เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 97
พูดไป อาจารย์เสวียนเจินก็ส่งเสียงผ่านอากาศไปให้ครูเจียงชิ่นข้างๆ ลู่ฝาน
ครูเจียงชิ่นก็หันไปพูดกับลู่ฝานว่า “ลู่ฝาน นายโชคดีมาก อาจารย์เสวียนเจินของคณะกระบี่ถูกใจนาย เลยถามนายว่ายินดีจะเข้าร่วมกับคณะกระบี่ไหม ถ้ายินดี ก็จะไม่ต้องประลองต่อไปแล้ว สามารถออกไปก่อนได้เลย”
ลู่ฝานยิ้มเบาๆ “ไม่ล่ะครับ ผมไม่ไปคณะกระบี่”
ครูเจียงชิ่นอึ้งไป เขาเพิ่งเคยเห็นนักเรียนใหม่ปฏิเสธคำเชิญจากอาจารย์สถาบันเป็นครั้งแรก แถมยังเป็นคณะกระบี่ที่อยู่อันดับที่สองของทั้ง9อันดับด้วย
“ลู่ฝาน คิดให้ดีนะ อาจารย์เสวียนเจินของคณะกระบี่ชื่นชอบนาย ไม่ใช่อาจารย์คนใดคนหนึ่งในคณะกระบี่ชื่นชอบนะ จะต้องได้รับการชี้แนะจากอาจารย์เสวียนเจินโดยตรงแน่นอน มันเป็นโอกาสดีมากเลยนะ”
ลู่ฝานส่ายหัวพูดว่า “ผมทราบครับ แต่ผมไม่ไป ประลองกันต่อเลยครับ เหมือนจะเหลือคนไม่เยอะแล้ว”
ครูเจียงชิ่นถอนหายใจ ช่างเป็นวัยรุ่นที่ยังไม่รู้ความจริงๆ วันข้างหน้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่นอน
ปากขยับๆ เจียงชิ่นก็ใช้กระแสจิตสื่อกลับ ขอเพียงฝึกถึงแดนปราณนอก ก็จะส่งเสียงออกไปได้อย่างง่ายดาย
เสวียนเจินได้ยินเสียงนั้น ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยพูดว่า “ไอ้เด็กคนนี้ กล้าปฏิเสฉันงั้นรึ”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง อี้ชิงก็หัวเราะขึ้นมาก่อนเลย
“อะไรนะ? ไอ้เด็กหนุ่มที่ถือกระบี่หนักไม่ยอมเข้าคณะกระบี่งั้นหรือ น่าสนใจ น่าสนใจมากเลยทีเดียว”
อาจารย์เมิ่งอวิ๋นของคณะบังเหินก็ส่ายหัวพูดว่า “เด็กหนุ่มทะเยอทะยาน คงจะเล็งคณะหยินหยางไว้แล้ว ซิงยวนนายจะรับเขาไว้ไหม?”
ซิงยวนก็ตอบว่า “ได้ มีพื้นฐานพละกำลังไม่เลว เป็นต้นกล้าชั้นดี ดูกันไปก่อน”
ท่านผอ.หัวเราะเบาๆ พูดว่า “ผมก็ว่าไม่เลวเหมือนกัน”
ตอนที่อาจารย์ทั้งหลายและท่านผอ.กำลังคุยเล่นกันนั้น ลู่ฝานที่อยู่ด้านล่างก็เอาชนะคู่ต่อสู้ได้อีกครั้งแล้ว
ในตอนนี้ เหลือนักเรียนเพียงแค่ไม่กี่สิบคนเท่านั้น ทุกคนล้วนเป็นระดับแดนปราณในขึ้นไปหมด
ก่อนที่จะมาที่นี่ ลู่ฝานคิดมาตลอดว่าระดับพละกำลังของตนเองถือว่าสูงแล้ว แต่พอเจอคนพวกนี้ ลู่ฝานถึงพบว่าระดับของตนเองนั้นยังไม่ถือว่าสูงมาก อย่างน้อยก็มี10คนที่เหมือนกับเขา สถาบันสอนวิชาบู๊เป็นสถานที่ที่รวบรวมคนเก่งไว้จริงๆ สมคำร่ำลือ
อาจารย์สองคนยืนในเกาะเดียวกัน เพื่อควบคุมดูแลการประลองครั้งนี้ นักเรียนฝั่งตรงข้ามก็มีมารยาทมาก เดินเข้ามายกมือคำนับพูดว่า “ผมชื่อสุ่ยหยวน ช่วยชี้แนะด้วย”
ลู่ฝานก็ตอบกลับไปว่า “ผมชื่อ ลู่ฝาน เชิญเลย”
สุ่ยหยวนหยิบอาวุธของตนเองออกมา เป็นดาบกับกระบี่อย่างละเล่ม
มือซ้ายดาบ มือขวากระบี่ พลังปราณถูกปล่อยออกมา ท่าทางรุนแรง ดูแล้วท่าจะไม่ธรรมดา
ด้านล่าง ลู่หมิงก็มองดูอยู่ในฝูงชน ตอนที่เห้นว่าคู่ต่อสู้ของลู่ฝานคือสุ่ยหยวนนั้น ลู่หมิงก็ขมวดคิ้วเบาๆ รู้ว่าครั้งนี้ลู่หมิงลำบากแน่
เพราะว่าสุ่ยหยวนคนนี้เป็นพี่น้องกับสุ่ยอู๋ฉิง ยอดฝีมืออันดับหนึ่งในคณะนานา สุ่ยอู๋ฉิงเคยพูดไว้หลายครั้งว่า น้องชายของเขามีพรสวรรค์ไม่ด้อยไปกว่าเขาเลย มีพละกำลังอยู่ที่แดนปราณในชั้นสอง ถ้าหากเป็นเพราะว่ายังไม่ได้ฝึกวิชาของตระกูลหมด สองปีก่อนก็ได้เข้ามายังสถาบันสอนวิชาบู๊แล้ว ครั้งนี้ ก็มาเพื่อจะเข้าคณะหยินหยาง
ตอนที่ลู่หมิงกำลังกังวลอยู่นั้น ด้านหลังก็มีเสียงของเฉียนเฟิงที่น่ารำคาญดังเข้ามาอีก
“เต่าขนเขียวลู่หมิง อยู่ที่นี่หรอกหรือ ให้หาตั้งนาน เพื่อนเอ็งโชคดีไม่เบาเลยนี่หว่า ถึงได้เจอกับน้องชายของพี่สุ่ย ดูเหมือนว่าเส้นทางข้างหน้าของเขาคงจะต้องจบลงแล้ว ใช่ไหมครับพี่สุ่ย”
เฉียนเฟิงเดินมาพร้อมกับสุ่ยอู๋ฉิง เสียงหัวเราะแสบแก้วหู รำคาญเสียงมาก
คนอื่นๆ ก็เห็นได้ชัดว่ารู้จักสองคนนี้กันหมด เลยหลีกทางให้เฉียนเฟิงกับสุ่ยอู๋ฉิงเดินเข้ามา
สุ่ยอู๋ฉิงเหล่มองลู่หมิง แล้วพูดว่า “แค่คนของตระกูลลู่เล็กๆ มาถึงจุดนี้ได้ ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว แต่น่าเสียดาย เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของน้องชายผม”
เฉียนเฟิงพูดต่อไปว่า “แน่นอนอยู่แล้ว ลู่หมิง เอ็งควรจะดีใจไว้นะ ที่พี่น้องเอ็งเจอกับน้องชายของพี่สุ่ย แต่ไม่ใช่เฉียนหยู่น้องชายของเรา ไม่อย่างนั้นอาจจะแพ้อย่างน่าอนาถ แถมอาจจะทิ้งความเจ็บใจไว้ให้อีกด้วย”
ลู่หมิงก็แอบกัดฟัน ถึงแม้เขาจะไม่ชอบลู่ฝาน แต่ตอนนี้ เขาไม่อยากให้ลู่ฝานแพ้เลย
ลู่หมิงก็ตอบไปนิ่งๆ ว่า “ชนะหรือแพ้ มันก็ยังไม่แน่เลย”
เฉียนเฟิงก็อึ้งไป แล้วก็หัวเราะลั่นออกมา พร้อมกับพูดว่า “โอ้ว เต่าขนเขียวมีความมั่นใจเหมือนกันนี่กว่า พนันกันหน่อยไหมล่ะ?”
ลู่หมิงยิ้มเย็นพูดว่า “ผมไม่มีอะไรสักอย่าง จะเอาอะไรไปพนันด้วยล่ะ”
เฉียนเฟิงก็ยิ้มพูดว่า “ผมรู้ว่านายไม่มีอะไรสักอย่าง ผมต้องการพนันให้นายมาทำความสะอาดและซักผ้าให้1ปี ยอมถูกด่าและทุบตี เหมือนกับคนรับใช้ กล้าพนันไหมล่ะ”
ลู่หมิงหนังตากระตุก สายตาเป็นประกาย
สุ่ยอู๋ฉิงหัวเราะออกมา “พี่เฉียน ไม่ต้องไปพนันก็สั่งสอนให้มันมาทำงานให้เราได้แล้ว จะต้องไปพนันทำไมกัน?”
ถึงแม้ปกติแล้วผมจะรังแกมัน แต่หมอนี่ใจแข็งไม่เบา เหมือนกับก้อนหิน เกือบเป็นเรื่องตั้งหลายครั้ง ถ้าหากว่ามันยอมให้ทุบตีด่าทอได้ ผมก็สะใจไม่เบาเลย พอถึงตอนนั้น
สุ่ยอู๋ฉิงยิ้มพูดว่า “ดีจริงๆ ดีจริงๆ ลู่หมิงกล้าพนันไหมล่ะ? ตอบหน่อย ดูสิ ข้างบนเริ่มสู้กันแล้ว”
ในหัวของลู่หมิงก็เกิดภาพของลู่ฝานกับน่าหลานรั่วอาจารย์ประมือกัน กัดฟันพูดว่า “พนันก็พนัน ถ้าผมชนะ ก็ต้องยอมซักผ้าให้ผม ยอมให้ผมด่าให้ทุบตีเหมือนกัน”
เฉียนเฟิงหัวเราะแทบจะสิ้นลม แล้วพูดว่า “ไม่มีปัญหา”
คนอื่นๆ ได้ยินสองคนนี้พนันกัน ต่างก็พากันซุบซิบ สายตาที่มองลู่หมิงก็เหมือนกันมองคนปัญญาอ่อนเสียอย่างนั้น
“เต่าขนเขียวลู่หมิงโง่อีกแล้ว เขายังลำบากไม่พอหรือไง?”
“ไม่แน่ว่าพี่น้องของเขาอาจจะเก่งมากก็ได้นะ?”
“ฮ่าๆ นายก็พูดตลอดไป ตระกูลลู่เนี่ยนะ? ผมได้ยินว่าเป็นแค่ตระกูลเล็กๆ ในเมืองเจียงหลินเท่านั้น”
……