เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 953
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 953
ลู่ฝานกวาดสายตามองไปยังทุกคน ความคิดของพวกเขา การวิพากษณ์วิจารณ์ของพวกเขา เหมือนจะไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลยแม้แต่น้อย
ลู่ฝานหันหน้ากลับมา มองไปที่สิบสามและพูดว่า: “ช่วยฉันดูแลเจ้าดำให้หน่อย! ”
ขณะที่พูด ลู่ฝานก็นำเจ้าดำไปวางไว้ในมือของสิบสาม เจ้าดำบิดขี้เกียจเล็กน้อย แล้วก็นอนต่อ
หานสงที่อยู่ด้านหลังของลู่ฝานได้พูดขึ้นว่า: “เพื่อนลู่ฝาน ครั้งนี้เหมือนจะเล่นกันหนักเลยทีเดียวนะ นายจะต้องแสดงพลังความสามารถอย่างเต็มที่! ”
ลู่ฝานยิ้มและพูดว่า: “วางใจได้”
กระโดดขึ้นไปบนก้อนหินยักษ์ และมองไปที่เทียนตู้ด้วยสายตาที่สงบนิ่ง
เวลานี้ ร่างกายของเทียนตู้สั่นเทาเล็กน้อย มือที่ถือกระบี่นั้นเหมือนจะไม่ค่อยมั่นคงแล้ว
“เหมือนว่านายจะประหม่าอยู่บ้างนะ! ”
ลู่ฝานยิ้มและพูดขึ้นพร้อมกับมองไปที่เทียนตู้
เทียนตู้สีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย และพูดขึ้นว่า: “วันนี้ บุคคลผู้ยิ่งใหญ่แต่ละท่านต่างก็มากันแล้ว ต้องมีความตื่นเต้นและดีใจบ้างเป็นธรรมดา นายต่างหากล่ะ ที่ยังแกล้งทำตัวเป็นปกติอยู่ คิดว่าทำตัวแบบนี้แล้ว จะสามารถแสดงให้เห็นว่านายสงบหนักแน่นได้จริงเหรอ? โง่เขลาสิ้นดี”
ลู่ฝานส่ายศีรษะและพูดว่า: “ฉันก็แค่บอกว่านายประหม่าและตื่นเต้นเท่านั้นเอง”
เทียนตู้กวัดแกว่งกระบี่ยาว และพูดว่า: “เกียจคร้านที่จะทะเลาะต่อเถียงกับนาย ลู่ฝานในเมื่อนายมาแล้ว อย่างนั้นการประลองในวันนี้ พวกเรามาท้าเดิมพันสิ่งของกันอีกไหมล่ะ? ”
ลู่ฝานพูดขึ้นว่า: “แล้วแต่นายเลย”
เทียนตู้ยิ้มและพูดว่า: “อย่างนั้นก็ตกลง ถ้าหากฉันเป็นฝ่ายชนะ ฉันต้องการอสูรวิเศษของนาย”
ลู่ฝานพูดว่า: “ฉันรู้อยู่แล้วว่า พวกนายไม่มีทางลืมสิ่งนี้ไปแน่ แล้วถ้าหากนายเป็นฝ่ายแพ้ล่ะ? ”
เทียนตู้หัวเราะเหอะเหอะแล้วพูดว่า: “ก็แล้วแต่นายเลย”
ลู่ฝานพยักหน้า แล้วก็ยื่นมือออกไปทางเทียนตู้ และปราณชี่ในร่างกายก็เริ่มพลุ่งพล่านขึ้น
เวลานี้เทียนตู้เองก็เริ่มที่จะปลดปล่อยปราณชี่ของตนเองออกมาเช่นกัน พลังกลิ่นอายที่รุนแรงนั้น ได้ก่อให้เกิดลมพัดขึ้นในบริเวณโดยรอบ
ลำแสงห้าธาตุเปล่งประกาย ร่างกายของเทียนตู้ได้ถูกปกคลุมด้วยเกราะลำแสงสีเหลืองที่หนาแน่น
เพียบพร้อมด้วยพลังธาตุดินในธาตุทั้งห้า และวิทยายุทธปราณชีวิตชั้นเจ็ด
เทียนตู้น่าจะมีอายุประมาณยี่สิบห้ายี่สิบหกปีเท่านั้นเอง แต่วิทยายุทธระดับนี้ กล่าวได้ว่าเป็นอัจฉริยะผู้เก่งกาจที่มากพรสวรรค์แล้ว!
มิน่าล่ะที่เขาถึงได้มีต้นทุนของความหยิ่งผยอง!
ผู้ตรวจการแปดก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย พลังความสามารถระดับนี้ เขาแทบจะไม่สามารถมีคุณสมบัติไปต่อสู้กับเขาได้เลย
“ปราณชีวิตชั้นเจ็ด คิดไม่ถึงว่าศิษย์พี่เทียนตู้จะบรรลุเข้าสู่ปราณชีวิตชั้นเจ็ดแล้ว! ”
พวกนักเรียนในสถาบันบู๊องอาจต่างก็ตะโกนโห่ร้องกันขึ้น จากนั้น นักเรียนคนหนึ่งก็ได้นำสมุดบันทึกเล่มหนึ่งและมาเปิดดูและพูดขึ้นว่า: “จักรพรรดิเตาเริ่นหลานที่อยู่ในอันดับห้าสิบหกของประเทศ ก็มีวิทยายุทธแค่ปราณชีวิตชั้นเจ็ดเท่านั้น โดยพลังความสามารถของศิษย์พี่เทียนตู้นี้ ไม่นานก็จะพุ่งทะยานขึ้นสู่อันดับรายชื่อห้าสิบคนแรกของประเทศแล้ว! ”
เสียงชื่นชมเกรียวกราว รอยยิ้มบนใบหน้าของเทียนตู้ก็ยิ่งกระหยิ่มยิ้มย่องขึ้น
เทียนหยาจื่อส่ายศีรษะไปมาและพูดว่า: “ความเร็วในการบำเพ็ญฝึกฝนวิทยายุทธของเทียนตู้คนนี้ถือว่าใช้ได้เลย”
ผู้อาวุโสด้านข้างพูดขึ้นว่า: “ไม่ผิดหวังที่ตระกูลส่งเขามาร่ำเรียนที่สถาบันบู๊องอาจ! ”
ท่ามกลางกลุ่มคนนั้น ใบหน้าของเว่ยซูจิ้งเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
แม้ว่าภายในสถาบันบู๊องอาจ วิทยายุทธของศิษย์พี่เทียนตู้ ก็ถือว่าไม่เป็นสองรองใคร
หากต่อสู้กับนักบู๊ที่มาจากเมืองเล็ก ๆ แล้ว ก็คงจะสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย
เขตเล็ก ๆ อย่างเขตตงหวา จะไปมีอัจฉริยะผู้เก่งกาจได้อย่างไรกัน?
เว่ยซูจิ้งนั่งรอดูให้ศิษย์พี่เทียนตู้ลงมือจัดการอีกฝ่ายหนึ่งจนบาดเจ็บสาหัส แล้วจึงค่อยไปแย่งชิงอสูรวิเศษมา
ลู่ฝานเห็นเหตุการณ์ดังนี้แล้ว จึงได้แสดงปราณชี่ของตนเองออกมาทั้งหมด
ทันใดนั้น ปราณชี่อันทรงพลังก็พลุ่งพล่านออกมา อานุภาพอันน่ากลัวก็พลันปกคลุมปราณชี่ของเทียนตู้ไปหมดแล้ว!
ปราณชีวิตชั้นแปด!
ทันใดนั้น เสียงอุทานโห่ร้องก็ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ผู้ตรวจการแปดก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ส่วนเทียนตู้ก็มองไปยังลู่ฝานราวกับว่าเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น คิดไม่ถึงว่าขั้นแดนวิทยายุทธของอีกฝ่ายหนึ่งนั้นจะเหนือกว่าเขาอีก? ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก!
เทียนตู้ขยับเคลื่อนไหวเล็กน้อย ก็พบว่าตนเองนั้นถูกพลังอานุภาพของฝ่ายตรงข้ามกดทับจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้แล้ว
เห็นอยู่ว่าห่างกันก็แค่ชั้นเดียวเท่านั้น แต่ทำไมเหมือนรู้สึกว่าแตกต่างกันหนึ่งขั้นแดนเลยทีเดียว!