันเถียนของเธอ ตอนนี้ตรงหยกชีวิตมีรอยกระบี่เพิ่มขึ้นมาหนึ่งรอย
อีกฝ่ายจะทำลายเธอจริงๆ!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เว่ยซูจิ้งคลานกลับไปอย่างหวาดผวา สภาพน่าเวทนานั้น หานสงเห็นแล้วหัวเราะจนจะเป็นบ้า
ลู่ฝานเห็นภาพนี้แล้วขมวดคิ้วเบาๆ สิบสามเข้าใจคำพูดของเขาว่าไม่ให้ฆ่าคน แต่กระบี่ของสิบสาม มีเป้าหมายทำลายคน สำหรับนักบู๊ เจ็บปวดยิ่งกว่าฆ่าตายเสียอีก
ลู่ฝานรีบไอแรงๆ ออกมาหนึ่งครั้ง
สิบสามได้ยินลู่ฝานไอ จึงขมวดคิ้วเบาๆ ครุ่นคิดในใจ หรือว่ากระบี่ของตัวเองพลาดไป เลยทำให้เจ้านายไม่พอใจ
เมื่อคิดเช่นนี้ พลานุภาพของสิบสามยิ่งเยอะขึ้น กระบี่ต่อไปเขาต้องไม่พลาดอีก!
กวาดสายตามองนักเรียนคนอื่น นักเรียนพวกนี้รีบถอยหลังทันที
ขนาดเว่ยซูจิ้งยังเกือบโดนทำลายด้วยกระบี่เดียว มีหรือคนอื่นจะกล้าเข้าไป
ไม่พูดอะไรสักคำ คนพวกนี้แบกเว่ยซูจิ้งวิ่งหนีไป
ลู่ฝานเห็นภาพนี้แล้วหัวเราะเบาๆ
“ถึงเป็นนักเลงอันธพาล สู้แพ้ อย่างน้อยก็ต้องพูดทิ้งท้ายแรงๆ สักหน่อย คิดไม่ถึงเลยว่านักเรียนพวกนี้เทียบกับนักเลงอันธพาลไม่ได้เลย”
แม้เสียงพูดของลู่ฝานไม่ดัง แต่ก็ลอยเข้าหูนักเรียนพวกนั้น
จู่ๆ นักเรียนพวกนี้อับอายจนหน้าแดง บางคนเกือบร้องไห้ออกมา เร่งความเร็วขึ้นอีก เพียงพริบตาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“สะใจๆๆ! ลู่ฝาน ฉันเป็นเพื่อนกับน้องอย่างนายแน่นอน!”
หานสงหัวเราะเสียงดังแล้วพูดกับลู่ฝาน
ลู่ฝานปิดผ้าม่านรถ พูดกับสิบสามว่า “โอเค ไปต่อเถอะ”